วันที่ 8 ต.ค. 2564 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) นพ.เศวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงว่า ตอนนี้มีการปล่อยข่าวปลอมในโซเชียลมีเดียว่า วัคซีน mRNA อาจจะส่งผลอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพภายใน 1-2 ปีหลังจากการฉีด เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง วัคซีนมีการศึกษาวิจัยตามมาตรฐาน และประเทศผู้ผลิตก็มีการฉีดไปมากมาย
ฉีด mRNA ในเด็กมีความเสี่ยง ต้องปลอดภัยสูงมาก จึงจะคุ้ม
หาคำตอบใครบ้าง!!ที่ควรและไม่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
และ ไม่มีทางที่จะก่อผลอันตรายในเชิงนั้นได้ มีการศึกษา มีการตรวจสอบเอกสารต่างๆเป็นอย่างดี ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อ และ ก็ขอให้ติดตามแหล่งข้อมูลจากทางการ หรือ แหล่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือสูง
ส่วนกรณีที่มีมีนักเรียนเดินทางมาฉีดแล้ว แต่มีการแจ้งให้กลับจนทำให้ไม่ได้ฉีดวัคซีน ก็ขอเรียนว่าวัคซีนสำหรับนักเรียน มีความเพียงพอ ในส่วนของการจัดส่งรอบแรกนั้นจำนวน 1.8 ล้านโดส ในส่วนพื้นที่ต่างๆแจ้งจำนงเข้ามา 3.6 ล้านคน โดย 1.8 ล้านโดสเมื่อส่งถึงพื้นที่ก็มีการจัดทำแผน และก็จะทยอยฉีด ซึ่งสัปดาห์นี้ก็มีการกระจายออกไปอีก 1.5 ล้านโดส และ จะมีการทยอยกระจายวัคซีนลงไปเรื่อยๆ ก็ขอให้ม่านใจว่าการจัดการในพื้นที่ในบางครั้งอาจจะมีการนัดหมายเป็นลำดับตามความเหมาะสม ตามความพร้อม อาจจะไม่ได้ฉีดพร้อมๆกันทุกคนได้ภายในวัน 1-2 วัน หรือเวลาสั้นๆ แต่วัคซีนมีเพียงพอแน่นอน
“ขอย้ำอีกอย่างหนึ่งการฉีดวัคซีนในนักเรียนไม่ใช่เงื่อนไขที่จะไปกำหนดว่าเปิดหรือไม่เปิดโรงเรียน เพราะมาตรการสำคัญได้กำหนดความเรียบร้อยและชัดเจนว่า โรงเรียนได้ทำมาตรการครบถ้วนแล้วหรือยัง ซึ่งมาตรการนี้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้จะทำแนวทางไว้แล้วมาตรการเรื่องสิ่งแวดล้อม นักเรียนไม่มีการรวมกลุ่มกัน ไม่มีการจัดการแข่งขันกีฬา หรือ มีการรวมกลุ่มคนที่หนาแน่น รวมถึงการให้ใส่หน้ากากตลอดเวลา บุคลากรในโรงเรียนต้องฉีดวัคซีนเกือบ 100 % สิ่งเหล่านี้ที่เป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะใช้ประกอบการพิจารณาให้เปิดโรงเรียนไม่ใช่เรื่องของการฉีดวัคซีนได้เท่าไหร่ ”
ดราม่า #ไฟเซอร์นักเรียน ทำเด็กกลัวฉีดวัคซีน
4 จังหวัดชายแดนใต้ ยอดติดโควิดพุ่ง “หมอชนบท” ชี้เพราะวัคซีนไม่พอ