ตำนานรักคิวปิด กามเทพที่ไม่ได้มีรักราบรื่นดั่งที่ดลบันดาลให้ผู้อื่น


โดย PPTV Online

เผยแพร่




คันธนูที่แผลงศรออกไปของคิวปิด ดลบันดาลให้เกิดความรักมากมาย แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นถึงเทพเจ้าแห่งความรัก แต่ชีวิตรักของเขากลับไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด

เข้าใกล้เทศกาลแห่งความรัก อีกสัญลักษณ์หนึ่งที่เราไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ “เทพเจ้าคิวปิด” เด็กน้อยมีปีกที่มาพร้อมคันธนูและลูกศรพิเศษ ซึ่งหากเทพเจ้าคิวปิดยิงลูกศรปักเข้าไปที่ใครแล้ว คนๆ นั้นก็จะตกหลุมรักขึ้นมาทันที ทำให้เขาได้รับการขนานนามให้เป็นเทพแห่งความรัก

แต่แม้ว่าเทพเจ้าคิวปิด จะเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก แต่ความรักของเขาใช่ว่าจะราบรื่นดั่งที่เขาคอยดลบันดาลให้ผู้อื่น ต่างก็ต้องเผชิญทั้งความสุขและความเศร้าคลุกเคล้ากันไป โดยจุดเริ่มต้นเรื่องราวของเขามีอยู่ว่า

14 กุมภาพันธ์ เปิดประวัติ "วันวาเลนไทน์" จากความรักที่ไม่สมหวัง

สวนสัตว์เปิดตั้งชื่อ “แมลงสาบ” ตามชื่อแฟนเก่า กิจกรรมฉลองรับ วาเลนไทน์ 2566

เทพเจ้าคิวปิด และ นางไซคี

ในอดีต “เทพีแอโฟรไดที (Arphrodite)” หรือ “เทพีวีนัส (Venus)” ถือเป็นเทพเจ้าที่มีความงดงามมากที่สุด แต่เมื่อ “ไซคี” มนุษย์ผู้หนึ่งถือกำเนิดขึ้นบนโลก เป็นเจ้าหญิงองค์เล็กของราชวงศ์กรีกโบราณ ที่มีหน้าตาผิวพรรณงดงามจนเป็นที่เลื่องลือว่าความงามของเธอนั้นเอาชนะเทพีวีนัสได้

ส่งผลให้ผู้คนหันไปสักการะไซคีแทน เพราะเข้าใจว่าไซคีเป็นร่างอวตารของเทพีวีนัส เทพีวีนัสได้เห็นดังนั้นไม่พอใจอย่างมาก จึงส่งให้ “เอรอส” หรือ “เทพเจ้าคิวปิด” โอรสของเธอไปแผลงศรให้ไซคีตกหลุมรักคนที่น่าเกลียดน่ากลัวที่สุดในแผ่นดินเพื่อเป็นการลงโทษ

ทว่าเมื่อเอรอสได้พบหน้าไซคี ก็หลงใหลในความงามจนทำลูกศรปักอกตัวเองและตกหลุมรักนางในที่สุด หลังจากวันนั้นพี่สาวทั้งสองของไซคีได้แต่งงานออกไป เหลือเพียงไซคีคนเดียวที่มีผู้คนมากมายหลงใหลแต่ไม่มีผู้ใดกล้ามาสาขอ พระราชาจึงนำความไปสอบถามเทพพยากรณ์ที่วิหารอะพอลโล ณ เมืองเดลฟี เทพพยากรณ์ให้คำตอบว่า นางไซคีจะได้แต่งงานกับอสุรกายที่แม้แต่เหล่าเทพยังยำเกรง จงพานางไปยังยอดผาที่สูงที่สุดของเมือง ณ ที่แห่งนั้นนางจะได้พบกับคู่ครอง

พระราชาทำตามคำชี้แนะของเทพยากรณ์ด้วยหัวใจที่สลาย ไซคีถูกทอดทิ้งไว้กับโชคชะตาของนางอยู่บนผาสูง แต่อสุรกายไม่ได้ปรากฏกายแต่อย่างใด มีเพียงเอรอสที่แอบซ่อนอยู่ตรงนั้น ในที่สุดเซฟีรัสเทพแห่งลมตะวันตกก็ได้พัดพานางไปยังตำหนักที่สวยสดงดงามของเอรอส

ยามค่ำ เอรอสเข้าหานางไซคีในความมืดมิด และกล่าวกับนางว่าไม่อาจให้นางเห็นหน้าและบอกกล่าวนามอันแท้จริงแก่นางได้ มิเช่นนั้นทุกอย่างจะพังทลาย ทั้งยังบอกไม่ให้นางไปไหนเพราะครอบครัวของนางต่างเข้าใจว่านางได้ตายไปแล้วเนื่องจากไม่เห็นนางอยู่ที่ผานั้น ไซคีเชื่อฟังสามี นางดำรงตนอยู่ในวิมานที่สวยงามและเพียบพร้อมนั้นด้วยความรู้สึกเงียบเหงา

