โลกรู้จักกับโทรศัพท์มือถือ “ไอโฟน” หลังจากบริษัทแอปเปิ้ลเปิดตัวไอโฟนรุ่นแรกโดย สตีฟ จอบส์ ในงานแม็คเวิลด์ วันที่ 9 มกราคม 2007 (พ.ศ.2550) และวางจำหน่ายครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2550
iPhone ปี 2007
โดยไอโฟนรุ่นแรกที่วางจำหน่าย ในปี 2007 (พ.ศ.2550) คือ ไอโฟน (iPhone) หน้าจอ 3.5 นิ้ว เป็นสมาร์ทโฟนที่รองรับเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชั่นแรก กล้องหลังมีความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ความจุตัวเครื่อง 4 GB รองรับการเชื่อมต่อ GPRS, Edge, Wi-Fi และBluetooth 2.0 ราคาเริ่มต้น 16,400 บาท
iPhone 3G ปี 2008
เป็นไอโฟนรุ่นแรกที่รองรับเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G เปิดตัวปี 2008 หน้าจอขนาด 3.5 นิ้ว กล้องมีความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ความจุตัวเครื่องเริ่มต้นที่ 8 GB รองรับการเชื่อต่อมผ่าน GPRS, Edge, Wi-Fi, 3G และBluetooth 2.0 ราคาเริ่มต้น 24,500 บาท
iPhone 3GS ปี 2009
ไอโฟนรุ่น 3GS ยังคงมีหน้าจอ 3.5 นิ้ว มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 3.0 โดยได้ปรับปรุงกราฟิกของตัวซอฟต์แวร์ให้น่าใช้งานมากขึ้น กล้องมีความละเอียด 3 ล้านพิกเซล ราคาเริ่มต้น 24,500 บาท
iPhone 4 ปี 2010
การมาของ ไอโฟน 4 แม้หน้าจอยังเป็น 3.5 นิ้ว แต่ความละเอียดของหน้าจอเพิ่มขึ้นเป็น 640 x 960 พิกเซล Retina Display มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 4 และมีการออกแบบใหม่หมด รองรับมัลติทาสกิ้ง ระบบเช็กคำผิด และ iBooks ความละเอียดกล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล และเป็นไอโฟนรุ่นแรกที่กล้องหลังมีแฟลช และมีกล้องหน้า VGA ราคาเริ่มต้น 22,250 บาท
iPhone 4s ปี 2011
มีหน้าตาและหน้าจอเหมือนไอโฟน 4 ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 5 ใช้ชิปประมวลผล Apple A5 แบบ Dual-core รุ่นแรก กับแรม 512 MB กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับการบันทึกวิดีโอ 1080p รองรับ Siri ราคาเริ่มต้น 22,450 บาท
iPhone 5 ปี 2012
ไอโฟน 5 เป็นรุ่นแรกที่รองรับ 4G LTE มีหน้าจอขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 640 x 1136 พิกเซล ตัวเครื่องบางลง 18 % และเบาลง 20 % มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 6 ใช้ชิปประมวลผล Apple A6 แบบ Dual-core กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล เป็นรุ่นแรกที่มีพอร์ต Lightning Connector มีไมโครโฟน 3 ตัว และเริ่มใช้ซิมขนาด Mono SIM ราคาเริ่มต้น 24,550 บาท
iPhone 5s และ iPhone 5C ปี 2013
เป็นครั้งแรกที่โอโฟนเปิดตัวพร้อมกัน 2 รุ่น ด้วยดีไซน์ที่แตกต่างกัน โดยรุ่น iPhone 5s ตัวเครื่องเป็นอลูมีเนียม มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Touch ID ใช้ชิปประมวลผล Apple A7 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 7 กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล ราคาเริ่มต้น 24,500 บาท
ส่วน iPhone 5C ตัวเครื่องทำจากพลาสติก ใช้ชิปประมวลผล Apple A6 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 7 กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล ราคาเริ่มต้น 20,700 บาท
iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ปี 2014
ไอโฟน 6 มีหน้าจอ 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล (326PPI) เทียบเท่าความละเอียดแบบ HD ส่วนไอโฟน 6 พลัส มีขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (401PPI)
ไอโฟน 6 มีความบาง 6.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 129 กรัม ส่วนไอโฟน 6 พลัส มีความบาง 7.1 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 172 กรัม ทำให้ ไอโฟน 6 ทั้ง 2 รุ่นมีความบางกว่า ไอโฟนรุ่นอื่น ๆ
ทั้ง 2 รุ่น มีกล้องหลังความละเอียดเท่ากัน 8 ล้านพิกเซล และใช้เซ็นเซอร์ใหม่ที่เรียกว่า Focus Pixels ทำให้ออโต้โฟกัสที่รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม ระบบตรวจจับใบหน้าที่แม่นยำกว่าเดิม และการควบคุมค่าแสงที่ดียิ่งขึ้น แต่จุดที่ทำให้แตกต่างอยู่ที่ระบบกันสั่น (stabilization) โดยไอโฟน 6 รุ่นจอ 4.7 นิ้ว จะไม่มีฮาร์ดแวร์กันสั่น แต่จะใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาเป็นตัวช่วย ส่วนไอโฟน 6 พลัส จะมีฮาร์ดแวร์กันสั่น Optical Image Stabilization (OIS)
ไอโฟน 6 ราคาเริ่มต้น 24,900 บาท ไอโฟน 6 พลัส ราคาเริ่มต้น 28,900บาท
iPhone 6s และ iPhone 6s Plus ปี 2015
เป็นรุ่นต่อยอดมาจากไอโฟน 6 ดีไซน์เหมือนเดิม แต่เพิ่มความสามารถโดยทั้งคู่มีหน้าจอแบบ Force Touch รับรู้แรงกดได้ และมีสีใหม่คือ สีโรสโกลด์
ฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุดของ ไอโฟน 6s ก็คือ มี 3D Touch เป็นครั้งแรกทำให้ไอโฟน 6s สามารถรับรู้น้ำหนักของการกดหน้าจอได้ เพื่อให้สามารถใช้น้ำหนักการกด ควบคุมฟีเจอร์ต่างๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม เช่น การแตะเข้าแอพพลิเคชั่นต่างๆ ถ้าแตะก็เป็นการเข้าแอพฯ ตามปกติ แต่หากกดลงไปด้วยน้ำหนักที่มากขึ้นจะเป็นการเปิดเมนู Shortcut ต่างๆ ขึ้นมาให้เลือกอย่างรวดเร็วมากขึ้น
ทั้งนี้ ไอโฟน 6s จอแสดงผล Retina Display 24-bit (16 ล้านสี) ระบบสัมผัส Multi-Touch กว้าง 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล (326 ppi)
ส่วนไอโฟน 6s พลัส จอแสดงผล Retina Display 24-bit (16 ล้านสี) ระบบสัมผัส Multi-Touch กว้าง 5.5 นิ้ว (แนวทะแยง) ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล (401 ppi) ระบบปฏิบัติการ iOS 9 หน่วยประมวลผล : Apple A9 (64-bit)
ไอโฟน 6s ราคาเริ่มต้น 26,500 บาท ไอโฟน 6s พลัส ราคาเริ่มต้น 30,500 บาท
iPhone SE / iPhone 7 / iPhone 7 Plus ปี 2016
กลับมาเป็นสมาร์ทโฟนจอเล็กขนาด 4 นิ้ว ระบบสัมผัส Multi-Touch ความละเอียด 640 x 1136 พิกเซล (326 ppi) ป้องกันรอยนิ้วมือ (Anti-fingerprint display coating) ระบบปฏิบัติการ: iOS 9.3 หน่วยประมวลผล : Apple A9 (64-bit) หน่วยความจำ 16 GB (ตัวเครื่อง) RAM 2GB
ไอโฟน 7 หน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว และไอโฟน 7 พลัสหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 326 และ 401 ppi กล้อง 12 ล้านพิกเซล, ระบบกันสั่น, ส่วน ไอโฟน 7 พลัส มีกล้องคู่ซูมสองเท่า สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ ตัวเครื่องกันน้ำ กันฝุ่น ระดับ IP67 มีสีให้เลือก คือ สีดำเจ็ทแบล็ค (ใหม่), สีดำ (ใหม่), สีเงิน,สีทอง และสีทองชมพู
ไอโฟน 7 ราคาเริ่มต้น 26,500 บาท ไอโฟน 7 พลัส ราคาเริ่มต้น 31,500 บาท iPhone SE ราคาเริ่มต้น 16,800 บาท
iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X ปี 2017
ไอโฟน 8 จอแสดงผล Retina Display 24-bit (16 ล้านสี) ระบบสัมผัส Multi-Touch กว้าง 4.7 นิ้ว (แนวทะแยง) ความละเอียด 750 x 1334 พิกเซล (326 ppi) ระบบป้องกัน ฝุ่นละออง (Resistance to dust) ระบบเซ็นเซอร์ (Sensor) เซ็นเซอร์ยืนยันตัวบุคคลด้วยลายนิ้วมือ (Touch ID) ระบบหมุนภาพอัตโนมัติ (Accelerometer) ระบบเซนเซอร์หมุนภาพ 3 แกน (Three-axis gyroscope) ระบบวัดความกดอากาศ (Barometer) มีคุณสมบัติการกันน้ำ (Waterproof)
ไอโฟน 8 พลัส จอแสดงผล Retina Display 24-bit (16 ล้านสี) ระบบสัมผัส Multi-Touch กว้าง 5.5 นิ้ว (แนวทะแยง) ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล (401 ppi) คุณสมบัติอื่นๆ เหมือน ไอโฟน 8
iPhone X หรือ ไอโฟน เท็น ตามการเรียกภาษาโรมัน กับการออกแบบใหม่ที่ไร้ปุ่ม Home (โฮม) แต่สามารถสไลด์ด้านล่างตัวเครื่องเพื่อเปลี่ยนกลับหน้าจอ หรือเปลี่ยนแอพพลิเคชั่นผ่านการสไลด์ด้านล่างตัวเครื่องและค้างไว้เล็กน้อยเท่านั้น หน้าจอของ ไอโฟน เท็น มีขนาดเต็มหน้าจอ เป็น OLED ขนาด 5.8 นิ้ว ที่เรียกว่า Super Retina Display สามารถกันน้ำ โดยมี 2 สีให้เลือก คือ ดำและเงิน พร้อมกับการพัฒนาระบบ Face ID หรือการสแกนหน้า ที่มาแทนการยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ ด้วยเทคโนโลยีอินฟราเรด ที่เครื่องจดจำเรียนรู้จักหน้าที่บันทึกไว้แบบสามมิติ (อ่านข่าว : "แอปเปิ้ล" จัดหนักฉลอง 10 ปี เปิดตัว iPhone X ดีไซน์กล้องใหม่ไร้ปุ่มโฮม )
ไอโฟน 8 ราคาเริ่มต้น 28,500 บาท ไอโฟน 8 พลัส ราคาเริ่มต้น 32,500 บาท ไอโฟน เท็น ราคาเริ่มต้น 40,500 บาท
iPhone XS/ iPhone XS Max /iPhone XR ปี 2018
แอปเปิ้ล ระบุว่า ไอโฟน XS และไอโฟน XS Max ติดตั้งระบบกล้องใหม่ทั้งที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เช่น สามารถถ่ายภาพในสภาพที่มีแสงน้อยได้คมชัดมากขึ้น และปรับแต่งความชัดตื้นของภาพหลังถ่ายได้
นอกจากนี้ ไอโฟน XS มีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานกว่าไอโฟน X ประมาณ 30 นาที ขณะที่ไอโฟน XS Max ใช้งานได้นานกว่าไอโฟน X ถึง 90 นาที โดยแบตเตอรี่ไอโฟน XS Max มีขนาดใหญ่กว่าแบตเตอรี่ของโทรศัพท์ทุกรุ่นที่แอปเปิ้ลผลิต รวมทั้งมีหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่าหน้าจอไอโฟนรุ่นอื่นๆ เช่นกัน
ราคาของ ไอโฟน XS เริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ หรือ 33,000 บาท และไอโฟน XS Max มีราคาเริ่มต้นที่ 1,099 ดอลลาร์ หรือ 36,000 บาท
ส่วน ไอโฟน XR จะเป็นสินค้าทางเลือกสำหรับสาวกไอโฟนที่ต้องการสินค้าในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป โดย ไอโฟน XR มีราคาเริ่มต้นที่ 745 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 24,000 บาท ( อ่านข่าว : แอปเปิ้ลเผยโฉมไอโฟน XS ไอโฟน XS Max และไอโฟน XR )
อ่านข่าว :
“แอปเปิ้ล” เปิดตัวไอโฟนใหม่ 3 รุ่น-แอปเปิ้ลวอทช์ ซีรีส์ 4
มูลค่า “แอปเปิล”ทะลุหลัก 1 ล้านล้านดอลลาร์
รำลึก 10 ปี “ไอโฟน” สู่ตลาดโทรศัพท์มือถือ
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >>> //www.pptvhd36.com/special/ข่าววันนี้
ขอบคุณภาพจาก AFP