แฉ สภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ ขายโควตาซิโนฟาร์ม
“นพ.นิธิ” เปิดแผนปูทาง ปชช.จองวัคซีน “ซิโนฟาร์ม”
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.เอ นามสมมุติ อายุ 45 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี ได้เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ว่า ถูกหลอกซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยี่ห้อ “ซิโนฟาร์ม” เหลือจากที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้สั่งซื้อจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พร้อมนำหลักฐานการโอนเงิน 36,000 บาท และหลักฐานพูดคุยกลุ่มไลน์ชื่อว่า “Vaccine Sinopharm” มามอบให้ตำรวจ
น.ส.เอ ผู้เสียหาย ให้การว่า ได้ข่าวจากเพื่อนที่ กทม. ว่ามีวัคซีนยี่ห้อซิโนฟาร์มเหลืออยู่ในโควต้าของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเหลือโควต้าอยู่ประมาณ 6 คน จึงได้ขอจองไว้ และ เสียค่าจองวัคซีนในราคา 1,800 บาท โดยเพื่อนก็ได้รวบรวมเงินทั้งหมด โอนต่อไปให้กับคนที่มาอ้างตัวเป็นหมอ และได้แอดเข้ากลุ่มไลน์ “Vaccine Sinopharm”
นอกจากนี้ ในกลุ่มไลน์ดังกล่าว จะมีสมาชิกอ้างว่าเป็นหมอจริง ๆ และได้สร้างความเชื่อมั่นต่าง ๆ ให้กับคนที่อยู่ในกลุ่ม โดยมีลิงค์ให้กดเข้าไปในเว็บไซต์ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และก็มีขั้นตอนการฉีดวัคซีน แต่อ้างว่าระบบเกี่ยวกับไอทีขัดข้องกำลังแก้ไข ซึ่งทำให้ตนมีความเชื่อถือว่าเป็นหมอจริง ซึ่งวัคซีนที่ตนจองได้ถูกเลื่อนจากที่ต้องฉีด ในวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้ ถูกเลื่อนมาฉีดในวันที่ 28 มิถุนายน แทน จึงสงสัยว่าทำไมถึงถูกเลื่อนหลายครั้งจึงตรวจสอบไปยังหน้าห้องของคุณหมอที่มีการอ้างชื่อ จนรู้ว่าถูกหลอก
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายประมาณ 20 คน ถูกหลอกขายวัคซีนซิโนฟาร์ม ในราคาเข็มละ 1,800 บาท รวมความเสียหาย 36,000 บาท ซึ่งพบว่าหลายพื้นที่มีแก๊งมิจฉาชีพใช้ช่วงโอกาสที่ประชาชนต้องการฉีดวัคซีนโควิด-19 ออกหลอกลวงประชาชน นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและยังเป็นการช้ำเติมจิตใจของพี่น้องประชาชน
โดยการกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน100,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางการป้องกันการถูกหลอกขายวัคซีนโควิด-19 โดยต้องตรวจสอบที่มาที่ไปให้ชัดเจนว่าบุคคลมีอยู่จริงหรือไม่ โดยตรวจสอบกับหน่วยงานนั้น ๆ โดยตรงอย่าหลงเชื่อแม้ว่าบุคคลที่ชักชวนจะน่าเชื่อถือมากเพียงใดก็ตาม
ถ้าเป็นไปได้ควรลงทะเบียนฉีดวัคซีนกับหน่วยงานของภาครัฐ เนื่องจากมีข้อมูลที่ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ และขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อจะได้รู้ทันกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ หากพบเบาะแสก็สามารถเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที