“ปุ้ย – ณะ” งัดหลักฐาน แจงปมสัญญา “ฟ้าใส” ยกมงกุฏให้ คิดว่าเหมาะสมมารับไปเลย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




จากกรณีมหากาพย์ดราม่าสัญญาระหว่าง กองประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ และ “ฟ้าใส – ปวีณสุดา ดรูอิ้น” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ที่ต่างฝ่ายต่างออกมาพูดในมุมของตัวเอง จนดูเหมือนว่าจะตกลงกันมาลงตัว ซึ่งเป็นเรื่องร้อนฉ่าและวิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียล

โดยวันนี้ (17 พ.ย.63)  ปุ้ย - ปิยาภรณ์ แสนโกศิก และ ณะ - ณรงค์ เลิศกิตศิริ ในฐานะ National Director บริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด (TPN) ผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ พร้อมด้วย นก - ชวาลา ป้องขันธ์​ ผู้อำนวยการกองประกวด นายวิชิต แก้วธนะสิน​ ทนายความ และ ​นายบัณฑิต เทพอยู่​ ผู้ช่วยทนายความ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและตอบข้อสงสัยในกรณีต่างๆที่บริษัทได้ถูกพาดพิงถึงสัญญาของ ณ สตูดิโอ 2 สถานีโทรทัศน์พีพีทีวี เอชดี ช่อง36  โดยได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาเป็นประธานในวันแถลงข่าวนี้ เพราะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ
 

ประมวลภาพ Miss Universe Thailand 2019 รอบตัดสิน

ประมวลภาพ “ฟ้าใส ปวีณสุดา” เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย Miss Universe 2019  

ปุ้ย ปิยาภรณ์ เผยว่า “หลายคนบอกว่าเราออกมาช้า เราไม่ได้ช้า เราติดภารกิจอยู่ เราไม่ได้มีความสุขเลยที่มีเรื่องแบบนี้ แต่ในเมื่อมันมีกระแสอยากให้ทางเราออกมาชี้แจง เราก็มา และจะเป็นการชี้แจงในเรื่องนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว ต่อให้มันจะมีเรื่องอะไรอีกต่อจากนี้ก็ตาม หลายคนบอกว่าทำไมไม่เชิญฟ้าใสมาเผชิญหน้ากันตามที่เขาบอก ในความคิดของเราอย่าเอาประเด็นก่อนหน้ามาพูดมึนคนละเรื่องกัน ประเด็นก่อนหน้าที่เราต้องการให้มาอยู่ต่อหน้าเพราะว่าเราพร้อมที่จะเปิดคลิป ซึ่งมันต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าตัวเปิดได้หรือไม่ แต่ครั้งนี้มันคนละเรื่องกัน การจะมานั่งดีเบตใครผิดใครถูก ใครพูด ใครไม่ได้พูด คิดว่ามันไม่ใช่ เราจะไม่ทำอย่างนั้น จะไม่สร้างกระแสแบบนี้ แล้วเราจะๆไม่เชิญใครเลยที่ไม่ได้อยู่ในห้วงเวลานั้นมา เพราะเขาไม่รู้ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เขาจะพูดยังไงก็ได้ ส่วนใครจะแถลง จะพูดยังไงก็เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของเขา”

ด้าน นก ชวาลา เล่าบันทึกข้อตกลง ว่า  “ในวันที่ 6 มิ.ย. 62 เราได้นัดผู้ปกครองเขามาอ่านข้อตกลงร่วมกัน มีเพียง 1 คนเท่านั้น จะเป็นพี่เลี้ยงหรือผู้ปกครองก็ได้ คนที่เซ็นบันทึกข้อตกลงก็คือคนที่จะอยู่ทำงานกับเราต่อ และมีการคุยเรื่องการทำงานต่างๆ และช่วงบ่ายเป็นการถ่าย VTR ชุดว่ายน้ำ เรามีการบอกไว้ก่อนแล้วว่าในฉบับที่พี่เลี้ยงหรือผู้ปกครองอ่านบันทึกข้อตกลงการเช้าร่วมการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ซึ่งหลังจากนนี้คนใดคนหนึ่งของเราได้ตำแหน่งเราจะต้องเข้ามาเซ็นสัญญากันอีกครั้งหนึ่ง ใครไม่เข้าใจให้ยกมือถาม ก็มีการย้ำแล้วว่าลำดับที่ 1 2 3 4 5 จะต้องเข้ามาเซ็นสัญญาอีกครั้ง ดังนั้นน้องที่อยู่ในท็อป10 ทาง TPN จะเรียกเข้ามาเซ็นสัญญาด้วยเป็นศิลปินในสังกัด การเซ็นสัญญากันเกิดขึ้นโดยที่ทุกคนเข้าใจในข้อตกลง ไม่มีการทักท้วงอะไร ยกเว้นน้อง 3 คนที่ถูกตัดสิทธิ์ไป ในวันที่เราให้เซ็นก็เขียนไว้ชัดเจนว่าเป็นข้อตกลง”

