‘วิโรจน์’ ซัดกองทัพซื้อ‘ชุดทหารเกณฑ์’แพงเกินจริง ส่อเอื้อธุรกิจพวกพ้อง
เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 64 นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณไม่โปร่งใสของกองทัพ ว่า
โครงการจัดซื้ดชุดลำลองทหารเกณฑ์ ประกอบด้วย เสื้อยืด, กางเกงขาสั้นลำลอง, รองเท้า Jungle boots, ผ้าเช็ดตัว, ผ้าขาวม้า, ถุงเท้าต้านแบคเรีย, กางแกงใน กองทัพจ่ายเงินไป 702 ล้านบาท แต่หากซื้อใน Shopee ราคาจะอยู่ที่ 285 ล้านบาท เท่ากับกองทัพซื้อแพงว่า 417 ล้านบาท
โครงการจัดซื้อ เครื่องมือช่าง ได้แก่ กล้องกล้องสำรวจแบบวัดระยะและมุม ตรา TOPCON รุ่น OS-101, รถยกไฮดรอลิค Hand Stacker รุ่น ADJ HS 1.5TX3m, เครื่องวัดความเร็วรอบ ตรา FLUKE รุ่น 931 กองทัพจ่ายเงินไป 552,710 บาท แต่ราคาตลาดทั่วไปขายอยู่ที่ 376,900 บาท เท่ากองทัพซื้อแพงว่า 175,810 บาท
โครงการจัดซื้อ กล้องส่องกลางคืน (Night Vision Scopes) ตั้งแต่ พ.ศ. 2561 – 2563 พบว่ามีเอกชนผู้ชนะประมูลรายเดียว ที่ราคากลาง 495,000 บาท/ชุด โดยไม่สนว่าภาวะค่าเงินบาทจะอ่อน หรือแข็งในแต่ละช่วงเวลา นายพิจารณ์ ยังได้ยกตัวอย่างการจัดซื้อในปี 2563 พบว่า มีการประกาศจัดซื้อแบบ E-Bidding ให้เอกชนรายใหม่เข้ามาร่วมแข่งขันประมูล แต่กำหนด TOR ให้หลังจากเสนอราคาต้องแสดงตัวอย่างของภายใน 5 วัน แต่เอกชนไม่สามารถทำได้ เนื่องจากการนำเข้าเครื่องมือยุทธภัณฑ์ต้องขออนุญาตก่อน ตาม พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ ซึ่งใช้เวลา 45 วัน ทำให้เอกชนรายใหม่มองว่าเป็นการปิดกั้นการแข่งขัน ซึ่งผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง แต่ทางกองทัพก็ไม่ได้ออกมาชี้แจงแต่อย่างใด
จนกระทั่งต่อมา กองทัพได้ประกาศแผนการจัดซื้อจัดจ้างแบบเฉพาะเจาะจง โดยให้เหตุผลว่าเป็นความต้องการของหน่วยบัญชาการรบพิเศษที่ต้องการใช้กล้องส่องกลางคืนยี่ห้อเดิม ส่งผลเอกชนรายเดิมที่เคยชนะประมูลครั้งก่อน คว้างานประมูลในครั้งนี้
ทั้งนี้ นายพิจารณ์ ได้ตรวจสอบราคากล้องส่องกลางคืน ยี่ห้อ Newcon Optik ตามมาตรฐานสหรัฐอเมริกา และตรงตามสเปคของกองทัพไทย พบว่าราคาอยูที่ 260,000 บาท และหากซื้อจำนวน 332 ชุด ถูกว่าที่กองทัพซื้อ 77.688 ล้านบาท
โครงการจัดซื้อรถโดยสารขนาดใหญ่ปรับอากาศ ตั้งแต่ พ.ศ. 2558 2561 2562 และ2563 จำนวน 429 คัน มูลค่า 2,200 ล้านบาท พบว่ามีเอกชนรายเดียวชนะประมูลทั้งหมด คือ อิทธิพร อิมปอร์ต และพบว่าในกระบวนการจัดซื้อทั้งหมดมีการกำหนดผู้ชนะไว้อยู่แล้ว ในขั้นตอนการกำหนดสเปค กองทัพมีการเชิญ 3 บริษัทให้เข้ามาเสนอยี่ห้อรถโดยสาร แต่ใน 2 บริษัทที่ไม่ได้ชนะการประมูลนั้น พบว่า ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถโดยสารของทางแบรนด์ต่างประเทศ ไม่เคยมีประสบการณ์ประกอบรถโดยสารมาก่อน ไม่เคยเข้าร่วมการสืบราคา ไม่ได้เข้าซื้อซองประมูล และปิดกิจการแล้ว 1 ราย ส่วนอีกรายประกอบธุรกิจโรงซ่อมบำรุงยานพาหนะทหาร ส่งผลทำให้กองทัพต้องจัดซื้อรถแพงกว่าปกติ 660 ล้านบาท
ขณะที่ ตลอดการจัดซื้อทุกโครงการ แม้จะเปลี่ยนผู้บัญชการทหารบกมาแล้ว 6 คน ปลัดกระทรวงกลาโหม 6 คน แต่ช่วงเวลาการจัดซื้อยังอยู่ในวาระการดำรงตำแหน่งของ 2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งนายพิจารณ์ เชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ด้วย
