จากกรณีที่นักแสดงชื่อดัง รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น โดนคู่กรณีอย่าง ไฮโซแชมป์ จิรัฏฐ์ ที่ไปเที่ยวผับดังย่านพัทยาแห่งหนึ่ง ทำร้ายร่างกายด้วยการปาแก้วใส่หน้า จนเจ้าตัวเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีความ และต่อมาอีกฝ่ายได้ออกมาขอโทษ พร้อมโอนเงินค่ารักษาพยาบาลมาให้แล้วนั้น ล่าสุด รัศมีแข พร้อมเพื่อนสนิท ต้นหอม - ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ และทนายความ เปิดใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“รัศมีแข” แจ้งความดำเนินคดี “ไฮโซดัง” ทำร้ายร่างกาย เตรียมแถลง 9 ก.ย. นี้
“ไฮโซแชมป์” ยอมรับผิดขอโทษ “รัศมีแข” อ้างวู่วาม-เข้าใจผิด
โดย รัศมีแข เผยว่า “เหตุการณ์วันนั้น แขไปเที่ยวต่างจังหวัดที่พัทยา ไปกับเพื่อน กลางคืนก็ออกไปเที่ยว จนไปเจอน้องคนนึงที่รู้จักกัน เคยทำงานด้วยกัน ก็เข้าไปทักทายและพูดคุย พูดคุยไปสักพักก็มีของแข็งกระแทกที่หน้า แล้วเลือดกำเดาก็ไหลออกมา ตอนแรกคิดว่ามันเป็นขวด เพราะมันแข็งมาก แต่พอดูจากกล้องวงจกปิดมันเป็นแก้ว ซึ่งกลัวมากกว่าเป็นขวด เพราะถ้ามันแตกใส่หน้าแล้วตาบอด แขกลัวมากกว่าขวดด้วยซ้ำ ตอนนั้นแขตกใจและไม่รู้เรื่องอะไรเลย มีเลือดอุ่นๆ ไหลออกจากจมูก พอเช็ดเลือด เราก็หาว่าใครเป็นคนทำเรา ก็พยายามเดินเข้าไปหาคนที่เขาเอาแก้วมาเขวี่ยงแข และแขจะเอามือถือไปถ่ายให้ได้ เพราะถูกกระทำ แต่ถูกห้ามไม่ให้เอากล้องมาถ่าย แต่แขก็พยายามจะเข้าไปหาตัวเขา แต่การ์ดมาห้ามไว้”
หลังจากจบเหตุการณ์เขาได้มาเคลียร์ไหม
“หลังเกิดเหตุการณ์แขก็ออกมาหน้าร้านเพื่อขอเคลียร์ เพราะรู้จักน้องดาราที่เป็นผู้หญิง เลยพยายามตามหาคนที่ทำเขา แล้วพยายามเคลียร์ แต่ก่อนจะเคลียร์ ทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองเดินออกมาจากสถานที่ตรงนั้น สักพักเขาก็ออกมา คุยกันข้างร้าน เขาก็ขอโทษแข เราก็กอดน้องผู้หญิง แขก็ไปโรงพยาบาล ทั้งสองคนที่ออกมาเคลียร์ ฝั่งผู้ชายบอกว่าขอโทษ น้องผู้หญิงก็บอกว่าฝ่ายชายเป็นคนขี้หึง ถามว่าตอนนั้นทั้งคู่มีอาการมึนเมาไหม แขไม่ทราบ แขตกใจ ไม่ได้โฟกัสอะไร โฟกัสแค่ตัวเอง ห่วงความปลอดภัยตัวเอง”
โรงพยาบาลบอกว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง
“ตอนแรกแขจะไม่ไปโรงพยาบาล แต่น้องที่ไปด้วยบอกให้ตรวจเผื่อจมูกหัก ตรวจแล้วจมูกไม่หัก แล้วทางร้านก็ส่งเลขามาให้ไปชำระค่าใช้จ่ายให้ก่อน”
อะไรที่ “แข” ทำกับน้องผู้หญิงงจนทำให้เขารู้สึก
“โผเข้าไปกอดทักทาย แขสาวแตกเป็นตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ แขไม่รู้ว่าเขารู้จักแขหรือเปล่า แต่แขไม่รู้จักเขา”
