วัคซีนโควิดมาไวกว่าแผน 'แอสตราเซเนกา' ยื่นอย.ขึ้นทะเบียนแล้ว ลุ้นสัปดาห์นี้อนุญาตใช้แบบฉุกเฉิน!
“อนุทิน” ลั่น พร้อมฉีดวัคซีนโควิด-19 คนแรก
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2564 ทีมข่าว PPTV ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ใช้วิธีสัมภาษณ์แหล่งข่าวโดยไม่ลงจากรถ สำรวจความเห็นกลุ่มที่ทำงานกับแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะได้รับการฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรก ๆ หลายคนบอกว่า กังวลเรื่องคุณภาพของวัคซีน ส่วนกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ตั้งคำถามว่า หากได้รับวัคซีน แรงงานข้ามชาติจะได้ฉีดด้วยหรือไม่ พร้อมมองว่า แรงงานข้ามชาติกลุ่มที่มีเอกสารถูกต้อง ควรได้รับสิทธการรักษาพยาบาลเท่าเทียบกับคนไทย
ส่วนอีกกลุ่มที่จะได้รับการฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรก ๆ คือ ผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานต่ำ จากการสำรวจความเห็นคนกลุ่มนี้ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า หลายคนกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นหนูทดลอง บางคนประกาศจะสละสิทธิ์การฉีดวัคซีน อย่าง นางสำลี เนตรสว่าง ชาวกรุงเทพฯ วัย 62 ปี นำอุปกรณ์ป้องกันโควิดที่เก็บในกระเป๋า จำนวนมาก ออกมาให้ทีมข่าวดู เพื่อยืนยันว่าเธอปฎิบัติตามมาตราป้องกันโควิด-19 ดูแลตัวเองอย่างดี เพื่อป้องกันตัวเองจากเชื้อโรค เธอยังเปิดเผยกับทีมข่าวด้วยว่า หากเธอได้รับสิทธิ์ฉีดวัคซีนในล็อตแรกนี้ ยืนยันว่าจะขอสละสิทธิ์ เพราะไม่มั่นใจว่าหากฉีดไปแล้ว จะปลอดภัยจากอาการข้างเคียง จึงอยากให้รัฐบาลรอบคอบมากกว่านี้
ส่วนนายชูชัย สุกพัฒน์ ชาวจังหวัดนนทบุนีวัย 74ปี มองว่าจากการติดตามข่าว วัคซีนที่จะนำเข้ามาฉีดให้คนไทย ซึ่งฉีดให้ชาวต่างชาติ มีอาการข้างเคียง จึงไม่อยากเป็นหนูทดลอง
ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ระบุว่า การทำเรื่องวัคซีนของไทย ไม่ได้คิดโดยคนใดคนหนึ่ง แต่ ผอ.ศบค. หรือ นายกรัฐมนตรี จะฟังจาก คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ชุดกำกับติดตามของ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมถึงที่ปรึกษานายกฯที่เป็นทีมคณะแพทย์ ขึ้นมา เพื่อเลือกวัคซีนที่ดี และมีความปลอดภัยที่สุดมาให้ เพราะอย่างน้อย บุคลากรทางการแพทย์ จะเป็นบุคคลที่ต้องฉีดเป็นกลุ่มแรก และจะผลีพลามไม่ได้
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้รับมือกับโรคระบาดอย่างโควิด 19 เท่านั้น สิ่งสำคัญคือประชาชนทุกคนยังต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ และรักษาระยะห่าง