นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้มอบหมายให้สถานีรถไฟที่อยู่ในโครงการต้นแบบสถานี/ซุ้มสวยงาม พืชผักกินได้ทั่วประเทศ นำผลผลิตการเกษตร ทั้งผักสด ผักปลอดสารพิษ พืชสมุนไพร นำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน และชุมชนในพื้นที่ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าครองชีพในช่วงสถานการณ์ผักสด และสินค้าต่างๆมีราคาแพง รวมถึงให้นำมาใช้เป็นวัตถุดิบประกอบการอาหาร ช่วยเหลือประชาชน ชุมชน ตลอดจนครอบครัวพนักงาน ลูกจ้าง
พิษภัยแล้ง! กระชายราคาพุ่งจาก 40 บาทเป็น 150 บาทต่อกก.
ภัยแล้งดัน “พริกขี้หนู” แตะกก.ละ 300 บาท
หลังจากก่อนหน้านี้ ได้นำพืชสมุนไพร ฟ้าทะลายโจร ขิง ข่า ตะไคร้ ที่ได้จากโครงการฯ ไปแบ่งปันให้กับชุมชน และสถานกักตัว เพื่อใช้บรรเทาความเจ็บป่วยแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาแล้ว
ทั้งนี้ การรถไฟฯ ได้ดำเนินโครงการต้นแบบ สถานี/ซุ้มสวยงาม พืชผักกินได้ มาตั้งแต่ปี 2560 โดยมีการนำพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์บริเวณใกล้เคียงสถานีรถไฟ และซุ้มเครื่องกั้นถนน มาปรับปรุงเป็นแปลงพืชผัก สำหรับปลูกผักสวนครัว ผักปลอดสารพิษ สมุนไพร โดยมีพนักงาน และลูกจ้างการรถไฟฯ ใช้เวลาว่างจากการปฏิบัติหน้าที่ช่วยกันดูแล และนำผลผลิตมาใช้บริโภค แบ่งปันให้กับประชาชน ชุมชนในพื้นที่
ซึ่งปัจจุบันมีสถานีและซุ้มเครื่องกั้นถนนฯ เข้าร่วมแล้ว 31 สถานี และซุ้มกั้นถนนอีก 28 ซุ้ม โดยสามารถปลูกผลผลิตได้อย่างหลากหลาย อาทิ ผักกวางตุ้ง ผักฮ่องเต้ ผักกาดขาว มะเขือ พริก ใบกะเพรา รวมถึงสมุนไพรที่ใช้แทนยารักษาโรค เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ฟ้าทะลายโจร เป็นต้น
ยังขาดเงินจ่ายชาวนาอีก 76,000 ล้านบาท ด้าน ธกส.โอนงวดแรกถึงมือชาวนาแล้ว 5 แสนครัวเรือน
ชีวิตดังนิยายด.ญ.ถูกทำร้ายหนีออกจากบ้าน
“ในอนาคตการรถไฟฯ มีแผนขยายโครงการต้นแบบสถานี/ซุ้มสวยงาม พืชผักกินได้ ไปตามตามสถานี และซุ้มกั้นถนนให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ เพื่อพัฒนาพื้นที่ของการรถไฟฯ ให้เกิดประโยชน์ และส่งเสริมการใช้เวลาว่างของพนักงานประจำสถานี มาเพาะปลูกพืชผักสวนครัว ผักปลอดสารพิษ สำหรับใช้บริโภคภายในครัวเรือน และแจกจ่ายให้กับชุมชน สถานศึกษาโดยรอบ ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และก่อให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีระหว่างการรถไฟฯ กับชุมชนต่อไป”