เขาบอกว่าพยายามติดต่อ แต่ติดต่อไม่ได้แล้ว
“น้องผู้หญิงติดต่อมาและได้คุยกับน้องผู้หญิง ถามไถ่ปกติ”
ต้นหอม (กล่าวเสริม : “น้องผู้หญิงพยายามให้แขคุยกับคู่กรณี แต่แขปฏิเสธที่จะคุยกับคู่กรณี เข้าใจได้ เพราะมันเต็มไปด้วยความรู้สึกกลัว”
ตอนแรกบอกว่าเอาขวดตี จริงๆไม่ใช่
“เพราะความคิดของแข แก้วมันต้องแตก แต่รู้ว่าเป็นของแข็ง ก็คอว่าเป็นขวด แต่พอมารู้ว่าเป็นแก้ว กลัวมากว่าขวด ถ้าแก้วแตกแล้วโดนตา แขมองไม่เห็น มันน่ากลัวกว่าขวด เขาไม่ได้อยู่ในระยะที่แขจะเห็น เพราะมันเร็วมาก ไม่รู้ตัวเลย ไม่มีการแสดงทีท่าไม่พอใจเราเลย ตอนนั้นแขอยู่กับเพื่อน 2 คน ไม่รู้จะทำยังไง แขกลัวมาก ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แขไม่มีความรู้เรื่องการแจ้งความ พอเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง เพื่อบอกเป็นสิทธิ์ของแขที่จะได้ เพราะถูกทำร้าย เลยไปขอภาพจากกลองวงจรปิด พอไปขอที่ร้าน ทางร้านให้ไปแจ้งความก่อน”
ในส่วนของ “แข” อยากให้เรื่องนี้เป็นยังไง
“แขมีครอบครัว คุยกับสามี และพี่สาว และเรื่องที่เซนซิทีฟคือมีหลานๆ เขามองดูอยู่ว่าแขจะจัดการเรื่องนี้ยังไง คนเรามีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตในที่สาธารณะอย่างปลอดภัย และไม่ควรถูกกระทำอย่างที่แขโดนทำ บ้านเมืองของเรามีกฎหมายที่จะคุ้มครองเราได้อยู่ พอเรื่องเป็นข่าว มันมีคนดูอยู่ ไม่ใช่เรื่องของแขคนเดียว ประชาชนให่กำลังใจ เขารับรู้เรื่องพวกนี้ แขเลยอยากทำตรงนี้ให้มันถูกต้อง เพราะสังคมไทย เรื่องของการทำร้ายร่างกายมันมีเยอะมาก แขอยากให้แขเป็นเคสตัวอย่างและเป็นเคสสุดท้าย แขไม่อยากให้เขาไปทำแบบนี้กับใครอีก”
ต้นหอม (กล่าวเสริม) : แขต้องการให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนสังคม สร้างมาตรฐานให้สังคมใหม่ว่าเราจะไม่ทำร้ายร่างกายใครง่ายๆ อีกแล้ว บ้านเรามีกฎหมาย แขอยากเป็นเคสสุดท้ายของการที่เราเดินไปไหนแล้วไม่พอใจก็ถูกทำร้าย คำขอโทษอย่างเดียวไม่พอ”
ความกลัวหมดไปหรือยัง
“ความกลัวยังไม่หมด แขไม่สนุกเลยกับการใช้ชีวิตที่ระแวดระวัง มันมีความกลัว รู้สึกว่าชีวิตแขไม่ปลอดภัย หวาดกลัวอยู่ เรื่องการคุยกับเขาก็ให้ทนายเป็นคนดูแลเรื่องนี้ กับเขาใจของแขตอนนี้ยังไม่พร้อมเจอ”
“แข” ถูกคุกคามไหม
ต้นหอม : ไม่ค่ะ
“แข” กลัวเขาถึงขนาดไม่ตอบโต้เลยเหรอ
ต้นหอม : เท่าที่คุยกับแข แขโกรธ แต่เขาวิ่งหนี ขอบคุณที่วิ่งหนี เพราะการ์ดที่ล็อคแขเอาไม่อยู่ แต่พอได้สติ แขก็เลยเอาตัวเองออกจากสถานที่แห่งนั้น จึงรับคำขอโทษนั่นเป็นวิธีเดียวที่แขต้องทำและตอนนี้แขต้องเยียวยาใจตัวเอง เพราะตอนนี้แขวิตกจริต แขไม่กล้าเข้าบ้าน ไม่ก็ให้คนมานอนด้วย เรื่องเที่ยวก็พักก่อน”
