ย้อนที่มา711ไร่ ฟาร์มไก่รุกป่า จากพ่อ สู่มือ "เอ๋ ปารีณา" อัปเดตคดีตำรวจต้องรอเอกสิทธิ์คุ้มครอง!!


โดย PPTV Online

เผยแพร่




เปิดรายละเอียดมติ ป.ป.ช.ชี้ "ปารีณา ไกรคุปต์"คนแรกผิดมาตรฐานจริยธรรม ย้อนพฤติการณ์รุกป่า ครอบครองทรัพยากรธรรมชาติที่ควรเป็นของเกษตรกรผู้เดือดร้อน อัปเดตคดีอาญา

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)  เปิดเผย มติ ชี้มูลความผิด "เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์" ส.ส.จังหวัดราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ นับเป็นคนแรกที่ถูกชี้มูลความผิด ตาม "มาตรฐานทางจริยธรรมของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561" โดยมีมติให้ส่งให้ศาลฎีกา วินิจฉัย "หยุดปฏิบัติหน้าที่" ต่อไปหรือไม่

พ่อลูก 'ไกรคุปต์' ไม่รอด ฟาร์มไก่ 'เอ๋ ปารีณา'พ่นพิษ ตร.ฟัน 4 ข้อหาหนัก ส่งอัยการ 'ทวี' โดนรุกที่!

'ปารีณา' กลับลำ นัดเองเลิกเอง ใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง เลื่อนพบอัยการฟ้องคดี 'ฟาร์มไก่' รุกป่า

"ปารีณา" รอคุยทนายหาข้อโต้แย้งหลังกฤษฎีกา ชี้ ฟาร์มไก่รุกป่าสงวน

  • ป.ป.ช.เปิดพฤติการณ์ "ส.ส.ปารีณา ไกรคุปต์" 

นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ได้ยื่น บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 25 พฤษภาคม 2562 ระบุว่ามีรายการที่ดินตามแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท. 5) จำนวน 29 แปลง พื้นที่ประมาณ 853 – 0 – 73 ไร่ ในหมู่ที่ 6 ตำบลรางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี 

ป.ป.ช.ตรวจสอบ พบว่า ที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตป่าและเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นที่ดินของรัฐ ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 1,069 (พ.ศ. 2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 โดยปี พ.ศ. 2536 และปี พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กรมป่าไม้ส่งมอบพื้นที่ให้ ส.ป.ก. เพื่อให้ไปดำเนินการปฏิรูปที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูป

ปี พ.ศ. 2554 มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้พื้นที่ตำบลรางบัว อ.จอมบึง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน  ส.ป.ก ได้ดำเนินการโดยปิดประกาศให้เกษตรกรผู้ถือครองที่ดินและทำประโยชน์ในที่ดินยื่นคำร้องขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวทุกปี ซึ่งที่ดินดังกล่าว ส.ป.ก. และกรมป่าไม้เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการกำกับ ดูแลพื้นที่และมีอำนาจดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้

จากการไต่สวนปรากฏว่า นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ได้ร่วมกับนายทวี ไกรคุปต์ บิดา เข้ายึดถือครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ พื้นที่จำนวน 711 – 2 – 93 ไร่

ก่อนอยู่ในความครอบครองของ น.ส.ปารีณา นายทวี ไกรคุปต์ ผู้เป็นบิดา ทำฟาร์มหมู ฟาร์มไก่  ทำประโยชน์ในที่ดินผืนนี้ โดยนายทวีเป็นคู่สัญญาซื้อขายไฟฟ้า  ต่อมาเป็นเป็น นางสาวปารีณา เป็นคู่สัญญาใช้ไฟฟ้า 

ในปี พ.ศ. 2546 - 2562 มีการขอใช้ไฟฟ้าต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจอมบึง และชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินต่อองค์การบริหารส่วนตำบลรางบัว เพื่อประกอบกิจการปศุสัตว์

ในปี พ.ศ. 2549 - 2556 มีการชำระภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.5) ทั้ง 29 แปลงต่อองค์การบริหารส่วนตำบลรางบัว ป.ป.ช.พบว่า มีการกระจายการถือครองที่ดินดังกล่าว โดยอาศัยชื่อบุคคลอื่นมาถือครองที่ดิน เป็นคนรู้จัก และคนงานในฟาร์มของนางสาวปารีณา ในเอกสาร ภ.บ.ท. 5 จำนวนหนึ่ง และในปี พ.ศ. 2555 ได้มีการโอนกลับมาเป็นชื่อของนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ทั้งหมด

