เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 คณะรัฐมนตรี มีมติตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอ เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะหรือประเภทของงานที่ห้ามผู้จ้างงานจ้างผู้รับงานไปทำที่บ้านทำงาน พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงแรงงาน รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
คลอดกม.ให้สิทธิ 'ลูกจ้าง' กรณีป่วยทำงานหน้าที่เดิมไม่ได้
ครม.ไฟเขียว เพิ่มค่าทำศพผู้ประกันตนเป็น 5 หมื่นบาท
ทั้งนี้ กระทรวงเสนอว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. 2553 มาตรา 4 บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง ประกอบกับมาตรา 21 (3) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติห้ามผู้จ้างงานจ้างผู้รับงานไปทำที่บ้านในงานเกี่ยวกับความร้อนจัดหรือเย็นจัดอันอาจเป็นอันตราย และงานอื่นที่อาจกระทบต่อสุขภาพ ความปลอดภัย หรือคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งลักษณะหรือประเภทของงานดังกล่าวให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแรงงาน จึงได้ยกร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะหรือประเภทของงานที่ห้ามผู้จ้างงานจ้างผู้รับงานไปทำที่บ้านทำงาน พ.ศ. .... เพื่อกำหนดประเภทหรือลักษณะงานเกี่ยวกับความร้อนอันอาจเป็นอันตราย และงานที่อาจกระทบต่อสุขภาพ ความปลอดภัย หรือคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการทำงาน และผ่านมติที่ประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องแล้ว
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง กำหนดลักษณะหรือประเภทของงานที่ห้ามผู้จ้างงานจ้างผู้รับงานไปทำที่บ้าน ดังนี้
1. งานเกี่ยวกับความร้อนจัดอันอาจเป็นอันตราย ได้แก่ ลักษณะงานเกี่ยวกับความร้อนซึ่งทำให้ระดับความร้อนภายในสถานที่ทำงานที่มีผู้รับงานไปทำที่บ้านทำงานอยู่เกินค่าเฉลี่ยอุณหภูมิเวตบัลบ์โกลบ (การวัดดัชนีความร้อน วัดสภาพความร้อน ของสภาพแวดล้อมหรือสิ่งแวดล้อมในการทํางาน) 34 องศาเซลเซียส ในช่วงเวลาสองชั่วโมงของการทำงานติดต่อกัน
2. งานอื่นที่อาจกระทบต่อสุขภาพ ความปลอดภัย หรือคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้แก่ งานที่ทำเกี่ยวกับเลื่อยสายพาน และลักษณะงานที่ก่อให้เกิดเสียงดังที่ผู้รับงานไปทำที่บ้านสัมผัสระดับเสียงเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทำงาน 8 ชั่วโมงเกินกว่า 85 เดซิเบล (เอ)