(ข่าวที่น่าสนใจ)
เบรกงาน “เปี่ยม BNK48” เพื่อกักตัวเฝ้าระวัง “โควิด-19” หลังกลับจากเกาหลีใต้
“ติ๊ก เจษฎาภรณ์” ขอโทษแฟนคลับ BNK48 แจงสาเหตุใช้เธียเตอร์
จากกรณีรายการเฟ้นหาไอดอลชาย ได้เข้าไปใช้พื้นที่เธียเตอร์ของวง BNK48 ซึ่งเป็นเธียเตอร์ที่มีการระดมทุนเพื่อก่อตั้งขึ้นมา จากเหล่าสมาชิก Founder Member ผ่านการซื้อบัตร Founder Member ซึ่งเมื่อภาพจากรายการดังกล่าวหลุดออกมา สร้างความไม่พอใจให้เหล่าแฟนคลับ จนเกิดกระแสดราม่าอย่างหนักในโซเชียล วันนี้ ( 26 ก.พ.63) สองผู้บริหารอย่าง ต้อม - จิรัฐ บวรวัฒนะ กรรมการผู้จัดการบริหารบริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จํากัด และเป็นผู้บริหารสูงสุดของBNK48 และ CGM 48ครับ และ จ๊อบซัง - ณัฐพล บวรวัฒนะ ผู้จัดการวง BNK48 ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว พร้อมประกาศยุติบทบาทการเป็นผู้บริหาร เหลือเพียงการเป็นหุ้นส่วนเท่านั้น
จิรัฐ : ผม จิรัฐ บวรวัฒนะ กรรมการผู้จัดการบริหารบริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จํากัด และเป็นผู้บริหารสูงสุดของBNK48 และ CGM 48ครับ
จ๊อบซัง : ผม ณัฐพล บวรวัฒนะ ผู้จัดการวง BNK 48 ครับ
จิรัฐ : ต่อกรณีของการใช้เธียเตอร์ของน้อง ๆ BNK 48 ใจการเป็นสถานที่จัดทำเวิร์กชอปให้กับรายการ The Brothers หนึ่งครั้งที่ผ่านมานั้นนะครับ ตัวผมในฐานะผู้บริหารสูงสุดของแสดงความเสียใจนะครับต่อการตัดสินใจดังกล่าวนะครับ แล้วก็พวกเราเริ่มต้นBNK48 มาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว จากความเชื่อมั่นในวัฒนธรรมของ48 นะครับ และความมั่นใจว่า วัฒนธรรมดังกล่าวจะสร้างความสุขนะครับ ความสนุกในการใช้ชีวิตของพวกเรานะครับในการติดตามเรื่องราวของน้องๆนะครับ แต่เมื่อวันหนึ่งในการตัดสินใจของพวกเรานะครับ ก่อให้เกิดความผิดพลาด และเกิดให้ความเสียใจให้กับแฟนๆนะครับ ความสนุกดังกล่าวน้อยลงไปหรือหายไป ตัวผมเองในฐานะที่มีความรับผิดชอบสูงสุดตรงนี้เราขอแสดงความเสียใจนะครับ ขอโทษครับต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ผมนายจิรัฐ บวรวัฒนะนะครับ ขอแสดงความขอโทษ กับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยครับ” (ไหว้)
จ๊อบซัง : ผม ณัฐพล บวรวัฒนะ ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยครับผม” (ไหว้)
จิรัฐ : และนอกเหนือจากการขอโทษครั้งนี้นะครับ ผมอยากจะแสดงความรับผิดชอบเพิ่มเติมนะครับด้วยการขอถอนตัวออกจากการบริหาร 48 กรุ๊ป ประเทศไทย”
จ๊อบซัง : ผมขอถอนตัวออกจากการเป็นผู้จัดการเป็นผู้จัดการ BNK48 ครับ”
