ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk กล่าวถึงนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงโดยนำรูปการ์ตูนการเมืองของ "เซียไทยรัฐ" ซึ่งเปรียบเทียบตนเป็นแรมโบ้สอง แต่นายพิชัย มาเขียนกำกับว่า "เสียเลย" เพื่อให้คนแห่เข้าไปด่าในโพสต์ดังกล่าว
“จตุพร”แนะนศ.จับกลุ่มเป็นเอกภาพ สู้ในข้อเรียกร้องเดียวกัน
โดยนายจตุพร กล่าวว่า ได้โทรศัพท์ถึงเซีย บุคคลที่เคารพแล้ว อธิบายถึงข้อเท็จจริงให้ฟังและให้รับรู้ บางเรื่องเปิดเผยในที่สาธารณะไม่ได้ แต่โดยรวมแล้ว ตนไปหาเสียงเลือกตั้ง นายกอบจ.เชียงใหม่ ช่วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ซึ่งเจอข้อกล่าวหาที่เลวร้ายที่สุดจากพรรคคู่แข่งขัน แม้ตนจะรักชอบพอกันกับนายพิชัยก็ตาม แต่ปล่อยให้โพสต์ดูถูกเหยียดหยามด้วยข้อความไม่ได้ เพราะนายพิชัยต่อสู้ทางการเมืองแค่โพสต์เท่านั้น ส่วนพวกตนอยู่ในสนามรบ และติดคุกกันจริงๆ ไม่มีโอกาสได้ดีเท่านายพิชัย
“คุณพิชัยไม่มีสิทธิมาหมิ่นน้ำใจผม หรือทั้งพรรคเพื่อไทยถ้าคิดจะรบกันก็รบกัน เอากันฉิบหายไปกันข้างหนึ่งก็ได้ เมื่อมาใช้วิธีการอย่างนี้กับผม เชื่อว่าใช้ไม่ได้มากที่สุด ความจริงถ้าจะยึดมาตรฐานกันแล้ว คุณพิชัยต้องชะโงกหน้าไปดูที่ภาคอีสานบางจังหวัดไปเอาคนประชารัฐที่ประกาศตัวแท้ๆมาลงนายกอบจ. สังกัดพรรคเพื่อไทย แล้วเพื่อไทยก็ขนกำลังไปชัยโยโห่ร้องสนับสนุนเป็นนักประชาธิปไตย คุณปิดตาประชาชนได้ แต่ปิดตาผมไม่ได้” นายจตุพร กล่าว
ส่วนจังหวัดเชียงใหม่นั้น ในการต่อสู้ช่วง 10 ปีนี้ แกนนำคนใดจากส่วนกลางไปเชียงใหม่แล้ว มีแต่ตระกูลบูรณุปกรณ์คอยดูแลเท่านั้น แต่เขาไม่มายุ่งการเมือง ช่วงทำประชามติรัฐธรรมนูญ2560 ก็เป็นตระกูลเดียวที่ติดคุกทหารและพลเรือน อีกทั้งคนแวดล้อมก็พลอยโดนจับขังคุกหมดเช่นกัน แต่การที่พรรคเพื่อไทยไปเลือกอีกคนหนึ่งนั้น ตนจึงต้องกล้ายืนยันอยู่ข้างเขา เพราะถ้าต่อไปใครถูกกระทำเช่นนี้พรรคเพื่อไทยก็เป็นสิ่งถูกต้องทุกอย่างอย่างนั้นหรือ จะผลักใครออกจากพรรคก็ยัดข้อกล่าวหาให้ แล้วตัวเองดีหรือยัง ถ้าเรียงหน้ามาจะซัดให้ร่วงเลย
ขาดอายุความ! “แรมโบ้อีสาน” รอดคดีล้มประชุมผู้นำอาเซียน เหตุ อัยการส่งฟ้องไม่ทัน
“ถามว่าคุณหญิงหน่อย อาจารย์โภคิน พลกุล นายวัฒนา เมืองสุข เขาต้องถูกข้อกล่าวหาอะไรอีกหรือเปล่า ตัวเองทำอะไร กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ทำงานการเมืองไร้ความเป็นมนุษย์ คนในสนามต่อสู้ถ้าไม่เจอแบบเรา ก็ไม่เข้าใจ” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า นายพิชัย มาตั้งหัวข้อแรมโบ้สอง และเขียนตั้งคำถามเสียเลยนั้น น้ำหน้าอย่างคุณ ผมน้อยชนิดหัวล้านไม่รู้สึกรู้สาอะไร ตนเคยเล่าให้ฟังแล้วเมื่อเป็นรัฐมนตรีพลังงาน 4 เดือนแต่ถูกปลดออกตำแหน่ง ยังช่วยตามหาความเป็นธรรมให้ เพราะอยากรู้ แต่เมื่อคุณไปช่วยหาเสียง เพราะเป็นรองหัวหน้าพรรค ส่วนตนเห็นต่างและรับไม่ได้กับคนที่ติดคุกเรื่องประชามติ ซึ่งทำตามนโยบายของพรรคเพื่อไทย แล้วไปทิ้งเขา แต่ตนไม่ทิ้งด้วย ก็กล่าวหาว่าตนเป็นพลังประชารัฐ คุณเป็นมนุษย์เส็งเคร็งพันธุ์อย่างไงกันแน่
“ถ้าผมไปสนับสนุนคนไม่ได้เรื่องก็ว่าไปอย่างหรือไปเกี่ยวข้องกับการวิ่งเต้นคดีทำลายกระบวนการยุติธรรมอย่างย่อยยับที่สุดก็ว่าอย่าง คุณอย่ามาตราหน้าผม แต่นี่เขาติดคุกเรื่องประชามติทั้งตระกูล ถูกดำเนินคดีอั้งยี่ ซ่องโจรและ ม.116” นายจตุพร กล่าว
วันนี้ความเป็นจริงรู้กันทั้งหมดว่า เกิดอะไรขึ้น บางคนไปสมัครอนาคตใหม่ก็ไม่รับ มาพรรคเพื่อไทยก็เป็นนักประชาธิปไตยอีกแล้ว ซึ่งเป็นเจ้าของประชาธิปไตยหรือไง จะดูถูกใครก็ได้ แต่อย่าดูถูกเหยียดหยามตน เพราจะเจอสวนทุกกรณี การมากล่าวหานั้น ถ้าไม่มีผลักเขาออกไปก็ไม่มีปัญหากับตน คนในพรรคเพื่อไทยต้องต่อว่ากัน นักต่อสู้ทางการเมืองนั้นถูกมองว่า ไร้ค่า เป็นวัสดุสิ้นเปลือง ถูกใช้แล้วทิ้งเป็นขยะ และพรรคเพื่อไทยไม่รับผิดชอบทางการเมือง ซึ่งชาวบ้านยังรับผิดชอบกว่าเลย
“ผมเตือนให้คิดดีๆจะผลักผมให้เป็นศัตรูอีกคนก็ได้ ผมไม่ขัดข้อง พร้อมจะรบกัน อย่ามาโพสต์ทะลึ่งแบบนี้ คุณไม่มีค่าอะไรกับผม หรือต้องการพิสูจน์มาดีเบตกันผมจะพูดให้ตาตั้ง ใครอยู่ตรงไหนอย่างไร” นายจตุพร กล่าว
วันนี้ชักมากไปใหญ่ ถ้าบริหารดีจะยกทีมกันออกมามากมายหรือ ซึ่งกำลังจะพังกันอยู่แล้ว ชอบกล่าวหาคนเห็นต่าง ทั้งที่พวกคุณตัวดีที่สุดเลย ข้อกล่าวหาคนอื่นไม่ดูตัวเองกันบ้าง บางจังหวัดถูกฟอกเป็นนักประชาธิปไตย ส่วนจังหวัดที่ติดคุกถูกย่ำยี่ว่าไปพลังประชารัฐ ทั้งที่ คสช.ขังเขา พักงานเขา พรรคนี้ไม่มีความเป็นคนเอาเสียเลย ตนไม่มีหน้าที่ไปสนับสนุนแนวทางที่ผิดอีกแล้ว และสะอิดสะเอียนกับแนวทางยกทัพไปด่าคนออกจากพรรค เมื่อเขากลับมาก็ชื่นชมว่าเป็นนักประชาธิปไตย
“ดังนั้น ผมจึงเตือนนายพิชัย หรือทั้งพรรคจะเรียงมาก็ได้ จะได้ชำแหละกันเป็นเรื่องเป็นราว นี้ไม่เข้าใจอะไรเลย ใช้ไม่ได้ หัวล้านเสียเปล่า” นายจตุพร กล่าว
อย่างไรก็ตามจะกล่าวหาใครนั้น อย่างน้อยที่สุดต้องให้เกียรติในการต่อสู้กับเขาด้วย ตอนพ.ร.บ.สุดซอยก็โกรธกันพักใหญ่ ถอดออกจากผังรายการโทรทัศน์หมด เตือนแล้วก็ไม่ฟัง แล้วท้ายสุดพังไม่เป็นท่า ดังนั้นการทำการเมืองในช่วงท้ายชีวิต ควรมีเกียรติยศกันบ้าง ถ้ายังทำการเมืองแบบเจ๊ๆกันอยู่จะเจ๊งกันหมด
“เพื่อไทย” ซัด “ทหาร” เลิกใช้ IO ก่อกวนผู้เห็นต่าง