สามี “แข” ว่าอย่างไรบ้าง
“สามีแขไม่โอเคกับเรื่องนี้เลย เขาไม่โอเคเลย เขาอยากดูกล้องวงจรปิด สามีให้เป็นเรื่องของกฎหมาย”
หลังจากที่เขาโพสต์แล้ว เขาได้พยายามติดต่อมาไหม
“แขต้องไปดูไลน์ แต่หลังจากเกิดเรื่องแทบไม่ได้ดูเลย แขยังไม่ได้คุยกับใครเลย”
“น้ำหวาน” พยายามติดต่อขอเป็นตัวกลางไหม
“หลังจากที่ฝ่ายนู้นโพสต์ แขไม่ได้ดูโทรศัพท์เลย มีโทรศัพท์ 2 เครื่อง เอาจริงๆ ใจแขไม่ได้อะไรกับเขาแล้ว แต่แขมีความรู้สึกว่า มันไม่ใช่เรื่องของแขคนเดียว มันเป็นเรื่องของครอบครัว เราอยากบอกว่าเรื่องแบบนี้ควรหยุดได้แล้ว บ้านเมืองเรามีกฎหมาย เรามีสิทธิ์ในตรงนี้ แขอยากทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
มีคำถามในใจไหมว่าแค่เข้าใจผิดแค่นี้ต้องทำร้ายกัน
“แขไม่มีคำถามอะไร ควรไปถามคนกระทำมากกว่า เพราะอะไรตอนนั้นถึงกล้างวเอาสิ่งของมาเขวี่ยงใส่เรา ไม่กลัวเราตาบอดเหรอ ไปถามอีกฝั่งดีกว่า ส่วนอาการตอนนี้ด้านหน้ายังเจ็บๆ อยู่ ต้องไปเช็คหมอฟัน แขยังเจ็บจมูก ล้างหน้าต้องซับ มันระบบ และต้องหยุดซ้อมมวย สำหรับทางร้านทางร้ายได้จ่าบค่ายรักษาพยายาบาลให้ ส่วนของแขก็ต้องโอนเงินให้น้อง เงินที่เขาโอนมาไม่ได้เข้าในส่วนของแขเลย”
จำนวนเงินมันน้อยไปไหม 2 พันกว่าบาท
“เราไม่พูดถึงจำนวนเงินกันดีดว่า เราโฟกัสไปที่ความถูกต้องดีกว่า”
ต้นหอม (กล่าวเสริม) : เงินไม่ใช่ประเด็นหลักแต่อยู่ในประเด็นเหมือนกัน แขไม่ได้โฟกัส แต่คนรอบข้างโฟกัส
เขาจ่ายแค่รักษาแต่ไม่ได้ติดต่อมาเพื่อขอเยียวยา
ต้อนหอม : อาจจะเป็นทางเราที่ไม่พร้อมรับการติดต่อ ถ้าจะติดต่อมาแขสบายใจให้คุยกับทนาย แขไม่พร้อมคุยกับทั้งคู่ คืออยากให้ผลลัพธ์จากการกระทำมันมีราคาที่คุณต้องจ่าย ทุกอย่างไม่ง่ายเกินไป แค่คำขอโทษ หอมโกรธ เราไม่ชอบสังคมอะไรแบบนี้ ดูอยู่เหนือกฎหมาย เราอยากศรัทธากฎหมายมากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ทำแขลงได้ยังไง ตอนที่เขาบอกว่าหึง เราบอกให้เขาคิดใหม่ เป็นเหยียดเพศ ไม่ชอบตุ๊ดหรือเปล่า แต่แขบอกว่าเขาหึง เราก็มึน ไม่ว่าด้วยเหตุอะไรก็ตาม อยากให้เราเคารพกันมากกว่านี้หน่อย”
คนให้กำลังใจและเซฟ “แข” เยอะมาก
“เราขอขอบคุณมาก ขอพรพระเจ้าว่าลูกเชื่อในความดี อย่ให้ลุกหมดศรัธรากับคำนี้เลย พอเพื่อนๆ ให้กำลังใจมันรู้สึกเหมือนเป็นพลัง มัันจะหยุดอยู่แค่นี้ไม่ได้ แขทำงานในวงการบันเทิงรู้แล้วว่าคนมองเรา เป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม มันเป็นอย่างนี้นี่เอง”
ด้าน นายไพศิษฐ์ ชาครานนท์ ทนายความ กล่าวว่า
