“กอล์ฟ เบญจพล” เตือนคนบูลลี่ อย่าลามปามพื้นที่ส่วนตัว ถ้าไม่หยุดเอาเรื่องแน่


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“กอล์ฟ – เบญจพล เชยอรุณ” เปิดใจอีกครั้ง ปมถูกบูลลี่หลังทำศัลยกรรม ประกาศอย่าเข้ามาลามปามพื้นที่ส่วนตัว บอกไม่หยุดจะแจ้งความ เผยรอคบ 6 เดือนค่อยมาดูกันใหม่

หลังจากสำหรับนักแสดงและพีธีกรอารมณ์ดี กอล์ฟ – เบญจพล เชยอรุณ ออกมาเปิดโฉมหน้าใหม่ หลังตัดสินใจขึ้นเขียงทำศัลยกรรมจมูก ตัดติ่งปาก และ เสริมคาง เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ยังคงมีกระแสวิจารณ์ออกมาอยู่เรื่อยๆ จนก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยออกมาโพสต์ระบายความในใจไปแล้ว และวันนี้ (20 ส.ค.63) หนุ่ม กอล์ฟ ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้งว่า

เผยหน้าใหม่ “กอล์ฟ เบญจพล” หลังขึ้นเขียงศัลยกรรม ในวัย 50

“กอล์ฟ เบญจพล” โพสต์แง่คิด พร้อมติดแฮชแท็กฟาด หลังถูกวิจารณ์หน้าใหม่

อัปเดตความเปลี่ยนแปลงหน่อย

“ความเปลี่ยนแปลงเหรอ ก็ลงเล็กลง แต่คงยังไม่เข้าที่ ต้องรอ 6 เดือนแหละ ต้องรอกันไปว่า 6 เดือนแล้วมันเข้าที่ได้ขนาดไหน ถ้าหากว่าเข้าที่ไม่สมใจอยาก ปีหน้าก็ว่ากันใหม่ซีรีส์ที่สอง (หัวเราะ)”

จะไปแก้อีกรอบเหรอ

“คือประเด็นหลักที่เราทำ เราตั้งใจแก้ให้เหมือนแม่ พี่ชาย พ่อ อยู่แล้ว แต่ถ้าทำแล้วยังไม่เหมือน ยังไม่ใกล้ ก็ต้องแก้เป็นเรื่องธรรมชาติ พอเรามาสึกษาหลังๆเนี่ย ส่วนมากคนที่ทำศัลยกรรมครั้งแรกแล้วจะดีเลยมันน้อยคนมาก ซึ่งเราก็รอดูล้วกัน แต่ว่าแค่หวังนะว่ามันจะดีขึ้นภายใน 6 เดือน ไม่ต้องทำใหม่”

เรารู้สึกว่าความเปลี่ยนแปลงน้อยเหรอ

“ถ้าถามเรา เราว่ามันเปลี่ยนเยอะแล้ว เพียงแค่ก้อนตรงนี้ (ปลายจมูก) มันเป็นเนื้อหมด มันแก้ไม่ได้ ถ้าจะแก้ต้องเฉือนเอาไขมันกับพังพืดออก สำหรับเรารู้สึกว่าเป็นสเต็ปที่ต้องทำใจสูงพอสมควร เพราะแค่นี้ก็จะแย่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็รอดูว่า 6 เดือนมันไปเยอะได้แค่ไหน ถ้ามันรัดแกนแล้วสวยแล้วเราก็โอเค จะไม่ทำเพิ่ม เพราว่ากลัวเจ็บตัวอยู่แล้ว แต่ถ้าหากรัดแกนแล้วไม่สวย ก็ต้องยอมเฉือนไขมันและเอาพังพืดออก มันจะได้เล็กๆลงแค่นั้นเอง”

มันไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวังใช่ไหม

“ต้อบอกว่าไม่ได้เริ่มจากคาดหวังอะไรไว้ เพราะว่าเราไม่เคยทำ เราไม่รู้ว่าอะไรต้องประมาณไหน เพียงแต่ว่าหลังจากทำมาแล้ว เราไปเจอพี่ๆน้องๆที่ทำมา เขาก็บอกว่าพี่กอล์ฟทำถูกต้องแล้ว มันต้องค่อยๆทำ ไม่ใช่ทำไปเลย เหลือเอาไว้ดีกว่าจะได้แก้ได้ เพราะถ้าทำไปเลยมันอาจจะไม่เข้ากับหน้าก็ได้ เดี๋ยวดูว่า 6 เดือนมันลีนได้แค่ไหน ถ้าลีนไม่สมใจอยากก็แก้เพิ่มเติมอย่างที่บอก เอาไขมันกับพังพืดออกมันก็น่าจะจบ”

ถามคุณหมอหรือยัง

“หมอบกว่า 6 เดือนคุยกันใหม่ ซึ่งเราก็เข้าใจได้ เราต้องขอบคุณทุกคนที่เป้นห่วงและทักมาเยอะมาก ต้องบอกว่าการทำศัลยกรรมต้องใช้เวลา รอ 6 เดือนดีกว่าค่อยมาว่ากันว่ามันดีหรือไม่ดียังไง ไปเช็คมาล่าสุด หมอก็บอกว่าดีขึ้น ถ้านับตั้งแต่วันที่เราแถลงข่าวไปเมื่อเดือนก่อน มันก็เล็กลง บวมน้อยลง รัดแกนขึ้น เพียงแต่ว่ามันยังรัดได้อีก พังพืดกับซิลิโคนมันยังเกาะกันไม่สนิทเลย น้ำเหลืองข้างในอาจจะมีอยู่บ้าง มันเลยบวม ตาเลยตี่ คนก็มาทักว่าให้ทำตาต่อสิ น้องเอ้ย..แค่นี่พี่ก็จะขาดใจอยู่แล้ว ใจเย็นๆครับทุกคน เดี่ยวตามันคงจะโตขึ้นแหละ (หัวเราะ) แต่คือถ้ามันต้องแก้ มันก็ต้องแก้ มันไม่มีอะไรให้ซีเรียส เพียงแต่รอให้ละครปิดก่อน เดี๋ยวปีหน้าค่อยว่ากัน เอาเป็นว่ารอดูแหละ”

จริงๆเราพอใจไหม

“พี่โอเค เพียงแต่พี่ไม่รู้ว่า 6 เดือนแล้วมันเป็นยังไงต่างหาก ก็อยากรู้เหมือนกัน”

