อาการติดจอคอมพิวเตอร์ - มือถือ เป็นภัยเงียบที่ทำลาย "จอประสาทตา"


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ปัจจุบันการใช้โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ ถือเป็นเรื่องปกติ แต่รู้หรือไม่ว่าการใช้งานจอเหล่านี้ ก็อาจส่งผลเสียกับจอประสาทตา เพราะอาจทำให้จอประสาทตาเสื่อมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

จากการที่โลกในยุคปัจจุบันที่ใช้ social media เป็นแหล่งข้อมูล ข่าวสาร รับรู้เรื่องราวต่างๆ บนสื่อออนไลน์ และยังไว้ใช้ติดต่อสื่อสารกับผู้คน  ซื้อของ รวมไปถึงใช้เป็นช่องทางในการหารายได้ จึงส่งผลให้คนใช้งาน คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ เป็นเวลานานโดยเฉลี่ยวันละ 9 ชั่วโมง ซึ่งพฤติกรรมนี้ ถือเป็นการทำร้ายดวงตาเป็นอย่างมาก และอาจส่งผลให้จอประสาทตาเสื่อมก่อนเวลาอันควร 

ระวัง! ใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์นานเกิน 9 ชั่วโมง อาจเกิดภาวะโรคสายตาสั้นเทียม

3 วิธีทำ Social Detox ได้ง่าย ๆ ช่วยให้สภาพจิตดี

โรคจอตาเสื่อม เป็นโรคหนึ่งที่ส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นภาพชัดตรงกลางภาพ โดยจะพบจุดสีเหลืองที่จอตา (Drusen) ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงของชั้นเม็ดสีของจอตา  และการเกิดเส้นเลือดงอกใหม่ ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียชั้นเม็ดสีของจอตา มีสารน้ำใต้จอตา เลือดออกในจอตา  และพังผืดใต้จอตา 

โรคจอประสาทตาเสื่อมมี  2 แบบ คือ

1. ชนิดเปียก หรือแบบเร็ว มักจะสูญเสียการมองเห็นอย่างรวดเร็วทันที เพราะจุดกลางรับภาพจอประสาทตาบวม มีหลอดเลือดผิดปกติที่งอกขึ้นใหม่ในผนังลูกตา หรือมีเลือดออกที่จอประสาทตา อาจตาบอดได้

2. ชนิดแห้ง เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุด โดยเซลล์จอประสาทตาจะค่อยๆ เสื่อมไปอย่างช้าๆ การมองเห็นจะลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น

อาการของโรคจอประสาทตาเสื่อมก่อนเวลาอันควร ที่มักจะเจอ ได้แก่ 
    - แพ้แสง 
     - เห็นภาพเบี้ยว 
    - ตาพร่ามัว 
    - เห็นจุดดำกลางดวงตา 
    - เห็นสีผิดเพี้ยน 

สำหรับอาการจอประสาทตาเสื่อม ส่วนมากมักพบในกลุ่มผู้มีอายุมากว่า 50 ปี แต่ในปัจจุบันมักพบว่ามีกลุ่มผู้เป็นโรคนี้อายุน้อยลง เนื่องจากการใช้ชีวิตติดหน้าจอที่มากเกินไป

วิธีป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมก่อนเวลา 
    1 . พักสายตาจากหน้าจอเป็นระยะ 
     2. หมั่นตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ 
    3. งดการสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ 
    4. ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 
    5. หมั่นออกกำลังกาย 
    6. หลีกเลี่ยงแสงแดดหรือรังสี UV เป็นระยะเวลานาน 
    7. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ 

                                                          สั่งซื้อได้ที่ >> คลิก

การรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อม ด้วยเทคโลยีปัจจุบัน 
    การรักษาจอตาเสื่อมแบบแห้ง (Dry AMD) สามารถทำได้โดยการให้อาหารเสริม ตามการศึกษา AREDS และ AREDS2 โดยพบว่าจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดจอตาเสื่อมระยะท้าย (มี Geographic Atrophy หรือ Wet AMD) ได้ 25% และลดความเสี่ยงของการสูญเสียการมองเห็นตรงกลางภาพได้ 19%

    การรักษาจอตาเสื่อมแบบเปียก (Wet AMD) ปัจจุบันการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดและเป็นที่นิยม คือการรักษาโดยการใช้ยาต้านการเจริญเติบโตของหลอดเลือดฉีดเข้าไปในน้ำวุ้นตา โดยปัจจุบันมียาอยู่ 2 กลุ่ม คือ 
    1. Anti – Vascular Endothelial Growth Factor (Anti-VEGF : Ranibizumab, Bevacizumab) 
    2.Vascular Endothelial Growth Factor Trap (VEGF-trap : Aflibercept)

    การรักษาอื่น ๆ สำหรับผู้ป่วยจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุแบบเปียก (Wet AMD) ได้แก่ การรักษาด้วยเลเซอร์เย็น (Photodynamic Therapy), การรักษาด้วยเลเซอร์ร้อน (Laser Photocoagulation) ซึ่งจักษุแพทย์จะพิจารณาเป็นกรณีไปในคนไข้แต่ละบุคคล
 

กรมอนามัย เตือนอันตราย กาวร้อนติดอุปกรณ์จัดฟัน เสี่ยงปนเปื้อนสารพิษ

"จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว" สุขภาวะทางจิตดี ร่างกายก็ดี กับเงินในกระเป๋าด้วย

                                                          สั่งซื้อได้ที่ >> คลิก

ที่มาข้อมูล
- โรงพยาบาลกรุงเทพ 
- Facebook หมอแล็บแพนด้า
- โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง)
- กรมการแพทย์

TOP สุขภาพ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