“คือภาพจากกล้องวงจรปิด ทางพนักงานสอบสวนได้รับหมดแล้ว เพียงแต่ขั้นตอนการขอมาครอบครองมันทำไมได้ เพราะถือว่าเป็นพยานหลักฐานในสำนวน ผม ได้ไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดด้วยทีมงานทั้งหมดเมื่อวานแล้ว ว่าภาพจากกล้องวงจรปิดภาพลักษณะตรงกับข้อเท็จจริงที่คุณแขให้การในชั้นสอบสวน และจริงๆแล้วนับตั้งแต่วันที่คุณแขเปลี่ยนเจตนาเพื่อดำเนินคดีที่ผ่านมา สิ่งที่เป็นข้อหาสำคัญแรกเลยคือทำร้ายร่างกาย เพราะว่าผลของรายงานแพทย์ อาการบวมช้ำ ระบุด้วยซ้ำว่ามีเลือดออกทางรูจมูก ฉะนั้นแล้วก็ต้องเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย และในวันที่แจ้งความได้มีการสอบปากคำทางผู้เสียหายไปหมดสิ้นกระแสแล้ว หลังจากนี้ไปพนักงานสอบสวนกำลังออกหมายเรียกไปยังผู้ถูกกล่าวหามาให้การ ทางเราได้แนบพยานหลักฐานในส่วนของใบรับรองแพทย์ และขอความกรุณาไปยังพนักงานสอบสวนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมากที่ทำการเรียกกล้องวงจรปิดจากทางร้านตอนนี้อยู่ในการครอบครองหมดแล้วครับ ตอนนี้การแจ้งความเป็นข้อหาเดียวคือ ทำร้ายร่างกาย ส่วนคดีแพ่งนั้นต้องว่ากันอีกทีนึง ณ ตอนนี้ เวลานี้เรายังไม่รู้ว่าผู้ถูกกล่าวหาเขาจะให้การในลักษณะใด ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาเขามีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธหรือรับสารภาพได้
ส่วนค่าใช้จ่ายที่เขาเยียวยากับสิ่งที่เขาแจ้งมา มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความผิดที่กรำดังกล่าวอาจจะลดลงได้บ้างในมุมมอง แต่คดีประเภทนี้มันคืออาญาแผ่นดิน ฉะนั้นมันคือคดีที่ยอมความกันไม่ได้ในการทำร้ายร่างกาย ที่เหลือก็สุดแล้วแต่กันอีกทีว่าเขาจะชดใช้กันยังไง
สำหรับคดีทำร้ายร่างกาย เป็นคดีที่ยอมความกันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเขามีเจตนาที่จะเยียวยาจริงๆ อย่างน้อยๆจากหนักก็กลายเป็นเบา การเยียวยาถ้าคดีขึ้นสู่ศาล ผมมีความเชื่อว่าศาลก็ต้องมองว่าไหนๆก็มีการเยียวยากันแล้ว อาจจะมีโทษที่เบาลงได้แค่นั้นเอง
และเท่าที่ผมได้สอบถามพนักงานสอบสวนเมื่อวาน เร็วๆนี้ทางผู้ถูกกล่าวหาอาจจะมาให้การในชั้นสอบสวน ซึ่งก็ต้องรอดูว่าผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวจะให้การปฏิเสธหรือรับสารภาพ"
และหลังจากนี้หากทางเขาติดต่อมา ก็ต้องขอดูรายละเอียดอีกทีหนึ่งว่าสิ่งที่เขาเยียวยาไปในทางไหน ในทางที่ดูแล้วสมเหตุสมผมหรือเปล่า แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องอยู่ที่ตัวคุณแขอีกทีหนึ่งว่าจะโอเคไหมหรืออะไรต่อไป ตอนนี้คงอนุมานตัวเลขไม่ได้ครับ”
