ในปลายเดือน ก.ย. 2561 อินโดนีเซีย ต้องเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติซ้ำอีก เมื่อเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่อง 2 ครั้ง ขนาด 6.1 แม็กนิจูด และ 7.5 แม็กนิจูด บน เกาะสุลาเวสี ทางตอนกลางของ ประเทศ ซึ่งก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ สึนามิ ที่ความสูง 1.5-2 เมตร พัดถล่มพื้นที่ชายฝั่งเมืองปาลู สร้างความเสียหายกับบ้านเรือนชาวบ้านไปจำนวนมาก และ คร่าชีวิต ประชาชนไปนับพันคน
ล่าสุดวันที่ 22 ธ.ค. 2561 เกิดเหตุ "ภูเขาไฟ กรากะตัว" ปะทุขึ้น จนเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ พัดซัดเข้าสู่ชายฝั่งทะเลในอินโดนีเซีย บริเวณช่องแคบซุนซา รอยต่อระหว่างเกาะสุมาตราและเกาะชวา ห่างจากกรุงจากาตาร์ เมืองหลวงของอินโดนีเซียไปราวๆ 100 กิโลเมตร สร้างความเสียหายและ คร่าชีวิตประชาชนอีกจำนวนมากเช่นกัน
โดยเหตุการณ์ ภูเขาไฟกรากะตัว (Krakatoa) หรือ กรากาเตา ปะทุขึ้นครั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เคยเกิดระเบิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งเมื่อ ค.ศ. 1883 (พ.ศ. 2426 ) วันที่ 20 พ.ค. 1883 ภูเขาไฟเกิดระเบิด มีเถ้าถ่านควันไฟจำนวนมากถูกพ่นออกมา ต่อมาเหตุการณ์นี้ค่อยๆสงบลง และหลังจากนั้นภูเขาไฟก็มีการระเบิดเล็กๆน้อยๆหลายครั้ง
ในวันที่ 26 ส.ค. 1883 ภูเขาไฟระเบิดขึ้นอีกจนชาวบ้านต่างเกิดความหวาดกลัว แม้ผู้ที่กำลังอยู่ในเรือที่อยู่ห่างจากกรากะตัว ถึง 16 กิโลเมตร ยังเห็นการระเบิดอย่างชัดเจน และรู้สึกได้ว่าน้ำทะเลรอบเรือร้อนขึ้นมาก
จากนั้น วันที่ 27 ส.ค. 1883 เวลา 10.00 น.ได้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่สุด แรงระเบิดนั้นคร่าชีวิตทุกคนที่ยังอยู่บนเกาะ โดยพื้นที่ร้อยละ 65.52 ของเกาะกลายเป็นเถ้าธุลีลอยสูงขึ้นไปถึง 80 กิโลเมตร ในรัศมี 240 กิโลเมตร เถ้าธุลีเหล่านั้นได้บดบังแสงอาทิตย์จนมืดมิดคล้ายตอนกลางคืน เสียงระเบิดดังกึกก้องจนถึงเมืองปัตตาเวียที่อยู่ห่างจากกรากะตัวถึง 150 กิโลเมตร
นอกจากนี้ การระเบิดยังทำให้เกิดคลื่นสึนามิ สูงกว่า 30 เมตร ซัดถล่มเกาะหลายแห่ง รวมแล้วมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ประมาณ 36,000 คน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ภูเขาไฟ “กรากะตัว” ระเบิด เกิดสึนามิถล่มอินโดฯ )
ข้อมูลภูเขาไฟกรากะตัว จาก วิกิพีเดีย
ภาพ FERDI AWED /AFP