ความโศกเศร้าของนางทำให้เอรอสอนุญาตให้นางไปพบพี่สาวได้ แต่ได้เตือนนางไว้ว่าพวกพี่สาวของนางอาจจะพูดสิ่งใดให้ความสัมพันธ์ของเราต้องแตกหัก ไซคีได้รับปากสามีว่าจะไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใด 

และพี่สาวก็ได้ยุยงให้นางเกิดความสงสัยต่อรูปโฉมที่แท้จริงของสามีของนางจริงๆ ตกกลางคืนเมื่อเอรอสหลับไหล ไซคีที่อยากรู้จึงได้ถือตะเกียงน้ำมันส่องแสงไปยังสามี เมื่อได้เห็นความงดงามของเทพบุตรหาใช้ความอัปลักษณ์ของอสุรกายไม่ นางไซคีเกิดความยินดี ทว่าน้ำมันร้อน ๆ จากตะเกียงได้หยดลงไปต้องไหล่ของเอรอส ปลุกให้เอรอสตื่นขึ้นด้วยความแสบร้อน องค์เทพโกรธที่ชายาผิดคำพูดและได้สยายปีกหนีไป

ไซคีเสียใจมากกับการกระทำที่ได้ทำลงไป จึงออกตามหาเทพเจ้าคิวปิด นางจึงได้วิงวอนต่อเทพเจ้าให้ช่วยเหลือนางตามหาสามี เมื่อเทพีวีนัสได้ยินคำวิงวอนจึงได้ลงมาโปรดแลกกบการเผชิญแบบทดสอบ 4 ประการ แล้วจะช่วยให้ทั้งสองได้คืนดีกัน

แบบทดสอบเริ่มด้วย 1.) แยกเมล็ดธัญพืชจำนวนมหาศาลที่ปะปนอยู่ 6 ชนิดออกจากกัน 2.) การข้ามแม่น้ำที่แสนอัตราย ไปเก็บขนแกะทองคำ 3.) การตักน้ำสีดำจากแม่น้ำสติสซ์ในดินแดนยมโลก และ 4.) การขอแบ่งปันความงามจากเทพีเพอร์เซฟะนี ราชินีของเทพเจ้านรก

ทั้ง 3 ด่านทดสอบ นางไซคีผ่านมาได้ โดยมีความช่วยเหลือจากเหล่าทวยเทพที่เอาใจช่วย แต่ในด่านสุดท้ายนั้น ถือว่าเป็นด่านที่ยากที่สุด เพราะเธอต้องไปยังยมโลก จึงตัดสินใจยอมตายด้วยการกระโดดหอคอย แม้เธอจะเข้าไปได้ตามคำแนะนำจากหอคอย และได้พบกับองค์ราชินีแห่งนรกได้อย่างปลอดภัย ทว่าระหว่างทางกลับไปยังดินแดนแห่งทวยเทพ เมื่อใกล้ถึงเทือกเขาโอลิมปัส ไซคีได้เปิดกล่องออกดูโดยหวังจะขอปันความงามมาให้ตนเองบ้าง แทนที่จะได้พบกับความงาม ไซคีกลับต้องละอองแห่งความตาย

เมื่อไซคีล้มลง เอรอสที่ฟื้นตัวจากบาดแผลและสามารถออกมาจากการกักขังของมารดาได้ ก็ได้เข้ามาช่วยชีวิตไซคีและพานางไปสานต่อภารกิจจนสำเร็จ

หลังจากนั้นเอรอสได้ขอให้มหาเทพซูสช่วยตัดสินเรื่องทั้งปวง เทพซูสจึงได้เรียกประชุมเหล่าทวยเทพ เจรจาให้เทพีวีนัสยอมรับในความรักของโอรสและนางไซคี และประกาศให้เทพเอรอสและไซคีเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง เหล่าเทพเห็นใจในความยากลำบากที่ทั้งสองได้กระทำเพื่อความรัก จึงประทานน้ำอมฤตแก่ไซคี ให้นางกลายเป็นเทพีแห่งจิตวิญญาณ (the goddess of the soul) มีชีวิตอมตะเคียงคู่เอรอสได้นานเท่านาน

ขอบคุณข้อมูลจาก : คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

14 หนังรัก สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติก "วันวาเลนไทน์ 2566"

ไอเดียถ่ายรูปอวดแฟน วันวาเลนไทน์ 2566 ให้เพื่อนอิจฉา!

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ไลฟ์สไตล์
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