เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ นำเครื่องมือตรวจค่าแก๊ส เพื่อตรวจสอบพื้นที่ว่ามีความปลอดภัยเพียงพอจะเข้าไปเก็บตัวอย่างดิน น้ำ ในจุดที่กลุ่มคนปริศนาลักลอบทิ้งสารเคมีได้หรือไม่ จากนั้นเมื่อเห็นว่าปลอดภัย จึงเก็บตัวอย่างดินและน้ำที่คาดว่าปนเปื้อนสารเคมีไปตรวจสอบเพิ่มเติม
เบื้องต้นพบว่าสารเคมีในจุดนี้มีคุณสมบัติเป็นกรด ด่าง เข้าข่ายเป็นวัตถุอันตราย เจ้าหน้าที่กรมโรงงานจึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภ.พัฒนานิคม ส่วนจะเป็นสารเคมีชนิดใด ต้องรอผลตรวจอย่างเป็นทางการคาดว่าใช้เวลา 15 วัน
สงสัยรถบรรทุกปริศนา มุ่งหน้าจุดทิ้งสารเคมี
พิษสารเคมีในลพบุรี "ขยายวงกว้าง"
โดยวันนี้ 17 ก.ย. 2564 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่จุดนี้ ทั้ง เจ้าหน้าที่กรมโรงงาน บก.ปทส. กอ.รมน.จังหวัดลพบุรี ฝ่ายปกครอง พร้อมตำรวจท้องที่ เพื่อขยายผลล่าตัวกลุ่มคนที่กระทำความผิดมาดำเนินคดี
เบื้องต้นว่ามีความผิดตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขหลายฉบับโดยเวลานี้อธิบดีกรมควบคุมมลพิษระบุว่า มีข้อมูลเกี่ยวกับรถบรรทุกที่นำสารเคมีมาทิ้งแล้ว เป็นรถที่อยู่ในระบบของกรมโรงงาน และกำลังติดตามตัวคนขับมาสอบถาม เพื่อขยายผลไปถึงผู้ว่าจ้าง
ทีมข่าวตรวจสอบกับผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ตำบลดีลัง ยืนยันว่า ในช่วงเกิดเหตุประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน ชาวบ้านพบรถบรรทุกหลายคันมุ่งหน้ามาทางจุดลักลอบทิ้งสารเคมี มี 2 คัน เป็นรถที่ระบุชื่อบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง และ อีก 2 คัน เป็นรถบรรทุกคลุมผ้าใบ ติดสติ๊กเกอร์ชื่อ “ขุนศึก”
ที่น่าสนใจคือ สติ๊กเกอร์ ชื่อขุนศึก ถูกติดที่รถแบ็กโฮ ที่อยู่ในจุดทิ้งสารเคมี ซึ่งชาวบ้านให้ข้อมูลว่า รถแบ็คโฮ ทำหน้าที่เจาะถังสารเคมีให้ของเหลวไหลออกมา และ คนขับรถแบ็กโฮ เป็นคนประสานร้านรับซื้อของเก่าให้มารับซื้อถังเปล่า
ชาวบ้านหอบลูกหลาน หนีพิษสารเคมีลพบุรี
สำหรับ ชื่อ ขุนศึก เป็นชื่อที่รู้จักกันในแวดวงรับเหมาก่อสร้างในพื้นที่ มีคนดูแลชื่อ นายสุเทพ ขวัญตา และเมื่อดูจากคำสั่งของเทศบาลตำบลดีลัง ที่นำมาติดหน้าที่พื้นที่ที่ลักลอบทิ้งสารเคมี พบว่า นายสุเทพเป็นเจ้าของที่ดินแห่งนี้ด้วย
ทีมข่าวติดต่อนายสุเทพทางโทรศัพท์ เขาให้สัมภาษณ์ ยอมรับว่าที่ดินดังกล่าวเขาครอบครองอยู่จริง แต่อ้างว่าไม่ทราบว่าของที่ถูกนำมาทิ้งเป็นสารเคมี โดยเข้าใจว่าเป็นกรวด จึงยอมให้มาทิ้งได้ เพราะเดิมทีมีแผนจะถมที่อยู่แล้ว เพื่อจะทำที่จอดรถบรรทุก
เมื่อถามว่านายสุเทพ ตกลงให้รถบรรทุกเข้ามาทิ้งของเสียในพื้นที่ตัวเองกับใคร เขาอ้างว่าบังเอิญไปเจอผู้ชายคนหนึ่ง ที่ร้านอาหาร ถนนบายพาส สระบุรี ซึ่งเป็นจุดจอดรถบรรทุก เป็นการเจอโดยไม่ได้นัดหมาย ผู้ชายคนนั้นถามว่า มีที่สำหรับทิ้งเศษกรวดและดิน ที่ไหนบ้าง นายสุเทพ ตอบว่า เขามีที่เป็นบ่อดิน กำลังมีแผนจะถมดินเพื่อสร้างที่จอดรถพอดี จึงพากันไปดูที่ แล้วตกลงให้มาเททิ้งได้ แต่หลังจากนั้นไม่ได้เข้ามาดู ปรากฎว่าเที่ยวที่ 2 เป็นต้นไป รถบรรทุกขนถังสารเคมีมาจำนวนมาก ลูกน้องที่ขับรถแบ็คโฮ จึงโทรไปบอกว่า มีถังสารเคมีด้วย นายสุเทพจึงบอกให้นำไปขาย เพราะอ้างว่าไม่ทราบว่าเป็นสารเคมีชนิดใด
นายสุเทพ อ้างว่า ไม่ได้เก็บเบอร์โทรศัพท์ของคนที่ติดต่อด้วย เพราะเจอกันเพียงครั้งเดียว และไม่ได้คิดว่าต้องติดต่อกัน จึงไม่ทราบว่าใครเป็นคนว่าจ้าง และตัวเองไม่ได้เงินค่ากำจัดด้วย นอกจากเงินที่ได้มาจากการขายถังเปล่า