อย่างที่ทราบกันดีว่าร่างกายคนเราต้องการการพักผ่อนประมาณ 7- 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง และเช้าวันรุ่งขึ้นจะมีสีหน้าที่สดใส กระปรี้กระเปร่า มีเรี่ยวแรงในการทำงาน แต่บางคน การนอนกลับเป็นการทำร้ายตัวเอง เพราะยิ่งนอนก็รู้สึกปวดเมื่อยร่ายกาย หลายคนอาจโทษว่าเป็นเพราะที่นอน หรือหมอนที่ใช้หนุน แต่รู้หรือไม่แท้จริงแล้ว อาการปวดตัว นั้นอาจมาจากการนอนในท่าทางที่ผิดอยู่ก็ได้
8 เคล็ดลับเพื่อการนอนหลับที่ง่ายขึ้น
คนนอนไม่หลับ ควรปรับพฤติกรรม ทำ 5 วิธีนี้จะช่วยทำให้ หลับดีขึ้น
ซึ่งการนอนที่ด้วยท่าทางที่ผิดนั้นส่งผลเสียอย่างร้ายแรงกับ ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ หรือระบบประสาทในส่วนต่างๆ ของร่างกายก่อนวัยอันควร โดยท่านอนที่ควรหลีกเลี่ยงเลยคือ
1. ท่านอนขดตัวคุดคู้ การนอนลักษณะนี้ จะมีการการก้มศีรษะ โก่งหลัง พับสะโพก งอเข่า เป็นท่านอนที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะจะส่งผลเสียกับร่างกายในหลากหลายแง่มุม และถ้ายิ่งนอนท่านี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานก็จะทำให้เกิดอาการ ปวดเข่า , กล้ามเนื้อหลังส่วนล่างอักเสบและปวด , กระดูกสันหลังมีการบิดโก่งงอผิดรูป หรือปวดคอจากกล้ามเนื้ออักเสบ
2. ท่านอนคว่ำ อย่างที่ทราบการนอน จะทำให้ผู้นอนหายใจไม่สะดวก กระดูกสันหลังแอ่นมากกว่าปกติ และขณะที่นอนก็ต้องมีการบิดคอไปทางซ้ายหรือทางขวารวมถึงมีการแอ่นไปข้างหลังอีกด้วย นั้นอาจทำให้เกิดการอักเสบของกล้างมเนื้อคอ เกิดอาการปวดคอ ปวดหลังได้
3. ท่านอนแบบกึ่งนั่งกึ่งนอน คือลักษณะการนอนที่มีหมอนรองที่หลังเอาไว้ แล้วนอนเอนหลังและไถลตัวไปบนเตียงนอนหรือโซฟา และทำกิจกรรมอื่นๆไปด้วย อาทิ อ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์ หรือดูโทรทัศน์ ทำให้ผู้ที่นอนท่านี้ต้องงอหรือก้มคอเป็นระยะเวลานาน เมื่อทำติดต่อกัน จะส่งผลเสียกับหมอนรองกระดูกสันหนังส่วนคอ จนเกิดอาการอักเสบปวดกล้ามเนื้อคอบ่าไหลขึ้นมา
4. ท่านอนทับต้นแขนตัวเอง ท่านอนนี้ผู้นอนจะใช้ศีรษะทับต้นแขนของตัวเอง หรือให้คู่รักนอนหนุนแขน โดยบริเวณนั้นมีเส้นประสาท (Radial Nerve) อยู่ เมื่อเส้นประสาทถูกกดทับเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอาการทางระบบประสาทตามมา ที่พบบ่อยที่สุด คือ อาการข้อมือตก ทำให้กระดกข้อมือไม่ขึ้น อาการข้อมือตกจากการถูกกดทับของเส้นประสาทเรเดียน (Radial Nerve) นี้ เรียกว่า Saturday night palsy หรือ Honeymoon palsy โดยส่วนใหญ่แล้วอาการมักไม่ร้ายแรงและสามารถหายเองได้
เมื่อทราบแล้วว่าท่านอนไหนเป็นท่านอนที่ผิด และส่งผลเสียกับร่างกายก็ควรหลีกเลี่ยง และลองปรับเปลี่ยนท่านอนเป็น ท่านอนหงาย ซึ่งเป็นท่าปกติที่คนส่วนใหญ่นิยมนอนกัน หรือท่านอนตะแคง ซึ่งท่านี้จะช่วยลดอาการปวดหลังได้ โดยในการนอนก็ควรมีหมอนข้างไว้ให้กอดและพาดขา และในการนอนทุกครั้งถ้าเรารู้สึกตัว ระหว่างการนอน เราควรจะขยับปรับเปลี่ยนท่านอน เพื่อให้ร่างกายได้ขยับ และกระดูกและกล้ามเนื้อไม่ถูกกดทับมากจนเกินไป ก็จะเป็นการดีกับร่างกาย
