บริษัทแอปเปิลรายงานผลประกอบการในไตรมาส ล่าสุด ระหว่างเดือนต.ค. – ธ.ค. ปี 2018 พบว่า รายได้จากการจำหน่ายไอโฟนทุกรุ่น ซึ่งถือเป็นสินค้าหลักของบริษัท ลดลง 15% ส่วนรายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 84,310 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 5% จากปีที่แล้ว
ด้าน นายทิม คุก ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เผยว่า ราคาของไอโฟนที่แพงขึ้นเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายลดลงโดยขณะนี้บริษัทได้เริ่มปรับเปลี่ยนราคาจำหน่ายของไอโฟนบางรุ่นที่วางขายในบางประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับเสถียรภาพของสกุลเงินท้องถิ่นในประเทศนั้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้นในช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่า ไอโฟนรุ่นใด ในประเทศใด ที่จะมีการปรับลดราคา แต่มีการคาดการณ์ว่าอาจเป็นตลาดในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน ซึ่งยอดขายลดลงอย่างมาก อันเป็นผลจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงกรณีพิพาทเรื่องหัวเว่ยที่จุดกระแสชาตินิยม ทำให้คนจีนหันมาบอยคอตสินค้าจากแอปเปิล ไปใช้สินค้าของผู้ผลิตในประเทศอย่างหัวเว่ย และเสียวหมี่แทน
แม้ยอดขายไอโฟนจะลดลง แต่รายได้จากธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์อื่นๆทั้งหมดของบริษัท ยังปรับตัวขึ้น 19% โดยรายได้จากบริการแอปเปิล เพย์, แอปเปิล มิวสิก และไอคลาวด์ พุ่งขึ้น 19% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ แอปเปิลคาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาสต่อไป ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคมนี้ น่าจะลดลงไปอีกอย่างน้อย 3.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