เสียเซลฟ์ไหม หลังมีกระแสด้านลบ

“อย่างที่เคยบอก เราไม่สามรถทำให้ทุกคนมารักเราได้ คนที่ไม่ชอบยังไงก็ไม่ชอบอยู่ดี เราเอาเวลาไปให้คนที่เขาชอบเรามีความสุขดีกว่า คือแฟนคลับเราเอง เพื่อน คนที่รักเรา ก็จะมีแต่สิ่งที่ดีๆเข้ามาให้เรา มีแต่กำลังใจให้ นอกจากพวกที่ไม่มีอะไรทำ พวกว่างมาก ชอบบูลลี่คน เราไปห้ามเขาไม่ได้ มันเหมือนป็นสิ่งที่เขาคุ้นชินไปแล้ว แต่อย่างทีพี่ฝากบอกไปว่าเราอยากอยู่กับสังคมบูลลี่แบบนี้จริงๆเหรอ เราอยากให้วันนึงการบูลลี่ในเมืองไทยเหมือนการข้ามทางม้าลาย จะข้ามก็ข้ามไม่ได้ รถไม่จอด เราคงผิดเองที่มาข้ามในเวลาที่ไม่ถูกต้อง มันไม่ใช่ไหม เพราะการข้ามทางม้าลายมันคือการทำถูกกฎหมายนะ พี่แค่ทักว่าเราอยากอยู่กับสังคมแบบนี้จริงๆเหรอ แค่ทักว่าเรามาช่วยกันรณรงค์ให้บูลลี่มันค่อยๆหายไป ถ้าหายไปเลยคงเป็นไปไม่ได้ ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดทุกคนได้ เพียงแต่พี่มาทักให้ฟังวันนี้ พี่ไมได้เป็นคนที่ถูกบูลลี่แล้วแบบไม่ไหวแล้ว ไม่ใช่ พี่มีภูมิคุ้มกันของพี่อยู่ เพียงแค่ปัจจุบันนี้ถ้าไปอ่านกูลเกิ้ลหรืออ่านอะไรเยอะๆ จะรู้เลยว่าการบูลลี่คนมันทำให้ก่อเกิดสิ่งต่างๆตามมาเป็นลูกโซ่ มันทำให้ก่อเกิดโรคซึมเศร้า ทำให้คนฆ่าตัวตาย คุณเป็นฆาตกรทางอ้อมนะ คุณชอบเหรอ เราแค่มาทักว่า เอ้ย เราน่าจะบอกคนรู้จักหรือตัวเราเอง ถ้าเราเคยบูลลี่ เราน่าจะลดหรือเลิกดีไหม ถามว่าต้องไปโกรธคนพวกนี้ไหม คือเราไม่รู้จักไง แล้วจะไปโกรธใครดี คือพี่มีแค่ 2 เคสหลักๆเลยที่ขอคือ อย่าเข้ามาในพื้นที่ของพี่ ในไอจี ในติ๊กต๊อก ในเฟซบุ๊ก อย่าเข้ามาในพื้นที่ของพี่ เพราะเพี่มีเอาไว้ให้แฟนคลับได้มาพูดคุยกัน สนุกสนานกัน พี่จะตอบคอมเมนต์นะ แฟนคลับจะรู้ ก็ตอบกันขำๆ บังเอิญจะมีพวกนี้เขามา ก็จะรู้สึกว่ามันเสียอารมณ์แค่นั้นเอง อย่าเข้ามาในพื้นที่ของผม แต่คุณจะไปเมนต์ในพื้นที่ของคุณ ผมไม่รู้หรอก มันเป็นความสุขคุณก็ทำไป อย่าดิสเครดิตสินค้าที่ผมขายแค่นั้นเอง หลังๆเริ่มมีลามปามไง อย่างบอกว่าผมขายสินค้าเกี่ยวกับการปลูกผม ก็ไปศัลยกรรมปลูกผมมาสิ เรารู้สึกว่าไม่ได้แล้ว มันลามปาม เอาแค่กำลังดีสิ เราไม่เคยไปปลูกผมอะไรมา เราถึงออกมาทักว่าหยุดบลูลี่ หยุดสนใจคนอื่นให้มันมากเกินไป สนใจตัวคุณก่อน ปัจจุบันคุณเป็นคนดีหรือยัง มีน้ำใจให้กับสังคมบ้างหรือยัง คือพี่เอาเวลาที่จะไปโกรธคนพวกนี้ เอาเวลาไปซื้ออาหารไปแจกสุนัขริมถนนมีความสุขกว่า สุนัขก็อิ่มท้อง เรารู้สึกว่าเอาเวลาไปทำอะไรที่มีประโยชน์มากขึ้น”

ถูกคุกคามถึงสินค้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ จะเอาเรื่องถึงขั้นแจ้งความไหม

