พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึง กรณีที่นักวิจัยไทยขอถอนงานวิจัยฟ้าทะลายโจรกลับมา โดยชี้แจงว่า เป็นการถอนกลับมาชั่วคราว เนื่องจากพบข้อผิดพลาดเรื่องตัวเลขเล็กน้อยและจะเสนอกลับเข้าไปใหม่
"หมอสันต์" แจง ถอนต้นฉบับวิจัยฟ้าทะลายโจรรักษาโควิด "ไม่ได้หมายความว่าใช้รักษาไม่ได้ผล"
การดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย
กรณีที่ผิดพลาดสถิติหนึ่งจุดดังกล่าว จึงขอถอนงานวิจัยออกมาเอง ไม่ได้ถูกปฏิเสธหรือถูกส่งกลับคืนมาจากวารสารการแพทย์ ขณะที่ผลการวิจัย เนื้อหางานวิจัยทั้งหมดยังคงเป็นไปตามงานวิจัยฉบับแรกที่ถอนกลับมา เมื่อปรับปรุงตัวเลขแล้วจะส่งกลับไปตีพิมพ์ที่วารสารเดิมต่อไป
“และจากกรณีนี้ยังไม่มียาตัวใดเลย" ที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการว่า สามารถฆ่าไวรัสโคโรนา หรือรักษาโควิด-19 ได้โดยตรง”
เพราะยาทุกชนิดยังอยู่ในการทดลองและเก็บข้อมูลการใช้ยาชนิดต่างๆ ที่คาดว่าจะใช้รักษาโควิด-19 ได้ เช่น ฟาวิพิราเวียร์ แรมเดสซิเวียร์ รวมถึงสมุนไพรฟ้าทะลายโจร
ซึ่งกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จึงนำ ฟ้าทะลายโจร มาทดลองใช้ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย และมีแนวโน้มได้ผลดี โดยเฉพาะลดการพัฒนาของโรคไม่ให้เดินหน้ารุนแรงขึ้นจนมีปอดอักเสบ
ผลการทดลองที่คลาดเคลื่อนเล็กน้อยนั้นเกิดจาก
การทดลองแบบสุ่มโดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบ (Randomized Controlled Trial : RCT) ใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจร (APE : Andrographis paniculate extract ) ในผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อย อายุ 18-60 ปี หลังยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ได้รับสารสกัดฟ้าทะลายโจร กลับกลุ่มที่ได้ยาหลอก
ผลการทดลอง พบว่า ไม่พบอาการปอดอักเสบเลยในกลุ่มที่ได้ยาฟ้าทะลายโจร 29 ราย แต่พบในกลุ่มยาหลอก 3 รายใน 28 ราย คิดเป็น 10.7% เมื่อนำไปคำนวณทางสถิติ มีค่านัยสำคัญทางสถิติที่ p = 0.112 (ทดลอง 100 ครั้ง ผลลัพธ์คงเดิม 97 ครั้ง) ซึ่งตรงนี้คือส่วนที่ผิดในการทำรายงานครั้งแรกที่ระบุ ว่ามีนัยสำคัญที่ p = 0.03 (ทดลอง 100 ครั้ง ผลลัพธ์คงเดิม 90 ครั้ง)
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการทดลองให้ยาฟ้าทะลายโจรในกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 พบว่า หลังจากได้รับยา 5 วัน 29 รายที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจร มี 10 ราย ในร่างกายยังมีไวรัส ส่วนอีกกลุ่มที่ได้รับ ยาหลอก 28 ราย มี 16 ราย ในร่างกายยังมีไวรัส และอีก 3 รายที่มีอาการปอดอักเสบ จากกลุ่มที่ได้รับยาหลอก 28 ราย ปอดมีการอักเสบเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ผลการทดลองยังพบว่า การใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจร ไม่มีผลต่อตับ ไต และระบบเลือด
ดังนั้น สารสกัดฟ้าทะลายโจรของไทยยังมีแนวโน้มที่ดี ที่จะได้ผลในการป้องกันผู้ติดเชื้อโควิด-19 “ไม่ให้เกิดปอดอักเสบและสามารถใช้งานต่อไปได้”
ซึ่งขนาดยาฟ้าทะลายโจรที่ใช้นั้น มีแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งทานวันละ 3 ครั้งต่อเนื่อง 5 วัน ส่วนในเด็กตั้งแต่ 4 ขวบ แอนโดรกราโฟไลด์ 3.5-4 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ไม่เกิน 180 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งวันละ 3-4 ครั้งต่อเนื่อง 5 วัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการใช้ยาฟ้าทะลายโจร ข้อบ่งใช้ยังคงเป็น บรรเทาอาการหวัด (common cold) เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ใช้กับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อยเพื่อลดการเกิดโรคที่รุนแรง โดยมีข้อห้ามในผู้ที่แพ้ยาฟ้าทะลายโจร (ผื่นขึ้น ปากบวม ตาบวม) หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้ป่วยโรคตับ/ไต
และข้อควรระวังในกลุ่มผู้ใช้ยาลดความดันโลหิต เพราะฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือด เมื่อใช้ร่วมกันอาจวิงเวียน ความดันต่ำลดลงฮวบฮาบ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการใช้ยาฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ ไปแล้ว 107,728 ราย โดยกรณีงานวิจัยดังกล่าวจะไม่กระทบกับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19
ขอบคุณภาพภาพประกอบ : เฟซบุ๊กกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก