“ธรรมนัส” ชูจุดยืน พปชร. ค้านซื้อเรือดำน้ำ ใช้งบฯแก้ปัญหาโควิดก่อน
กลาโหม เผย นายกฯ สั่งชะลอซื้อ “เรือดำน้ำจีน”
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ตนในฐานะเลขาพรรค พปชร. ได้แสดงจุดยืนไปยังคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ ไอซีที ภายใต้ กมธ.พิจารณางบประมาณ 2565 ถึงการตั้งงบประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ของกองทัพเรือ โดยเบื้องต้นทางกองทัพเรือได้เตรียมชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นในการจัดซื้อต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในวันนี้
ขณะที่ทางพรรค พปชร. แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุนกับการจัดซื้อเรือดำน้ำในช่วงเวลานี้ เนื่องจากประเทศอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด ที่ยังมีความรุนแรง ดังนั้นการจะใช้งบประมาณใดๆ ต้องพิจารณารอบด้านและให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ซึ่งขณะนี้บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ โรคระบาดเปรียบเสมือนการทำสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่ต้องสู้กับเชื้อโรคที่มองไม่เห็น จึงมีความจำเป็นจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤติดังกล่าวให้ผ่านพ้นไปได้ ซึ่งการนำงบประมาณไปจัดซื้อเรือดำน้ำยังมีความจำเป็นเร่งด่วนน้อยกว่าการนำงบประมาณไปแก้ไขปัญหาโรคระบาดโควิด จึงขอให้กองทัพเรือชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปก่อน
ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า เรื่องของสามัญสำนึก คิดว่าคงไม่จำเป็นต้องพูดกันมาก มีทั้งสังคม และสื่อมวลชนที่เปรียบเทียบว่า เงินจำนวน 22,500 ล้านบาท ในยามที่ประเทศชาติวิกฤติขนาดนี้ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เหมาะสมหรือไม่ ที่จะนำไปซื้อเรือดำน้ำ เงินจำนวน 22,500 ล้านบาท ทำอะไรได้บ้าง เราสามารถซื้อวัคซีน pfizer ได้ 35 ล้านโดส ซื้อชุด PPE ได้ 150 ล้านชุด ให้กับบุคลากรทางแพทย์และอาสาสมัครที่ช่วยเหลือประชาชนในยามหาเตียงไม่ได้ และซื้อชุดตรวจ rapid antigen test ได้จำนวน 60 กว่าล้านชุดให้ประชาชนทุกคนในประเทศไทย นี่คือราคาที่เราต้องจ่าย เมื่อเปรียบเทียบกับการไปซื้อเรือดำน้ำมาจอดไว้ ถึงเวลากองทัพต้องปรับแนวคิด เพื่อรองรับภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ ในการสร้างความกดดันให้กับศัตรูโดยไม่ใช้อาวุธหนัก
ประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น ทำให้พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้กลาโหมและกองทัพเรือ ชะลอโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือ โดยให้ไปหารือกับกลาโหมจีนถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องชะลอโครงการในปีนี้ออกไป แม้จะเป็นโครงการ ตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) โดยไม่ผ่านคนกลางหรือบริษัทนายหน้าอื่นใด จึงขอให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับสังคม และไม่อยากให้มีการแสวงประโยชน์จากกลุ่มใดๆ หรือการใช้ประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งอาจเกินเลยไปกระทบความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้
นอกจากนี้มีรายงานว่า พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา และ ได้ข้อสรุปว่าจะถอนโครงการดังกล่าวออกไประหว่างการชี้แจงกรรมาธิการงบประมาณในวันนี้ โดย ผบ.ทร.จะเป็นผู้ประกาศด้วยตนเอง นอกจากนั้น ยังรายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับทราบแล้ว และ ตามขั้นตอนจะต้องดำเนินการในชั้น ของอนุคณะกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ อย่างเป็นทางการด้วย
ซึ่งนับเป็นการชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ออกไปเป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกเป็นการตัดงบฯ ตามพระราชบัญญัติโอนคืนงบประมาณเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหา โควิด -19 วงเงินราว 4,130 ล้านบาท (เป็นงบฯโครงการเรือดำน้ำ 3,375 ล้านบาท)
ครั้งที่ 2 ถูกตัดงบฯ ในขั้นคณะกรรมาธิการพิจารณา งบประมาณปี 2564 วงเงิน 3,925 ล้านบาท จากนั้น กองทัพเรือก็ได้รับฟังความเห็นจากรอบด้าน และ ตระหนักถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ ในช่วงของสถานการณ์โควิด-19 จึงได้ไปเจรจากับจีนเพื่อขอลดวงเงินตั้ง ในการซื้อลำที่2- 3 ลง โดยทางประเทศจีนตกลงที่จะให้กองทัพเรือจ่ายเงินงวดแรกได้ 1ใน3 หรือ 1ใน 4 จากที่ตกลงไว้เดิม ทางกองทัพเรือจึงได้ตั้งงบฯ ปี 2565 ไว้ประมาณ 900 ล้านบาท แต่ในที่สุดจะต้องถอนโครงการดังกล่าวออกไปหลังจากถูกโจมตีในช่วง2วันที่ผ่านมา
ทั้งนี้โครงการจัดหาเรือดำน้ำจากประเทศจีน 3 ลำ วงเงิน 36,000 บาท โดยดำเนินการ จัดซื้อไปแล้ว 1 ลำ ส่วนที่เหลืออีก 2 ลำ ต้องผูกพันงบประมาณในการซื้อเข้าประจำการรวม 22,500 ล้านบาท
