คลิปวิดีโอเหตุการณ์ ที่ถูกนำมาเผยแพร่ลงหลายสื่อ และส่งต่อกันบนโซเชียลจำนวนมาก ภายในคลิปจะเห็นว่ามีสาวประเภทสองที่สวมเสื้อสีขาว กางเกงสีฟ้า และวัยรุ่นชายสวมกางเกงสีน้ำเงิน กำลังชกต่อยกันอยู่ พร้อมระบุข้อความในลักษณะว่าฝ่ายชายเป็นคนท้าต่อยก่อน อีกทั้งก่อนหน้านี้ได้มีการเหยียดเพศสภาพกันผ่านโซเชียลหลายครั้ง จนทำให้สาวสองทนไม่ไหวแล้วเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
ดราม่า!! ครูสาวประเภทสองถูกเหยียดเพศกลางที่ประชุม
ตั้งกรรมการสอบรุ่นพี่ สั่งถอดเสื้อสาวประเภทสองรับน้องใหม่
วันนี้ 25 พ.ย. 2564 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบนถนนภายในซอยประชาอุทิศ79 พูดคุยกับนายปากรณ์ ศิริธเนศ หรือ ปิ๊ง อายุ20ปี สาวประเภทสองที่อยู่ในคลิป เล่าว่าก่อนเกิดเหตุทะเลาะชกต่อยกัน เธอและชายคู่กรณีผิดใจกันมาก่อน เพราะ ฝ่ายชายคนนี้ เป็นแฟนของเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกับเธอ
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา แม่ของ น.ส.เอ (นามสมมติ) เพื่อนของปิ๊ง มาหาที่บ้าน พร้อมขอให้ปิ๊งช่วยพาไปหาลูกสาว ซึ่ง ปิ๊ง รู้ว่า น.ส.เอ (นามสมมติ) อยู่กับ นายบี (นามสมมติ) คู่กรณี จึงพาไปหาที่บ้าน จากนั้น นายบี (นามสมมติ) ไม่พอใจ ต่อว่า ปิ๊งว่ายุ่งเรื่องของเขา ทำให้ นายบี (นามสมมติ) พาพวกผู้ชายหลายคนมารุมกระทืบแต่ปิ๊งหนีทัน
ปิ๊ง เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า นายบี (นามสมมติ) คุกคามเธอต่อเนื่อง ทั้ง สร้างแชตกลุ่มขึ้นมาต่อว่าหยาบคาย ใช้คำเหยียดเพศสภาพหลายครั้ง รวมทั้งท้าทายให้ชกต่อยตัวต่อตัวและขู่จะบุกถึงบ้าน
จนกระทั่งวันเมื่อวานนี้ (24พ.ย.) นายบี (นามสมมติ) พร้อมเพื่อน อีก 3 คน มาหาปิ๊งที่บ้าน จากนั้นก็ทะเลาะวิวาทกันตามคลิป
หลังจากนายบี (นามสมมติ) เลือดกำเดาไหล ปิ๊ง เล่าว่า ตอนแรก เพื่อนของนายบี (นามสมมติ) จะเข้ามารุมกระทืบ แต่มีคนห้ามไว้ทัน พร้อมต่อว่า กลุ่มผู้ชาย ว่า ถ้ารุมเธอถือว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย เพราะ เธอต่อยชนะนายบี (นามสมมติ) แบบตัวต่อตัวแล้ว
ปิ๊งบอกว่าแม้จะต่อยชนะ แต่กลุ่มคู่กรณี ประกาศว่าจะไม่จบเรื่องนี้ง่ายๆ หากเจอเธออีกจะทำร้ายตอนนี้จึงกลัวมาก ไม่กล้าออกจากบ้านคนเดียว
หลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ไปก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เข้าข้างฝั่งสาวประเภทสอง ที่กล้าสู้กับผู้ชายแท้ และไม่เห็นด้วยกับการเหยียดเพศสภาพ
