กกต.ยื่นยุบ"ไทรักธรรม"ปมจูงใจสมัครสมาชิก


โดย PPTV Online

เผยแพร่




สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ส่งตัวแทนเจ้าหน้าที่ไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ยุบพรรคไทรักธรรม เนื่องจากพบข้อมูลว่า มีพฤติกรรมจูงใจประชาชนด้วยผลประโยชน์ให้ไปสมัครสมาชิกพรรค รวมถึง พบข้อมูลว่า มีพฤติกรรมเข้าข่ายอาศัยช่องว่างเรียกรับเงินจากกองทุนพัฒนาการเมือง เกือบ 20 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เดินมามายื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยนำเอกสารลับ 3 กล่องใหญ่ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยและสั่งยุบพรรคไทรักธรรม และ ดำเนินคดีทางแพ่งและอาญากับพรรคไทรักธรรม เนื่องจาก พบว่า เข้าข่ายอาศัยช่องว่างการขอเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ซึ่งใช้หลักเกณฑ์การเปิดสาขาพรรคเป็นตัวกำหนด แต่เมื่อรับเงินอุดหนุนแล้ว พรรคไทรักธรรมปิดสาขาพรรค ทำให้ถูกมองว่า เข้าข่าย เปิดสาขาพรรคมาเพื่อรับเงิน

กกต.คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ ได้ส.ส.ใหม่จากพรรคไทรักธรรม  

นักวิชาการชี้ ATK ตรวจสายพันธุ์โควิดไม่ได้

จากนั้นก็ปิดสาขาเมื่อได้รับเงินอุดหนุนแล้วนอกจากนี้ยัง พบว่า พยายามจูงใจด้วยทรัพย์สินให้ประชาชนไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค

จุดเริ่มต้นของคดีนี้ คือ กกต.จังหวัดพิจิตร พบพิรุธตั้งแต่ กันยายน 2561 ถึง มกราคม 2562 ก่อนการเลือกตั้ง ว่า  นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม กับพวกรวม 10 คน เชิญชวนชาวบ้านรวมกลุ่มทำดอกไม้จันทน์ โดยพรรคลงทุนซื้อวัสดุอุปกรณ์ และรับซื้อในราคาดอกละ 1 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องสมัครสมาชิกพรรค

ประเด็นนี้ นายพีระวิทย์ ชี้แจงว่า การรวมกลุ่มจัดทำดอกไม้จันทน์ ในครั้งนั้น เป็นนโยบายส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนของพรรค เพื่อให้ชาวบ้านมีอาชีพ รายได้ที่มั่นคง ก็สามารถแบ่งมาจ่ายค่าสมาชิกพรรคได้ ตามความสมัครใจ ไม่มีการบังคับ

แต่พฤติกรรมดังกล่าว กกต.มองว่า เข้าข่ายความผิดถึงขั้นยุบพรรค ล่าสุดวันนี้ จึงเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ส่วนอีกประเด็น ที่กกต.พบพิรุธ คือ เรื่องการตั้งสาขาพรรค ของพรรคไทรักธรรม แหล่งข่าวในกกต. บอกว่า พรรคไทรักธรรม เป็นพรรคที่เปิดสาขาพรรคการเมือง มากที่สุดในประเทศไทย คือ มีมากกว่า 100 แห่ง ซึ่งทำให้พรรคไทรักธรรมได้รับเงินอุดหนุนจากกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมือง ในรอบ ปี 2562 และ 2563 ได้เงินรวม 16 ล้านบาท

แต่ปรากฎว่า ต่อมา กกต.พบ ว่า เมื่อพรรคไทรักธรรม รับเงินอุดหนุนไป กลับมีพฤติกรรม ทยอยปิดสาขาพรรคการเมืองของตัวเอง และ ทยอยถอนเงินที่ได้ออกจากบัญชี ซึ่งตามกฎหมาย พรรคการเมืองจะต้องรายงานการเบิกจ่ายเงิน ส่วนนี้ทุก 3 เดือน  แต่พรรคไทรักธรรมไม่ทำรายงานชี้แจง

มีข้อมูลพฤติการณ์ จากข้อกล่าวหาของ กกต. ว่า หลังจากได้รับเงินสนับสนุน ในปีแรก 10 ล้านบาท มีการถอนเงินจำนวนนี้ออกจากบัญชีทั้งหมด และตามกฎหมายจะต้องรายงานการเบิกจ่ายเงินทุก 3 เดือน แต่ก็ไม่ทำรายงานชี้แจงจนครบปี

เมื่อ กกต. ทำหนังสือเรียกให้สำแดงรายการ และชี้แจงการใช้เงิน ปรากฎว่า ไม่มีการดำเนินการตอบกลับ

โดยข้อพิรุธ ที่กกต.พบ คือ สาขาพรรครวม กว่า 100 แห่ง ที่เปิด ทยอยปิดตัว ยกเลิกสาขาไป 79 แห่ง ทำให้เข้าข่ายมีเจตนาไม่บริสุทธิ์  กกต.จึงฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกเงินคืน และดำเนินคดีอาญา ตามกฎหมายประกอบว่าด้วยรัฐธรรมนูญ

ประเด็นนี้ นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทยรักธรรม เปิดใจกับทีมข่าวพีพีทีวี ว่า ปี 2562 ได้เงินมา 10 ล้านบาท เฉลี่ยแต่ละสาขา ได้เงินแค่  50,000 บาท ไม่เพียงพอกับค่าสถานที่จัดประชุม งานธุรการ และบุคลากร พร้อมยอมรับว่า พรรคบริหารการใช้จ่ายเงินก้อนนี้ผิดพลาด และไม่ได้มีการรายงานให้กับ กกต. ทราบยืนยันว่า พร้อมชดใช้เงินคืนทั้งหมด

เมื่อถามย้ำว่า ตามกฎหมายแม้จะชดใช้เงินคืน คดีทางแพ่งสิ้นสุดลงได้ แต่ความผิดทางอาญาก็ถือว่าสำเร็จแล้วหรือไม่ นายพีระวิทย์ มีสีหน้าที่กังวลเล็กน้อย พร้อมบอกว่าจะให้ฝ่ายทนายเป็นผู้ดำเนินการ ยืนยันว่าส่วนตัวไม่มีเจตนาที่จะให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้

สำหรับประเด็นนี้ ตามกฎหมายพรรคการเมืองปี 2560 ระบุชัดเจนว่า หากพรรคการเมืองใดไม่รายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุน มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท 

หรือหาก จัดทำรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนเป็นเท็จ มีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และ หาก หัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรค ยินยอมให้นำเงินหรือทรัพย์สินพรรคการเมือง ไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือบุคคลอื่น โทษจำคุก 5-10 ปี ปรับ 1 แสน ถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทรักธรรม ก็จะทำให้ นายพีระวิทย์ พ้นจาก ส.ส. และถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ถูกยุบพรรค
 

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP การเมือง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