จิรัฐ : และในการที่พวกเราถอนตัวในครั้งนี้ เราได้มีการพูดคุยกับทางคณะผู้ถือหุ้นนะครับก็คือทาง แพลนบี มีเดีย และก็ทาง เอเคเอส จากประเทศญี่ปุ่นถึงแนวทางในการบริหารงานต่อไป ด้วยการที่ขอให้เขาส่งตัวแทนเขามาเป็นคณะกรรมการสรรหาผู้บริหาร หรือคณะผู้บริหารต่อไป โดยคณะผู้บริหารในอนาคตข้างหน้าที่จะเกิดจากการสรรหานั้นจะเป็นการบริหารงานในลักษณะของคณะกรรมการ หรือคอมมิตตีเพื่อที่จะมีความเข้าใจแล้วก็มีความระแวดระวัง ไม่ใช่เกิดจากการตัดสินใจโดนบุคคล จะเป็นการบริหารงานร่วมของคณะกรรมการนะครับ ซึ่งคณะกรรมการนั้นก็จะได้มีการเริ่มต้นทำการสรรหาตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไปและคาดว่าจะสามารถประกาศ คอมมิตตีหรือคณะทำงานต่อไปได้ในช่วงประมาณเดือนเมษายน ส่วนตัวผมเอง ผมขอยุติบทบาทในการบริหารงาน 48 กรุ๊ปไทยแลนด์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ”
จ๊อบซัง : รวมทั้งตัวผมเองด้วยนะครับ ผมต้องขอขอบคุณแฟนๆ พาร์ทเนอร์ทุกท่านที่ร่วมเดินทางมากับเราตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ทั้งเป็นทั้งเพื่อนที่ค่อยให้คำแนะนำผมก็หวังว่าจากนี้ต่อไป ก็ยังรักและดูแลน้อง ๆ กันต่อไปด้วยกัน ขอบคุณมากครับ”
จิรัฐ : สำหรับวันนี้ในเรื่องของการแถลงก็คงมีแต่เพียงเท่านี้นะครับ สำหรับท่านสื่อมวลชนที่ต้องการที่จะถามเพิ่มเติมก็เชิญได้เลยครับ”
บทบาทต่อไปนี้จะไปดูแลในส่วนไหนหรือว่าไม่เกี่ยวข้องเลย
จิรัฐ : ผมคงอยู่ในฐานะของผู้ถือหุ้นครับ ที่ผ่านมาผมก็อยู่ในฐานะของทั้งผู้ถือหุ้น แล้วก็เป็นทั้งผู้บริหารสูงสุด ผู้ตัดสินใจสูงสุดของ 48 กรุ๊ปไทยแลนด์วันนี้สิ่งที่ผมถอนตัวออกมาคือ ผมจะไม่ตัดสินใจเรื่องของ 48 กรุ๊ปไทยแลนด์ต่อไปครับ
จ๊อบซัง : ของผมก็เหมือนกันครับ จะเป็นผู้แลในส่วนของโอเปอเรชั่น แต่ดูในภาพรวมไม่ได้ดูแลในส่วนของ BNK48”
นอกเหนือจากเธียเตอร์ยังมีปัญหาอื่นอีกไหม
จิรัฐ : ผมคิดว่าที่ผ่านมานะครับ เราก็ทำงานหลายอย่าง ก็มีทั้งเรื่องที่ดีแล้วก็มีเรื่องที่ไม่ดี ก็คงเป็นอุณหภูมิที่เรารับฟังคนที่พอใจและไม่พอใจมาโดยตลอดนะครับ แล้วก็คิดว่าครั้งนี้ก็คงเป็นครั้งหนึ่งที่ว่าเสียใจ แล้วก็เสียใจมากด้วยนะครับ ต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นเพราะฉนั้นก็คิดว่าคงเป็นเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่กับตัวเราเองที่เราคิดว่าเราทำพลาดไปอย่างนี้ได้ยังไร แล้วก็อยากจะแสดงความรับผิดชอบต่อมาครับ”
คิดว่าจะทำให้ความเชื่อมั่นแฟนๆกลับมาได้อีกไหม
จิรัฐ : ผมคงไม่ได้ถอยหรือถอนออกมาเพราะว่า ต้องการให้วงนี้หรือแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ผมอยากจะให้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงจะที่สร้างระบบในการบริหารงานที่ถูกต้องต่อไปในการก่อให้เกิดการยั่งยืนในการจัดการ อย่างที่ทุกๆท่านเคยทราบว่าการเริ่มต้นนั้นก็ยาก เราใช้หลากหลายรุปแบบในการทำมันขึ้นมา แต่หลังจากนี้มันต้องเปลี่ยนรุปแบบการทำงาน เราก็เลยถือว่ามันถึงเวลาแล้วที่ต้องถอยออกมา และเปลี่ยนรูปแบบในการทำงานในลักษณะคอมมิตตีเพื่อที่จะยึดมั่นต่อวัฒนธรรมที่เราเชื่อมั่นต่อไป
