ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ขยับขึ้นแรง แตะระดับสูงสุดรอบเกือบ 2 เดือน โดยปัจจัยความตรึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน กระตุ้นให้เกิดแรงซื้อจากนักลงทุนมากขึ้น จากเดิมที่ทองคำมีแนวโน้มขยับขึ้นจากทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐและเงินเฟ้อโลกปรับสูงขึ้น
จากสองปัจจัยหลัก ทำให้นักลงทุนหันมาซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย โดยราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
5 ผลกระทบใหญ่ทั่วโลกที่ "ต้องรู้" หากรัสเซียบุกยูเครน
“ไบเดน-ปูติน” ถกหารือวิกฤตยูเครน ยังไร้ผล นานาประเทศเริ่มกังวล
หลายชาติแจ้งพลเรือนเร่งอพยพจากยูเครน
ราคาทองคำพุ่งขึ้นแรง หลังจากเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทำเนียบขาวออกมาเตือนว่ารัสเซียอาจจะเริ่มโจมตียูเครนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และอาจจะเริ่มต้นด้วยการโจมตีทางอากาศ
ทองคำได้แรงหนุนจากความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก ระหว่างตะวันตกกับรัสเซีย ช่วยหนุนความกังวลเดิมที่ว่าธนาคารกลางหลายประเทศจะขึ้นดอกเบี้ย "เร็วและแรง" เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงจากการฟื้นตัวจากโควิด-19
ทองคำถือว่าสินทรัพย์ที่ใช้รักษามูลค่าพอร์ตลงทุนจากเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น และใช้เพื่อรักษามูลค่าสินทรัพย์ในช่วงวิกฤตการเงินและความไม่แน่นอนทางการเมือง
ความตรึงเครียดเพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นให้เกิดแรงเทขายออกมาอย่างหนักในตลาดหุ้น โดยนักวิเคราะห์คาดว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในเดือนมี.ค.นี้ จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.50% สูงกว่าคาดการณ์ที่คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25%
เทรดเดอร์กล่าวว่าทองคำเริ่มขยับขึ้นทะลุ 1,800 ดอลลาร์ หลังจากนักลงทุนประเมินว่าเฟดขึ้นดอกเบี้ยจะกระทบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากกว่ากระทบต่อราคาทองคำ ซึ่งปกติจะสวนทางกับดอกเบี้ย แต่ปัญหาความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน กระตุ้นให้เกิดแรงซื้อมากขึ้น และหากรัสเซียเคลื่อนทหารเพื่อกดดันหรือบุกเข้ามาในดินแดนยูเครน ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นเหนือ 1,900 อย่างรวดเร็ว