“เราเตือนไปแล้วรอบนึงที่พิมพ์ไปนั่นคือเตือนนะ ไม่ใช่วอนขอ เพราะถ้าหากมาวุ่นวายกับสินค้าพี่อีก ก็บอกแล้วว่ามี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อยู่ ซึ่งจะบอกว่าถ้าลามปามเกินไป ก็คงต้องไปดำเนินคดีตรงนั้น ถ้าหากว่าพี่จะเอาเรื่อง บอกไว้เลยนะอยากจะเอาเรื่องให้เป็นเคสตัวอย่าง ฉะนั้นหากว่าใครแจ็คพอตโดนพี่เอาเรื่อง ไม่มีการยอมความนะ ต่อให้โดนแจ้งความแล้วมาบอกว่าพ่อป่วย แม่ไม่สบาย น้องกำลังเรียน แจ้งความหมดนะ เพราะฉะนั้นใครที่อยากจะบูลี่ผมแล้วไม่อยู่ในขอบเขตเนี่ย คุณเช็คในบัญชีก่อนว่า 2 แสนบาทจ่ายหรือเปล่า เพราะถ้าไม่มีแจ้งความจับติดคุกอย่างเดียวนะครับ เพราะผมรู้สึกว่ามันต้องมีเคสตัวอย่างเกิดขึ้นในบ้านเราได้แล้ว ซึ่งตอนนี้ยังอะลุ่มอล่วย บอกไว้เลยนะว่าทุกคนที่เข้ามาบูลลี่เนี่ย ประกาศไว้เลยนะว่าแคปไว้หมดแล้ว ที่เห็นว่าเงียบๆไม่ใช่ไม่ทำอะไรนะ แคปเก็บไว้หมดแล้ว เพียงแต่ว่าวันไหนจะแจ็คพอตเท่านั้นเอง”

มันบั่นทอนเราจนเสียเซลฟ์ไหม

“ไม่เสียเซลฟ์ ที่บอกแล้วว่าพี่ไม่ได้สนใจ คือไม่สนใจจริง เพียงแค่วันนี้มาพูด เพราะเราเพียงแต่เป็นกระบอกเสียงได้ เลยอยากรณรงค์ว่าต้องการบูลลี่ในสังคมบ้านเราลดลง แล้วหายไปซะได้แล้ว มันไม่เหมาะกับบ้านเราหรอก สังคมอยู่ด้วยกันแบบมีน้ำใจ เอ็นดูกัน ช่วยเหลือกัน ในวันนึงอยู่ๆการบูลลี่ในเมืองไทยมันเกิดเยอะขึ้น เพราเราเล่นโซเชียลมากไปเหรอ เราเล่นแบบมีขอบเขตดีกว่า อย่างการที่พี่ทำศัลยกรรมก็แค่อยากให้มันดีขึ้น ไม่ได้อยากศัลยกรรมเพราะอยากหล่อ ย้ำไปแล้ว ศัลยกรรมเพราะบนใบหน้ามีสิ่งที่มีปัญหาแค่นั้นเอง เราก็อยากให้มันเข้าที่เข้าทางขึ้น”

ถ้าทำเพิ่มกลัวคนจะมองว่าเสพติดศัลยกรรมไหม

“เสพติดพี่เคยบอกตั้งแต่วันแรกแล้ว พี่บอกพี่กลัวนะ เพียงแต่ว่าแค่คุมตัวเองว่าต้องการอะไรในจุดเริ่มต้น ต้องการแก้จมูกต่างหาก เพื่อให้จมูกเล็กเหมือนคนที่บ้าน เราก็พยายามเตือนตัวเองว่าแค่นี้นะที่ตัวเองต้องการ แต่ก็ยอมรับว่ามันก็มีแวบนึง เพราะเราไม่เคยทำ แล้วเราก็ไม่เคยไปคอนเซาท์เพื่อนฝูงหรือคุณหมอว่ามันต้อง 6 เดือน ถึงจะเห็นภาพชัดเจน แน่นอนเราก็จะมีพิมพ์เล่นว่าจะบวมอีกนานไหม จะเล็กลงไหม ก็พิมพ์เล่นของเรา เพราะเราไม่รู้ว่าอีก 6 เดือนมันคืออะไร แต่ส่วนอื่นๆก็ไม่อยากทำแล้วนะ เพราะหลักๆอย่างที่บอกเลยที่มีปัญหาบนใบหน้าเราคือปาก ที่มันเป็นติ่งมันก็หายไปแล้ว จมูกที่บอกไปมันก็ต้องรอ ซึ่งเราก็ใช้ชีวิตปกติมาก ถึงบอกว่าทำไมคนมีคนบอกว่าทำไมออกมาแถลงข่าวตั้งแต่หน้าบวมๆ ก็คืออยากใช้ชีวิตปกติไงครับ อยากจะไปไหนมาไหนที่หน้าเป็นแบบนี้แค่นั้นเอง”  

 

 

 

 

 

 

 

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