กระทบต่อตัวเมมเบอร์ไหม
จิรัฐ : ได้มีการพูดคุยและชี้แจงให้เมมเบอร์ทราบแล้วในสิ่งที่เราแถลงวันนี้น่าจะเป็นการแสดงความรับผิดชอบ และน่าจะเป็นรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในการสรรค์หาเอาคณะทำงานที่มีประสิทธิภาพและยึดมั่นในอุดมการณ์48 มาบริหารได้ดี ฉะนั้นทุกคนน่าจะดีใจต่อรูปแบบการทำงานใหม่ที่จะมีการรับฟังความคิดเห็นคนรอบด้านมากขึ้น
น้องๆว่ายังไงบ้าง
จิรัฐ : ผมมีการชี้แจงแต่ยังไม่มีการพูดคุยครับ
ตัดสินใจลำบากแค่ไหน ก่อนหน้านี้ BNK48 โดนหลายๆกระแส ครั้งนี้เลือกที่จะถอนตัวเลย
จิรัฐ : ผมคิดมาตลอดว่าถึงวันนึงเราก็ต้องถอย ผมเคยพูดอยู่เสมอว่าธุรกิจนี้ไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่แบกรับความรู้สึก ความรัก ความผูกพันต่อน้องๆมหาศาล แล้ว ณ จุดๆนี้ถึงเวลาของมันกับการถอยตัวออกมา แต่การถอยตัวไม่ใช่เป็นการทิ้งปัญหา ถอยตัวมาแล้วก็นำเสนอให้ผู้ถือหุ้นได้แต่งตั้งกลุ่มคณะทำงาน ไม่ใช่แต่งตั้งคนเข้ามาหนึ่งคนมาแทนเรา แต่เป็นการแต่งตั้งเป็นรูปแบบของคอมมิตตีที่จะมาจากหลากหลายภาคส่วน หลากหลายความสามารถเพื่อมาช่วยกันบริหารให้องค์กรนี้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป”
จะส่งผลกระทบต่อรูปแบบไหม
จิรัฐ : สิ่งที่จะเกิดขึ้นคงเป็นการยึดมั่นต่ออุดมการณ์ของ48 คงเป็นการยึดถือ ยึดแนวทางสิ่งที่ดีที่เขาได้ทำมาโดยตลอดระยะเวลา 15 ปี จนก่อให้เกิดวัฒนธรรม48 ตรงนี้คือสิ่งที่ผมฝากเอาไว้ว่าผมพลาดจากตรงนี้ สิ่งที่ผมอยากจะให้คณะกรรมการต่อไปมองให้ลึกลงไป กว้างมากขึ้นก็คงเป็นเรื่องนี้ครับ”
ด้วยความที่เราผูกพันกับน้องๆมาก ความรู้สึกเป็นอย่างไร
จิรัฐ : ผมเสียใจ ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกว่าเราผูกพัน เราส้รางสิ่งนี้ขึ้นมา แต่เราสร้างขึ้นมาไม่ใช่มาเป็นของเรา เราไมได้สร้างวัฒนธรรม48 หรือ BNK48 เพื่อเป็นของนายจิรัฐ เราสร้างมาเพื่อมอบความสุขให้กับแฟนๆ เพื่อมาเป็นกำลังใจให้กับสังคม แต่วันนึงสิ่งที่เราคิดอยากจะเป็นอย่างนั้นก่อให้เกิดความรู้สึกเสียใจ ก่อให้เกิดความไม่สบายใจ มันขัดแย้งต่อจิตวิญญาณของการเริ่มต้น เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นแบบนั้น เราก็พร้อมที่จะถอยมาครับ
“จ๊อบซัง” ด้วยความประคองน้องมาตลอดรู้สึกอย่างไร
จ๊อบซัง : แน่นอนครับ ผมรู้สึกเสียใจ แต่สิ่งที่เราตัดสินใจผมเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำรับองค์กรนี้ และสามารถเดินต่อไปได้อย่างยั่งยืน เราเชื่ออย่างนั้นครับ