ขณะที่ ตุ้ม ปริญญา เกียรติบุษบา อดีตนักมวยสาวประเภทสองที่โด่งดังเมื่อปี 2541 แชร์คลิป พร้อมประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความว่า ให้ปิ๊งมาเข้าค่ายด่วน พร้อมบอกด้วยว่า ปิ๊งคือทายาทคนต่อไป
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ ตุ้ม ปริญญา บอกว่า ครั้งแรกเห็นแค่ภาพนิ่งของปิ๊งตอนชกต่อย รู้สึกว่าถ้ากระโดดเข่าลอยสวยมาก จึงแชร์ไปว่าอยากพามาอยู่ค่าย แต่เมื่อมาดูคลิปวิดีโอเต็มๆ และรู้เหตุผลของการทะเลาะกันที่แท้จริง รู้สึกสงสาร และเข้าใจมาก เพราะเคยเป็นคนที่ถูกเหยียดเพศมากก่อน
ตุ้ม ปริญญา บอกอีกว่า ปิ๊งรูปร่างบาง น้ำหนักน้อย เมื่อเทียบกับคู่ชก ถือว่าเสียเปรียบมาก หากเปรียบเทียบเป็นมวย คู่นี้ไม่สามารถขึ้นชกกันได้จริง และมีโอกาสที่ปิ๊งจะแพ้สูง แต่นับถือใจที่ฮึดสู้ จนชนะผู้ชายได้
สำหรับเรื่องที่จะชวนปิ๊งมาฝึกในค่าย ตุ้ม ปริญญา บอกว่า เห็นถึงความเป็นนักสู้ในตัวน้อง และเมื่อดูคลิปวิดีโออย่างละเอียดจะเห็นว่าบางท่าที่น้องใช้ชกต่อยกับชายในคลิปก็เป็นท่ามวยที่ใช้จริงบนเวที อย่างท่า เข่าลอย ชกหมัดอัปเปอร์คัตใต้คาง เตะเข้ากลางลำตัว มองว่า ปิ๊งสามารถเป็นนักมวยอาชีพได้ หากมีการฝึกฝน และหากให้วิเคราะห์ปิ๊งจะอยู่ในรุ่นมวยใด เชื่อว่าน่าจะอยู่ รุ่นมินิฟลายเวท น้ำหนักไม่เกิน 105 ปอนด์ หรือ 45.4 กิโลกรัม
ตุ้ม ปริญญา ย้ำว่า อีกว่า หากสนใจสามารถมาเป็นนักมวยที่ค่ายได้ พร้อมรับและฝึกฝนให้ ขณะที่ทีมข่าวถามจาก ปิ๊งว่าสนใจหรือไม่ ปิ๊งบอกว่าสนใจและยินดีมาก
สำหรับภาพรวมเรื่องการยอมรับความหลากหลายทางเพศ นายกิตตินันท์ ธรมรัช นายกสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย มองว่า การบูลลี่เพศที่แตกต่างในไทยเกิดจากอคติของคนบางกลุ่มที่มองว่า คนข้ามเพศส่วนใหญ่คือผู้ที่มีภาวะทางจิตที่ไม่ปรกติ จึงตีความว่าเป็นผู้เบี่ยงเบนทางเพศ แต่ในระดับสากลได้มีงานวิจัยออกมารองรับว่า กลุ่ม LGBTQ+ ไม่ได้ป่วยทางจิตแต่อย่างใด
โดยที่ผ่านมาทางสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย ได้เสนอวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยการลดอคติส่วนตัว และต้องปลูกฝังแนวคิดความเข้าใจเรื่องรสนิยมทางเพศที่หลากหลาย เพื่อให้สังคมมองตรงกันว่า คนข้ามเพศก็คือมนุษย์คนหนึ่ง ไม่แตกต่างอะไรกับชายหญิงทั่วไป และร่วมกันผลักดันสถานะทางกฎหมายให้กับกลุ่มคนข้ามเพศมีตัวตนที่ชัดเจน เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสังคมและแสดงถึงความเท่าเทียมทางเพศแบบสากลประเทศ
