ป.ป.ส. ย้ำ ไม่พบ “ยาอีผสมกาแฟ” แค่โพสต์หลอกขาย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กรณีโพสต์ ประกาศขาย "ยาอีผสมกาแฟ 3,000" ในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งทาง ป.ป.ส. ได้คุมตัวผู้ที่โพสต์ข้อความดังกล่าวมาสอบสวน ทราบชื่อคือ นายนพพร สุชัยเจริญรัตน์ โดยมีนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นผู้ทำการสอบปากคำด้วยตัวเอง

“ยาอีในซองกาแฟ” ส่งผลร้ายแรงต่อร่างกายและระบบประสาท

เพจดังเตือน กาแฟผสมยาอี ระบาดในโซเชียล

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก นายนพพร ใช้บัญชีทวิตเตอร์เป็นชื่อเบียร์ยี่ห้อหนึ่ง โพสต์ขาย ยาอีในกาแฟซอง 3,000  จนกลายเป็นที่สนใจในหมู่วัยรุ่น ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐาน จนนำไปสู่การจับกุมได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านอ่อนนุช  แต่ไม่พบของกลางยาเสพติดชนิดที่กล่าวอ้างขายในโพสต์แต่อย่างใด  เบื้องต้นจึงดำเนินคดีฐาน “โฆษณายาเสพติดให้โทษ” ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดฯ พ.ศ. 2522

ด้านเลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุว่า จากการสอบสวนทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ มีพฤติกรรมนำรูปภาพยาเสพติด ทั้งยาอี และยาเค มาจากอินเทอร์เน็ต จากนั้นได้โพสต์ลงทวิตเตอร์พร้อมด้วยซองกาแฟ โดยอ้างว่ามียาเสพติดชนิดใหม่มาจำหน่ายในราคาซองละ  3,000 บาท  เมื่อลูกค้าสนใจติดต่อแอดไลน์เข้าไปและหลงเชื่อโอนเงินไปให้กับผู้ต้องหา จากนั้นก็จะทำการบล็อคไลน์ บล็อคเบอร์โทร และเปลี่ยนชื่อไลน์พร้อมกับเปลี่ยนรูปภาพโปรไฟล์ เพื่อหลอกลวงเหยื่อไปเรื่อย ๆ 

จากการตรวจสอบบัญชีปลายทางพบว่าในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา  มีผู้ที่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อโอนเงินไปกว่า 90 คน  รวมเป็นเงินกว่า 5 แสนบาท  ที่สำคัญคือในจำนวนผู้เสียหายกว่า 90 คน  ไม่เคยมีใครทำการซื้อขายยาเสพติดกับผู้ต้องหาได้สำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าไม่มียาเสพติดชนิดดังกล่าวอยู่จริง

นายวิชัย กล่าวต่อว่าว่า สำหรับประเด็นการนำยาเสพติดผสมในกาแฟ จากการตรวจสอบไปยังหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดในต่างประเทศ ก็ไม่พบว่ามีการนำยาเสพติดไปผสมกับกาแฟแต่อย่างใด  ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการเอายาเสพติดแต่ละชนิดไปผสมกันเองมากกว่าเพื่อให้มีฤทธิ์ที่รุนแรงขึ้น  อย่างเช่น  “เคนมผง” ที่เคยเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ซึ่งอาจทำให้ผู้เสพถึงตายได้ 

ส่วนอีกคดี เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ใช้บัญชีในในแอพพลิเคชันติ๊กต๊อก ที่เผยแพร่คลิปกลุ่มวัยรุ่นนั่งมั่วสุมกัน 4 คน พร้อมนำภาพซองกาแฟมาประกอบคลิป โดยอ้างว่ามียาอีผสมในกาแฟ  ซึ่งตำรวจติดตามจนพบตัววัยรุ่นกลุ่มนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การยอมรับว่า ยาเสพติดชนิดนี้ไม่มีอยู่จริง แต่ทำไปเพราะความมึนเมาและคึกคะนองเท่านั้น และยอมรับว่าเสพยาอีเข้าไปด้วย ทางตำรวจจึงนำตัวไปตรวจปัสสาวะพบว่าเป็นสีม่วง จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP อาชญากรรม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