โดยวันนี้ นาย กรวีร์ ปริศนานันทกุล ระบุว่า ว่า ไม่เห็นด้วยถึงกับจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข และมีวาทะเด็ดคือ “การทำงบประมาณรอบนี้อาจจะเป็นรอบสุดท้ายของสภานี้ก็ได้” เป็นวาทะเด็ดที่นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายถึงร่าง พ.ร.บ.งบรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วาระแรก พร้อมระบุว่า การจัดงบประมาณ มีความพิลึกพิลั่น มองว่า กระทรวงสาธารณสุขที่เป็นหัวหอกแก้ปัญหาโควิด ตัดงบประมาณไปถึง 4,308 ล้านบาท
นายกฯสั่งหารือท้องถิ่นซื้อวัคซีนได้หรือไม่
อนุทิน ลั่น ไม่มีหน้าที่ตอบได้วัคซีนกี่โดส
สะท้อนว่า รัฐบาลจัดงบประมาณแบบไม่ให้ความสำคัญทางสาธารณสุข
ส่วน กรมควบคุมโรค ได้งบประมาณปี 2565 แค่ 3,565 ล้านบาท ลดลงจากปีนี้ มากถึง 479 ล้านบาท หรืออย่าง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้งบปี2565 จำนวน 1,244 ล้านบาท ลดลงไปกว่า144 ล้านบาท
นายกรวีร์ ยังพูดถึงการระบาดใน กทม.ที่มีผู้ติดเชื้อวันละหลักพันคน ซึ่งล่าสุดมีข้อเสนอว่าให้ระดมวัคซีนมาฉีดในพื้นที่ระบาดหนักก่อน โดยบอกว่า
การฉีดวัคซีนฉีดให้ประชาชนใน กทม.ก่อน ไม่ต่างจากการเบียดเบียนวัคซีนจากโควตาต่างจังหวัด แต่เชื่อว่าคนต่างจังหวัดพร้อมเสียสละให้ แต่รัฐบาลก็ต้องมั่นใจว่า จะแนวทางนี้จะแก้ปัญหาจบได้จริงๆ ตอนท้ายนายกรวีร์ เหน็บว่า คาดหวังว่า กทม.และ ศบค. จะแก้ปัญหาร่วมกันได้ อย่าให้เหมือนเมื่อวานนี้(31พ.ค.) ที่ลักลั่นกันเอง เรื่องการ ผ่อนปรนให้เปิด 5 กิจการ
ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถูกสื่อมวลชนถามเรื่องความสัมพันธ์กับพรรคภูมิใจไทย ระหว่างเดนิทางเข้าประชุมสภา โดยเฉพาะ กรณีที่ถูกมองว่า รัฐบาลจัดสรรงบให้กระทรวงสาธารณสุขน้อย พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า สามารถชี้แจงได้ และก่อนหน้านี้ทำความเข้าใจกับนายอนุทิน ไปแล้ว
ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย วิจารณ์งบประมาณอย่างดุเดือด เช่น ชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชวนนายอนุทินกลับบ้าน พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ก็แล้วแต่ เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคจะพิจารณากันเอง” ส่วนเมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลว่ายังดีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบ และเดินขึ้นลิฟต์ไปทันที
สำหรับการการอภิปรายตลอด 2 วันที่ผ่านมาท่าทีของ ส.ส.ภูมิใจไทย วิจารณ์การจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลอย่างดุเดือด แต่สุดท้ายจะกล้าลงมติ ไม่รับร่าง พ.ร.บ. หรือไม่ ต้องรอดู ขณะที่ส.ส.หลายคนในพรรคภูมิใจไทย บอกว่า ยังไม่ขอให้ความเห็นใดใด บอกเพียงว่าก่อนลงมติ จะมีการประชุมพรรค รวมถึงจะมีการประชุมพรรคร่วมรัฐบาลด้วย
หากเช็กเสียงในสภาผู้แทนราษฎรตอนนี้ ทั้งสภามีส.ส. 488 เสียง หากร่างพ.ร.บ.งบประมาณจะผ่านการพิจารณา ต้องได้เสียง 244 เสียงขึ้นไป โดยตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 19 พรรค มีเสียงรวมกัน 275 เสียง หมายความว่า หากไม่มีการสวนมติ ร่างพ.ร.บ. ผ่านได้ฉลุย แต่หากพรรคภูมิใจไทย ที่มีเสียงอยู่ 61 เสียง ลงมติไม่รับร่างพ.ร.บ. งบฯ ก็จะทำให้ ร่างฉบับนี้ตกไป ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ตามธรรมเนียมปฎิบัติ รัฐบาลต้องยุบสภา ปล่อยให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งจะหมายความว่า พรรคภูมิใจไทย จะหมดสภาพการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วย
ทั้งนี้ไม่เฉพาะแต่พรรคภูมิใจไทยเท่านั้น ที่มีอำนาจการต่อรองนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้มีเสียง 51 เสียง ก็อยู่ในสถานะเดียวกับพรรคภูมิใจไทย หากสวนมติ ไม่รับร่างพ.ร.บ. คำถามสำคัญ จึงอยู่ที่ว่าเมื่ออภิปรายไม่เห็นด้วยกับการจัดทำพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 แล้ว ส.ส.เหล่านี้กล้า ลงมติไม่รับร่างพ.ร.บ.ด้วยหรือไม่
