เมล็ดกาแฟโรบัสตาจากเมืองชุมพรทำราคาประมูลสูงสุด 2 หมื่นบาทต่อกิโลกรัม


โดย PPTV Online

เผยแพร่




เปิดประมูลกาแฟไทยปี 64 คึกคัก คอกาแฟ-ร้านกาแฟ-โรงคั่ว แห่ประมูลเมล็ดกาแฟโรบัสตาราคาพุ่งถึงกก.ละ 2 หมื่นบาท ขณะที่อะราบิกาเคาะราคา 6,400 บาทต่อกก.

ตลาดกาแฟไทยคึกคัก กระทรวงพาณิชย์ผนึกกระทรวงเกษตร เปิดประมูลผ่านซูม และ เฟซบุ๊กไลฟ์ เหล่าบรรดาคอกาแฟ โรงคั่วบด และร้านกาแฟ รวมทั้งนักบริโภคกาแฟ แห่เสนอราคาประมูลเมล็ดกาแฟที่เคยชนะการประกวด เคาะราคาเมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสตาจากเมืองชุมพร ได้ราคาสูงสุดถึงกิโลกรัมละ 2 หมื่นบาท ขณะที่เมล็ดกาแฟอะราบิกา ก็ได้ราคาดีในหลักครึ่งหมื่น เชื่อการประมูลรอบนี้จะปลุกกระแสนิยมการบริโภคกาแฟให้มีสีสันและเพิ่มมูลค่าการค้าให้มากขึ้นด้วย

“มาดากัสการ์”ผลิตกาแฟน้ำย่อยค้างคาว

กาแฟขี้ช้างไทย กก.ละ 5 หมื่นบาท (คลิป)

กรมการค้าต่างประเทศ เปิดประมูลเมล็ดกาแฟโรบัสตา 10 รายการ เคาะราคาเริ่มต้นกิโลกรัมละ 150 บาท ปรากฎว่าเกษตรกร สมาคม โรงคั่วกาแฟ ร้านกาแฟ กลุ่มนักบริโภคกาแฟยุคใหม่ รวมกว่า 1,500 ราย แข่งกันเคาะราคาประมูลสูงสุดที่ 2 หมื่นบาทต่อกิโลกรัม ส่วนเมล็ดกาแฟอะราบิกา จำนวน 30 รายการ ราคาประมูลเริ่มต้นที่ กิโลกรัมละ 200 บาท เคาะราคาสูงสุดที่ 6,400 บาทต่อกิโลกรัม ถือว่า สามารถสร้างมูลค่าได้สูงกว่าราคาตลาดปกติโดยเฉลี่ยถึง 60 เท่า

รายได้ที่ได้จากการประมูลทั้งหมด จะจ่ายตรงให้กับเกษตรกรโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยเมล็ดกาแฟที่ประมูลราคาสูงสุดพันธุ์อะราบิกาเป็นของนายฉิ่ง แซ่ท้าว เกษตรกรจังหวัดน่าน 6,400 บาท/กก. และ เมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสตา ของนายธนาสิทธิ์ สอนสุภา เกษตรกร จ.ชุมพร เคาะราคาประมูลที่ 2 หมื่นบาท/กก.

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดการประมูลสุดยอดกาแฟ รางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี งานประมูลสุดยอดกาแฟไทยปี 2564 มีเป้าหมายกระตุ้นกระแสการบริโภคกาแฟไทยให้เพิ่มมากขึ้น โดยในปีนี้ เป็นการจัดประมูลสุดยอดกาแฟผ่านระบบออนไลน์ครั้งแรกผ่าน Zoom และ Facebook live เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้การสนับสนุนจาก องค์การกาแฟระหว่างประเทศ หรือ International Coffee Organization ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง และเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ

นายจุรินทร์ กล่าวว่า กาแฟเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย มีมูลค่าการค้ากว่า 33,000 ล้านบาท ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไทยมีความต้องการใช้เมล็ดกาแฟเฉลี่ยที่ 88,862 ตันต่อปี แต่สามารถผลิตเมล็ดกาแฟดิบได้เฉลี่ยเพียง 24,671 ตันต่อปี หรือ ประมาณ 28% ของความต้องการใช้เมล็ดกาแฟ ไม่เพียงพอกับความต้องการบริโภคในประเทศ จะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมกาแฟไทยยังมีโอกาสเติบโตต่อไป

นอกจากนี้ในตลาดต่างประเทศ กาแฟไทย ถือว่าเป็นกาแฟที่มีคุณภาพดี ไม่เป็นรองใคร โดยปัจจุบันมีตลาดส่งออกเมล็ดกาแฟดิบที่สำคัญ คือ แคนาดา ญี่ปุ่น และ สหรัฐอเมริกา ส่วนตลาดส่งออกกาแฟคั่วที่สำคัญ คือ กัมพูชา มาเลเซีย และฮ่องกง โดยที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ได้ทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันการส่งออกให้กับผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่องในทุกสินค้าที่มีศักยภาพ แม้สถานการณ์โควิด-19 จะทำให้การบริโภคกาแฟในภาพรวมลดลง แต่เมื่อมองแนวโน้มและพิจารณาตลาดกาแฟในระยะยาวแล้ว เชื่อว่า สินค้ากาแฟยังคงมีโอกาสทางการตลาดสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นายจุรินทร์ เชื่อว่า งานประมูลสุดยอดกาแฟไทยปี 2564 จะสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ให้กับกาแฟไทย พร้อมกระตุ้นตลาดผู้บริโภคกาแฟของไทยให้มีชีวิตชีวาในท่ามกลางวิกฤตนี้ได้อีกครั้ง

TOP เศรษฐกิจ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