คลิปที่แชร์ในเพจ Drama-addict ที่ คุณแม่ท่านนึงฝากมา ซึ่งในคลิปเป็น เด็กชายวัย 4 ปี ที่ ติดโควิด ตอนนี้ได้รับการรักษาแล้วและ เสียงการหายใจของน้อง ค่อนข้างที่จะหายใจลำบาก หายใจเข้าออกมีเสียงดัง เหนื่อย
ขณะที่ โรงพยาบาล ได้พ่นยาให้ น้องอาการดีขึ้น ซึ่งที่คาดว่า น้องมีอาการเยอะ เนื่องจากน้องมี ต่อมทอมซิลอักเสบด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ ทางเพจ ยังบอกข้อมูลให้พ่อแม่เฝ้าระวัง เนื่องจาก โควิดสายพันธ์โอมิครอน กลุ่มเสี่ยงสุดตอนนี้ คือเด็กเล็ก อายุน้อยกว่า 5 ขวบ ซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
พื้นฐานพัฒนาวัคซีนใหม่ พบ "ทีเซลล์" จาก "ไข้หวัด" ต้านโควิด-19 ได้
เช็กที่นี่ ! รวมจุดฉีดวัคซีนโควิด ทั้งแบบลงทะเบียน และ Walk in
8 อาการติด "โอมิครอน" สธ.ชี้ เกินครึ่งไม่แสดงอาการ
โดยอาการของเด็กที่ติดโอมิครอนตอนนี้ จะค่อนข้างคล้ายกับ โรค ครูป croup ซึ่งเป็นโรคที่มีการอักเสบในทางเดินหายใจส่วนบนจากเชื้อไวรัส อาการที่สังเกตได้ง่ายคือ เด็กจะมีอาการ ไอเสียงก้อง คล้ายๆหมาเห่า
พื้นฐานพัฒนาวัคซีนใหม่ พบ "ทีเซลล์" จาก "ไข้หวัด" ต้านโควิด-19 ได้
หายใจเร็ว หายใจเสียงดัง ครืดคราด ถ้าเด็กๆ ที่ป่วยโควิด ขณะนี้ แล้วมีอาการดังกล่าว ให้พ่อแม่ให้ตั้งสติ แล้วรีบติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ารับการรักษาเร็วที่สุด
จากสถานการณ์โควิดในเด็กขณะนี้ มีข้อมูจาก นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อเด็กแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าสาเหตุที่เด็กติดเชื้อโควิด-19 มากขึ้น เป็นเพราะไม่มีภูมิคุ้มกันหรือไม่มีเสื้อเกราะในการป้องกันตัวเอง การฉีดวัคซีนเด็ก 5-11 ปี ถือเป็นแนวทางที่ดีที่จะทำให้เด็กวัยนี้มีภูมิคุ้มกันในตัว แต่สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ทางการแพทย์ยังต้องวิจัยเพื่อหาแนวทางให้เด็กวัยนี้ได้รับวัคซีนเหมือนประเทศจีนที่ฉีดวัคซีนให้เด็กตั้งแต่อายุ 3-18 ปี
นพ.ทวี ระบุอีกว่าเมื่อมีการเปิดเรียนจะเห็นได้ว่าเด็กติดไข้หวัดกันเยอะ เพราะไข้หวัดจะไปไปจู่โจมในตัวเด็กมากกว่า และโดยธรรมชาติเมื่อไวรัสติดเชื้อในเด็กจะมีภูมิคุ้มกันในตัวไปตลอดชีวิต ผู้ใหญ่ก็จะเป็นไข้หวัดน้อยลง แต่ถ้าไข้หวัดชนิดนี้ไปเกิดการติดเชื้อในกลุ่มผู้สูงอายุอาการอาจรุนแรงจนทำให้เสียชีวิตได้
ขณะที่ นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่าขณะนี้อัตราการติดเชื้อในเด็กเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม แต่อาการป่วยรุนแรงและอัตราการเสียชีวิตยังเท่าเดิม โดยในช่วง 7 วันที่ผ่านมาพบเด็กติดเชื้อโควิด-19 สูงสุด 14 คน ซึ่งตอนนี้เด็กจะติดเชื้อค่อนข้างเร็วเหมือนผู้ใหญ่ ส่วนความรุนแรงมักจะพบในเด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยง
ด้าน ศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มีคำแนะนำเพิ่มเติม เกี่ยวกับการตรวจโควิดให้เด็ก ว่าควรใช้การตรวจแบบน้ำลาย มากกว่าการตรวจจากโพรงจมูก เพราะจะช่วยเรื่อง การควบคุมเด็กได้ง่ายกว่า และ ลดความเสี่ยงการเกิดอันตราย หากเด็กดิ้น ขณะ Swab เข้าไปในจมูก
รวมสิทธิเบิกจ่ายค่ารักษาโควิด-19 แบบประกันสังคม-กรมบัญชีกลาง
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ข้อมูลโควิด 19 รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิดวันนี้ พบเพิ่ม 7,133 คน ทำให้ยอดป่วยสะสม ตั้งแต่ระลอก มกราคม 2565 ซึ่งนับจนขณะนี้คือผ่านมาแล้ว 11 วัน พบการติดเชื้อแล้ว 61,174 คน หายป่วยวันนี้ 3,306 คน กำลังรักษาอยู่ 61,974 คน เสียชีวิต 12 คน