ในปี พ.ศ.2557 อบต.รางบัวได้ยกเลิกการเก็บภาษีบำรุงท้องที่ดังกล่าว เนื่องจากที่ดิน ภ .บ .ท . 5 เป็ น แบบ แสดงรายการที่ดิน เพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี ไม่ใช่เอกสารสิทธิ ตามที่กรมการปกครองได้แจ้งให้ยกเลิกแบบแสดงรายการที่ดิน (ภ.บ.ท. 5) และให้งดการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับที่ดินและการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่สำหรับที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือที่สาธารณประโยชน์ ที่ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน

แต่นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ก็ยังคงยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว โดยไม่มีสิทธิครอบครองและมิได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ และ ส.ป.ก. แต่อย่างใด

ในปี 2555 - 2562 นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ได้มีการขออนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพต่ออบต.รางบัว และใบรับรองมาตรฐานฟาร์ม “เขาสนฟาร์ม” และ “เขาสนฟาร์ม 2” บนที่ดินดังกล่าวต่อกรมปศุสัตว์ และในปี พ.ศ. 2561 ได้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ปารีณา ไกรคุปต์ จำกัด เพื่อประกอบกิจการดังกล่าว

25 พฤษภาคม 2562 นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยยังคงยึดถือ ครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐดังกล่าวโดยอ้างเอกสารแบบแสดงรายการที่ดินฯ(ภ.บ.ท. 5) ทั้ง 29 แปลงที่ถูกยกเลิกไปแล้ว และมิได้รับอนุญาต จนกระทั่งถูกตรวจสอบการครอบครองที่ดิน จากส.ป.ก. และกรมป่าไม้

ส.ป.ก. ได้แจ้งให้นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส่งคืนที่ดินที่ครอบครอง และทำประโยชน์ดังกล่าวทั้งหมด

กรมป่าไม้ได้ร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ให้ดำเนินคดีอาญากับนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ในข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ เป็นพื้นที่ 711 – 2 – 93 ไร่ และคำนวณค่าเสียหายเป็นตัวเงิน จำนวน 36,224,791 บาท

ดีเอสไอสอบคอนโดฯรุกป่า"บ้านลาด" 499 ไร่

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนแล้วเห็นว่า การที่นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้แทนของประชาชน จะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม มากกว่าวิญญูชน โดยปราศจากความขัดกันแห่งผลประโยชน์ และต้องประพฤติปฏิบัติตนให้ถูกต้องเป็นแบบอย่างที่ดี อยู่ในกรอบของจริยธรรมในการดำรงตน เคารพ ยึดถือ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ซึ่งบัญญัติออกมาเพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์ของประชาชนหรือประโยชน์ของรัฐ มากกว่าการคำนึงถึงประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง 

แต่กลับไม่ยึดถือระเบียบ หลักเกณฑ์ กฎหมาย และไม่ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามกฎหมาย

โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องการดูแลรักษา ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ หรือเกี่ยวกับการปฏิรูปที่ดินที่มีเจตนารมณ์เพื่อต้องการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบความเดือดร้อน และลดความเหลื่อมล้ำในฐานะของบุคคลในทางเศรษฐกิจและสังคม แต่กลับนำที่ดินไว้ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติควรได้ครบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว

จึงมีมติว่า กรณีที่นางสาวปารีณา ไกรคุปต์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบดังกล่าว

"เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรง และกรณีเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง"

"อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ด ารงต าแหน่งในองค์กรอิสระรวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 11ข้อ 17 ประกอบ ข้อ 27 วรรคสอง ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยต่อไป" ป.ป.ช.แถลง

อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ในส่วนของคดีรุกป่าของนางสาวปารีณา พนักงานสอบสวน บก.ปทส.อยู่ระหว่างรอการนำตัวนางสาวปารีณา ส่งต่อพนักงานอัยการเพื่อสั่งคดี ทว่า นางสาวปารีณา ใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง อ้างว่า อยู่ในสมัยประชุมสภาฯ โดยพนักงานสอบสวนทำหนังสือไปยังนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่อขอให้ส่งตัว น.ส.ปารีณา ดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม ได้รับคำตอบว่าต้องหมดสมัยประชุมฯเสียก่อน จึงจะส่งตัวส.ส.ปารีณา ดำเนินคดีได้ 

ขณะที่มีรายงานว่า เอ๋ ปารีณา ยกเลิกการแถลงข่าวหลังป.ป.ช.แถลง ชี้ความผิด

TOP การเมือง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