คลิปที่เพื่อนบ้านถ่ายไว้ ขณะตำรวจนอกเครื่องแบบสองนาย เข้าจับกุม นางพรพิมล อายุ 56 ปี ที่ห้องพักใน ตำบลบางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หลังพบว่ามีการปลูกต้นกัญชา 1 ต้น ความสูงประมาณ 1 ศอก เอาไว้บริเวณห้องเช่า
โดยเพื่อนบ้านที่ถ่ายคลิปก็พยายามขอร้องตำรวจชุดสืบสวน สภ.ศรีราชา ที่อยู่ในชุดนอกเครื่องแบบ ว่าอย่าเพิ่งคุมตัวนางพรพิมลไป ให้รอสามีหรือญาติของเธอก่อน พร้อมขอให้อะลุ่มอล่วย แต่ตำรวจทั้งสองก็ยืนยันว่าต้องจับกุมตามหน้าที่ ก่อนจะคุมตัวนางพรพิมล ไปโรงพัก
รวบหญิงวัย 56 ปี ปลูกกัญชาในบ้าน อ้างเอาไว้ทำยาสมุนไพร
ร้านอาหารโปรดทราบ!ขายเมนู“กัญชา-กัญชง” ต้องยื่นขอรับเลขสารบบอาหาร
ต่อมา ทีมข่าวไปพูดคุยกับนายชู อายุ 55 ปี สามีของนางพรพิมล เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงบ่ายวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะตนเองออกไปขายของที่สวนสัตว์เขาเขียว ตอนนั้นภรรยาอยู่บ้านคนเดียว กระทั่งชายสองคนขับรถกระบะเข้ามา แจ้งว่าเป็นตำรวจชุดสืบสวน มาตามคดีรถจักรยานยนต์หาย
แต่มาพบว่าที่บ้านมีต้นกัญชาปลูกอยู่หน้าบ้านจำนวน 1 ต้น ขนาดความสูงประมาณ 1 ศอก มีใบประมาณ 5-6 ใบ แม้ภรรยาพยายามอธิบายว่า ปลูกเอาไว้เพื่อใช้เป็นยาลดเบาหวาน ความดัน และนำมาปรุงอาหาร แต่ตำรวจก็จับกุมภรรยาไปดำเนินคดีที่โรงพัก
นายชูบอกว่า หลังทราบเรื่องว่าภรรยาถูกจับจึงรีบเดินทางไปที่สภ.ศรีราชา ทราบว่าต้องเตรียมเงินประกันไว้ประมาณ 15,000-50,000 บาท แต่ตนเองไม่มีเงิน จึงไปขอหายืมเงินจากคนรู้จัก แต่ก็ยังหาไม่ได้ จนภรรยาต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังเป็นเวลา 1 คืน กระทั่งวันนี้ตำรวจได้นำตัวไปส่งที่ศาลจังหวัดชลบุรี
นายชู เผยต่อว่า ตนเองไม่ได้ตั้งใจที่จะปลูกเพื่อเป็นการค้า หรือเพื่อผลประโยชน์เกี่ยวกับยาเสพติด แต่ปลูกไว้เพื่อเป็นยารักษาโรค ที่เคยอ่านว่ากัญชามีประสิทธิภาพในการช่วยลดความดัน เบาหวานได้ และใช้ปรุงเป็นอาหารได้ ซึ่งตนเองก็ปลูกได้ไม่นานนี่เอง
ทีมข่าวพีพีทีวี สอบถามไปที่ทนายรัชพล ศิริสาคร เปิดเผยถึงประเด็นที่ตำรวจจับหญิงที่ปลูกกัญชาไว้ที่บ้าน 1 ต้น บอกว่า แม้จะมีการอ้างว่าปลูกไว้รักษาโรคก็ตาม แต่ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่พูดยาก เพราะตำรวจก็ปฏิบัติงานตามหน้าที่ ถ้าไม่จับก็อาจจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนมองว่าตำรวจทำถูกแล้ว เพราะตอนนี้ยังไม่ได้ประกาศให้กัญชาถูกกฎหมาย (ต้องรอวันที่ 9 มิ.ย.นี้ จะปลดล็อก)
ซึ่งทนายรัชพลได้ฝากเตือนประชาชน ว่าก่อนจะปลูกกัญชาต้องศึกษาข้อมูลให้ดี หากไม่แน่ใจให้ปรึกษาหน่วยงานรัฐ หรือผู้รู้น่าจะได้คำตอบที่ดี เพราะหากไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่สุ่มเสี่ยงมันก็เสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดีได้
เตรียมรับมือ “ค่าไฟ”จ่อขึ้นรอบใหม่ ก.ค.นี้
อนามัยโลกชี้ “ฝีดาษลิง” เป็น “ภัยเสี่ยงระดับปานกลาง” ต่อสาธารณสุขโลก
