สโลแกน เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ ใช้ไม่ได้กับการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะบัตรเลือกตั้งถูกกำหนดให้กลับไปใช้แบบ 1 ใบ การตัดสินใจเพียงครั้งเดียวจึงหมายถึงการกำหนดทั้ง ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายกรัฐมนตรี
แม้ไทยจะเคยใช้บัตรเลือกตั้งแบบใบเดียวมาก่อน แต่ก็เป็นการเลือกตั้งเฉพาะระบบ ส.ส.เขตเท่านั้น แต่การกลับมาใช้บัตรใบเดียวอีกครั้งในรอบนี้ คะแนนถูกนำไปคำนวณหาที่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อด้วย
และเมื่อย้อนไปย้อนดูผลการลงคะแนนการเลือกตั้ง ปี 2548 และ 2554 จะพบว่า ประชาชน ไม่ได้ฝากความหวังไว้ที่พรรคใดพรรคหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่มีพฤติกรรมเลือก ส.ส.เขตจากพรรคการเมืองหนึ่ง และเลือกส.ส.บัญชีรายชื่อจากอีกพรรคการเมืองหนึ่ง
โดยคะแนนระบบบัญชีรายชื่อ พรรคที่ขับเคี่ยวกันมา คือ พรรคใหญ่ 2 พรรค ส่วนระบบเขต พรรคขนาดเล็ก ส่วนใหญ่จะได้คะแนนจากระบบเขต
ข้อมูลเหล่านี้ นักวิชาการ สะท้อนว่า เมื่อถึงคราวต้องเลือกพรรคการเมืองเข้าไปต่อสู้ในสภาผู้แทนราษฎร ประชาชนมักเลือกพรรคการเมืองใหญ่ที่เป็นตัวเต็ง ส่วนการเลือก ส.ส.เขต มีปัจจัยเรื่องความสนิทสนมในพื้นที่เป็นสำคัญ
การหาเสียงรอบนี้ จึงมีโอกาสสูงที่ประชาชนจะเห็นหลายพรรคการเมือง ชูสโลแกน เลือกพรรคเดียวจัดการทุกปัญหา เพราะ ยากที่จะเดาใจประชาชนว่าจะเลือก คน เลือกพรรค หรือ เลือกเพราะนายกรัฐมนตรี
แม้ปัญหานี้จะเป็นปัญหาที่ทุกพรรคจะต้องเผชิญในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่พรรคการเมืองขนาดกลาง และ ขนาดเล็กอาจต้องทำการบ้านหนักกว่าพรรคขนาดใหญ่ เพราะสติถิการเลือกตั้งที่ผ่านมาระบุว่า เมื่อเป็นวาระการดูแลประเทศ พรรคขนาดใหญ่มักได้รับเลือกมากกว่า เพราะมองว่าสามารถผลักดันนโยบายให้เป็นจริงได้ง่ายกว่า เพราะมีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาล
ขณะที่พรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก แม้จะได้ร่วมรัฐบาล แต่นโยบายส่วนหนึ่ง อาจไม่ได้รับการผลักดันจากแกนนำรัฐบาล
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> //www.pptvhd36.com/special/ข่าววันนี้