สำหรับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ย้ำชัดว่าปัญหาทุกอย่างในพรรคพลังประชารัฐจบลงแล้ว และมั่นใจว่าการอยู่ต่อในตำแหน่งเลขาธิการพรรคของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะไม่ทำให้ความขัดแย้งบานปลาย โดยนับจากนี้ พล.อ.ประวิตร มั่นใจว่า ตัวเองเอาอยู่และคุมเสียงได้
สอดคล้องกับ นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ที่มั่นใจในตัวพล.อ.ประวิตร ว่าจะสามารถหยุดแรงกระเพื่อมของทุกฝ่ายได้ โดยจะไม่เกิดอุบัติเหตุททางการเมืองและยุบสภาระหว่างทางแน่นอน
"ประวิตร" ย้ำไม่ปรับกรรมการบริหารพรรค “ธรรมนัส” ได้ไปต่อ
และยุบสภาระหว่างทางแน่นอน และหากผิดพลาดและการยุบสภาจะเกิดขึ้นจริง ก็คิดว่าจะเป็นช่วงระหว่างเดือนต.ค.-พ.ย.ปีหน้า หลังการพิจารณาร่างงบประมาณประจำปี 2566
สำหรับเปิดประชุมรัฐสภา สมัยสามัญ ครั้งที่ 2 วันที่ 1 พ.ย. นี้ แม้ว่าจะมีกฎหมายสำคัญหลายฉบับที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี แต่ก็ยังไม่ใช่กฎหมายการเงิน ที่จะทำให้ "รัฐบาล"ต้องรับผิดชอบหากไม่ผ่านสภาฯ
ขณะที่กฏหมายอื่นๆที่พอจะสร้างปัญหาให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ หากเกิดการโหวตสวนขึ้นมา ยังมี ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศ และคำสั่ง คสช. ที่เสนอโดยภาคประชาชนและ ร่างที่เสนอโดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เป็นต้น
ขณะเดียวกัน พรรคก้าวไกล ยังเตรียมที่จะขอเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เพื่ออภิปรายรัฐบาลเรื่องการเปิดประเทศ และการแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีการลงมติ เหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ก็ยังต้องจับตามองถึงบทบาทของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่จะทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ ว่ามีเท่าเดิม มากขึ้นหรือน้อย