ในการสร้างเธียเตอร์มีการระดมทุนด้วย
จิรัฐ : การมีส่วนร่วมมาจากทุกภาคส่วน แฟนคลับก็เป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาสนับสนุนให้เกิดขึ้นในรูปแบบ founder member และการขายบัตรล่วงหน้าต้องบอกว่าทุกภาคส่วนช่วยกันขึ้นมา แม้กระทั่งคนเล็กๆที่ช่วยกันทำคลิปโดยที่ไม่ได้หวังอะไร แค่หวังอยากจะให้คนเห็นน้อง มีคนได้ดูความน่ารักของน้อง เพราะฉะนั้นเราเห็นถึงความตั้งใจและความหวังดีของทุกๆภาคส่วน ต้องเรียนว่า BNK48 ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพราะตัวผมคนเดียว ไม่ได้เกิดจากผู้ถือหุ้นเท่านั้น แต่เกิดจากคนทุกๆคน ที่รักในน้องๆ รักในวัฒนธรรมและเชื่อมั่นในสิ่งนี้ ผมขอขอบคุณอีกครั้งหนึ่งสำหรับทุกๆภาคส่วนที่ได้เริ่มกันขึ้นมา เรามองเห็นคนทุกๆคน แฟนอาร์ตที่เริ่มเขียนวาดรูปการ์ตูนรูปของน้องๆ คนที่ตัดคลิปมีมตลกๆของน้องๆ คนที่แต่งเพลงแฟนซองให้น้องๆ คนที่ซื้อบัตรล่วงหน้า คนที่สนับสนุนซื้อสินค้าของน้องๆ คนที่เข้ามาให้สปอนเซอร์ซิพ คนที่เข้ามาจ้างน้องหรือให้พื่นที่กับน้อง ทุกภาคส่วนมีความสำคัญและทำให้เกิดวัฒนธรรมนี้
ถึงจะเปลี่ยนผู้บริหารยังจะใช้ BNK48 ใช่ไหม
จิรัฐ : แน่นอนครับ
มีผลเมื่อไหร่สำหรับการถอยออกมา
จิรัฐ : มีผลวันนี้ครับ
ทั้งสองท่านได้เข้าไปดูความเห็นของแฟนคลับไหม
จิรัฐ : ได้เข้าไปดูตลอดครับ
อยากกล่าวอะไรเพิ่มเติมไหม
จิรัฐ : อีกครั้งนึงนะครับ ขอบคุณทุกกำลังแรงใจ แรงกาย แรงสนับสนุน แรงเงิน ที่ท่านทุกคนช่วยให้ BNK48 เกิดขึ้นในประเทศไทย ขอบคุณทุกๆคนที่หวังดีต่อน้องๆ BNK48 ทุกคนที่รักในน้องๆ ขอบคุณทุกๆคนที่รักในวัฒนธรรม48 และขอให้หลังจากนี้ทุกๆท่านได้ช่วยกันให้กำลังใจและสนับสนุนน้องๆต่อไป ผมยอมรับว่าเสียใจต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งผมก็เสียใจที่ทำให้น้องๆเสียใจ สิ่งที่ผมทำได้ก็ต้องรับผิดชอบ และสร้างมาตรฐานของการทำงาน เมื่อเราคิดว่าเราผิด เราก็ต้องถอยให้ได้ เราจะต้องไม่ยึดติดกับสิ่งที่เราทำอยู่ แต่ว่าในขณะเดียวกันจะต้องไม่ใช่การทิ้งปัญหา แต่ว่าต้องเป็นการวางรากฐานที่ดีต่อไปในอนาคต ยังไงก็ขอฝาก BNK48 และ CGM48 , 48 กรุ๊ป ไทยแลนด์ ต่อไปด้วยครับ
จ๊อบซัง : ผมขอขอบคุณแฟนๆที่สนับสนุนเรามาตั้งแต่วันแรกนะครับ และรวมถึงสื่อมวลชนที่คอยเขียนข่าว คอยเป็นกำลังใจ คอยให้คำแนะนำในหลายๆส่วนมาตลอด และขอขอบคุณพาร์ทเนอร์ ผู้ใหญ่ที่ทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือสปอนเซอร์ต่างๆ ผมรู้สึกดีใจในวันที่ผมได้มาทำงานในที่นี้ รู้สึกได้เรียนรู้ รู้สึกได้เติบโตตลอดเวลา และดีใจที่รู้จักพวกเขาเหล่านั้น รวมถึงน้องๆด้วย ขอบคุณทุกคนอีกครั้งหนึ่งครับ
