เทวรูป "นรสิงห์" ที่ตั้งอยู่บนระเบียง ของตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นที่ทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีรายงานว่าพิธีบวงสรวงเทวรูปนี้ มีสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือ เจ้าคุณธงชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม ถือฤกษ์ยามช่วง โพล้เพล้ ของวันพฤหัสบดี มาทำพิธีให้
ทีมข่าวพีพีทีวี สอบถามกับ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อหาที่มาของเทวรูปนี้ ได้รับคำตอบ เพียงว่า รูปปั้นเทวรูปนรสิงห์ ตั้งอยู่มาระยะหนึ่งแล้ว
" ไฟเซอร์ " เด็กกับผู้ใหญ่ ใช้คนละชนิดกันให้สังเกตที่ฝา
“บิ๊กตู่” สั่งศึกษา เพิ่มความสูงรั้วทำเนียบฯ 4 เมตร ป้องกันผู้ชุมนุมปีนเข้า
ซึ่งเมื่อทีมข่าวไปค้นภาพดูก็พบว่า ช่วงการถ่ายภาพหมู่ครม. ประยุทธ 2/3 30 มีนาคม 2564 มีการบินโดรนถ่ายภาพ ซึ่งก็พบว่า ที่ระเบียบหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ก็มีเทวรูปนรสิงห์" ตั้งอยู่ก่อนแล้ว
ทีมข่าวสอบถามไปยังนายธีรเสฏฐ์ กุหลาบสวัสดิ์ เซียนพระเครื่อง เขาให้ความเห็นว่าคนไทยอาจจะไม่ค่อยเห็นคนบูชานรสิงห์กันสักเท่าไหร่
โดยนรสิงห์นั้น ตามตำนานคือเป็นร่างอวตารปางที่ 4 ของพระนารายณ์ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่คน และไม่ใช่เทวดา เพราะรูปร่างท่อนบนเป็นสิงห์โต ท่อนล่างเป็นมนุษย์ มีอาวุธสังหารเป็นกรงเล็บ เชื่อว่ามีพุทธคุษในการปราบมาร ขจัดปัดเป่าภัยพาลทั้งปวงได้หมด
ดังนั้นธีรเสฏฐ์ เซียนพระเครื่องจึงเชื่อว่า การที่นายกฯ นำนรสิงห์ไปตั้งไว้บนตึกไทยคู่ฟ้า คงเพื่อต้องการแก้เคล็ดเรื่องปัญหาโควิด 19 ที่ผ่านมาถึง 2 ปีแล้ว ก็ไม่สามารถกำราบได้เสียที
นอกจากนรสิงห์แล้ว เมื่อช่วงวันเด็กที่ผ่านมา ก็มีคนตาดีสังเกตเห็นว่า ห้องทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ เต็มไปด้วยเครื่องรางของขลัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย
หิ้งพระพุทธรูป มีทั้งพระพุทธชินราช และพระอื่นๆจากทั่วประเทศ เซียนพระเชื่อว่าเน้นเรื่องขอให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข
หิ้งของกษัตริย์นักรบ ทั้งในหลวงรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไปจนถึงเทพเจ้ากวนอู ส่วนนี้เซียนพระบอกว่า เป็นโซนปกติทั่วไปข้าราชการมักจะบูชากันอยู่แล้ว เชื่อว่าช่วยเรื่องการปกครองราบรื่น สร้างความฮึกเหิม
ต่อมาเป็นเสาหลักเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ขอพรอะไรก็สำเร็จ
นอกจากนี้ยังมีพญาครุฑ และรูปปั้นพระนารายณ์ทรงครุฑ ตามความเชื่อแล้ว พญาครุฑช่วงล้างอาถรรพ์ ขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป ส่วนรูปปั้นสัตว์ อย่างเสือและม้า เซียนพระเชื่อว่า น่าจะนำมาตั้งตามความเชื่อศาสตร์จีน ที่ปีนี้เป็นปีนักษัตรเสือ ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์จึงนำรูปปั้นเสือและม้า และคาดว่าในห้องน่าจะมีรูปปั้นหมาด้วย เพราะ จะ เรียกว่าเป็น "ซาฮะ" คือการประกาศตัวว่าเป็นพวกเดียวกับเสือนะ เพื่อเสริมดวงในปีนักษัตรนี้
ด้าน นายชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง หรือ ซินแสเข่ง ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย ดูดวงชะตาของ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า เป็นปีแห่งทุกข์ลาภ โดยพล.อ.ประยุทธ์ เกิดปี 2497 ตรงกับปีมะเมีย เมื่อเจอปีขาล ธาตุน้ำ จะเกื้อกูลเรื่องความมั่นคงในหน้าที่การงาน แต่รอบอายุของ พล.อ.ประยุทธ์ ถือว่า “เข้าเคราะห์” จะทำให้มีเรื่องหงุดหงิด ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ต้องระวังเรื่องความขัดแย้ง และเรื่องอุบัติเหตุให้มาก
เมื่อถามถึงดวงเมือง ดวงประเทศปีนี้ ซินแสเข่ง บอกว่าปีนี้ เป็นปีครบรอบ 240 ปี ของดวงเมือง เป็นปีขาล ธาตุน้ำที่เวียนมาบรรจบกัน เปรียบเหมือนเสือ 2 ตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน จะเกิดแรงปะทะกัน ประชาชนจะเกิดความขัดแย้งทางความคิดเห็นอย่างหนัก ธุรกิจมีปัญหา การบริหารงานราชการไม่ราบรื่น และหากควบคุมหรือแก้ปัญหาไม่ดี ช่วงเดือนพฤษภาคมและเดือนสิงหาคมมีแนวโน้มที่อาจจะเกิดการปฏิวัติได้
ส่วนสิ่งที่จะช่วยลดความรุนแรงของปัญหาได้ ซินแสเข่ง บอกว่าต้องขอให้ทุกคนมีสติ ลดแรงปะทะระหว่างกัน และช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ เพราะตลอดปี 65 ตั้งแต่ไตรมาสแรกของเดือนก็จะเริ่มเห็นปัญหาทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สถานการณ์ทางการเมือง และในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 จะเป็นจังหวะมรสุม เจอปัญหาภัยพิบัติทางน้ำ ปัญหาดินถล่ม และวาตภัย โดยสถาการณ์ทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้นในช่วงปี 66 จึงอยากให้ทุกคนใช้สติในการดำเนินชีวิต