ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) ระบุว่าค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดแข็งค่าจาก โดยมีปัจจัยจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ ประเมินภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้
ราคาทองวันนี้ ปิดร่วง 50 บาท เงินบาทแข็ง ตลาดรอ ปธ.เฟด แถลงทิศทางดอกเบี้ย
กนง.มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มีผลวันนี้ คาดเงินเฟ้อแนวโน้มสูง
ค่าเงินบาทในรอบ 5 วัน แข็งค่าอย่างรวดเร็วในกลางสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐต่ำกว่าคาด ที่ระดับ 127,000 (คาดไว้ 200,000) โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือ
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในคืนวันศุกร์ที่ 2 ธ.ค. นี้
แนะนำผู้นำเข้า แนะนำควรซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อป้องกันความเสี่ยง และผู้ส่งออก ขายเงินตราต่างประเทศที่ระดับเหนือ 35.30 บาท/ดอลลาร์
ขณะที่เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิทั้งในตลาดหุ้น (4,389 ล้านบาท) และตลาดพันธบัตร (333 ล้านบาท)
ด้านนายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ไม่ได้รุนแรงมากเช่นในฝั่งสหรัฐฯ หรือ ยุโรป จะทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +0.25% สู่ระดับ 1.25%
ทั้งนี้ เรามองว่า ควรติดตามคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีหน้า รวมถึงปัจจัยเสี่ยงที่ กนง. กังวล เพื่อประเมินแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของไทย (ล่าสุด เรามองว่า กนง. จะสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยได้ถึงระดับ 2.00% ในกลางปีหน้า)
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว จากประเด็นความหวังของผู้เล่นในตลาดที่มองว่า ทางการจีนจะสามารถทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด COVID-19 ได้เร็วกว่าคาด