ทนาย นายวิชิต พูดในแง่ของกฎหมาย “ขอชี้แจงในส่วนของข้อตกลงในการเช้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 บันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นเพียงบันทึกที่เป็นนิติกรรมที่มีเงื่อนไข โดยจะต้องมีการทำสัญญาขึ้นใหม่อีกครั้งนึงในอนาคต ขอบเขตของสัญญา คือผูกพันตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 รองอันดับ1 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ,รองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ในข้อตกลงดังกล่าวขณะที่ทำบันทึกฉบับนี้ในวันที่ 6 มิ.ย. ทางบริษัทและผู้ให้สัญญายังไม่สามารถที่จะระบุได้ว่าผู้ใหญ่สัญญาทั้ง 60 คน ใครจะได้รับตำแหน่งนั้น ดังนั้นจึงมีเงื่อนไขในการที่จะเข้าถึงสัญญากับบริษัทอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ผู้ให้สัญญาได้รับตำแหน่งการประกวดนั้นแล้ว โดยสัญญาที่จะทำขึ้นดังกล่าวจะระบุตำแหน่งของผู้ให้สัญญา เพื่อให้ผู้รับสัญญาได้รับเงินรางวัล ของรางวัลตามที่บริษัทได้ทำบันทึกฉบับวันที่ 6 มิ.ย.62 ไว้

ซึ่งทางบริษัทได้ตกลงจะให้เงินรางวัลแก่ผู้ให้สัญญาในระยะเวลา 30 วัน นับจากลงนามในสัญญา ซึ่งมันมีเงื่อนไขตรงนี้อยู่ในข้อตกลงตัวนั้นแล้ว ของฟ้าใสก็จะมีระบุไว้ด้วยในการรับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 จะมีการแสดงข้อตกลงดังกล่าวว่าคู่สัญญาต้องสัญญาอีกฉบับนึงกับบริษัท บันทึกดังกล่าวจึงยังถือเป็นสัญญาไม่ได้ หรือถ้าจะถือเป็นสัญญา สัญญาตัวนั้นก็ยังไม่เกิดขึ้นเพราะยังไม่ได้มีการทำตามกำหนดในบันทึกข้อตกลง ทางฝ่ายกฎหมายก็ได้มีการคุยกับน้องฟ้าใสแล้วก็ได้คุยกับทนายและญาติของน้อง โดยน้องประสงค์ว่าไม่มีความต้องการที่จะเข้ามาทำสัญญากับทางบริษัท และมีข้อตกหลงกันว่าจะไม่เปิดเผยในรายละเอียดต่างๆ”

ในส่วนของการเซ็นข้อตกลงต่อด้วยทำสัญญา ปุ้ย และ ณะ แจงว่า “สำหรับเราบันทึกฉบับนี้เป็นธรรมเนียมที่ทำกันมาไม่รู้กี่สิบปีแล้ว ทุกเวทีปฎิบัติเป็นประเพณีปฎิบัติ ไม่ใช่อยู่ดีๆเราทำขึ้นมา ซึ่งทุกคนก็รับรู้และเข้าใจดีว่ามันคือข้อตกลง เราได้ถามนางงามของเราทุกซีซั่นว่าสิ่งเหล่านี้พวกหนูเรียกมันว่าอะไร น้องทุกคนบอกว่าข้อตกลงค่ะ แล้วใครได้มงกุฎ ได้จะต้องกลับมาทำสัญญาตามระบบ น้องบางคนบอกว่าพอได้มงกุฎ สายสะพายเขาก็เซ็นเลยวันนั้น ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องผิด มันเป็นเรื่องที่ควรจะต้องทำ เราลองไปถามเวทีอื่นเขาก็บอกว่ามันเป็นธรรมเนียมปฎิบัติจริงๆ ก็ไม่มีใครมีปัญหาอะไรเลย ขอเคลียร์เรื่องสัญญา 3 ปี กับ 50 เปอร์เซ็นต์ ขอบอกตรงนี้ว่าเราไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตรงนี้เลย เพราะไม่ได้คิดว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลง”

ณะ :  “เรานั่งคุยกัน เราเห็นตรงกันถึงอนาคตของฟ้าใสว่าเราควรจะทำอะไรต่อไหม  ณ เวลานั้นเราเห็นว่าฟ้าใสเป็นคนที่มีศักยภาพหนึ่งคน เราจึงพูดถึงเรื่องการตั้งอะคาเดมี่นางงามขึ้น เขาก็บอกว่าเขาอยากจะทำอะคาเดมี่ สอนทุกอย่างเพื่อจะปั้นนางงามที่มีคุณภาพของประเทศไทย เพื่อที่เราจะไปคว้ามงกุฎในเวทีต่างๆ นั้นคือสิ่งที่น้องอยากทำแล้วเราเห็นด้วย นั่นจึงเป็นที่มาของการทำสัญญา ก็คุยกันว่าเราตั้งให้ น้องเป็น ผู้บริหารนะ เราก็มาคุยกันว่าทำสัญญายังไง น้องเขาก็บอกว่าเป็นสัญญาตลอดชีวิตไหม”

ปุ้ย : “เราไม่ได้พูดถึงว่าถ้าเขาได้ตำแหน่งแล้วจะทำ ได้ไม่ได้เราไม่พูดถึง เอาไว้ก่อน เราพูดว่าเสร็จสิ้นการประกวดแล้ว พอเรากลับมาจากแอตแลนต้า เราจะทำอะไรด้วยกัน เราก็บอกไปว่าฉันให้เธอทำไปตลอดชีวิตนั้นแหละ เพราะเดี๋ยวมันก็จะมีรุ่นอื่นๆมาต่อด้วย ทำเพื่อสร้างอาณาจักร MUT ของเราให้ยิ่งใหญ่ นี่คือสิ่งที่พูดในห้องประชุมด้วยกัน น้องเขาก็กังวลว่าจะจ้างเขาแค่ปีเดียว เราก็บอกว่างั้นเอาต่อทีละ 3 ปีแล้วกัน อย่านานกว่านี้เลย แล้ว 3 ปีมันไม่ใช่เวลาที่โหดร้าย เพราะทุกเวทีก็ทำแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งสัญญาตัวนี้ไม่ได้แยกมาจากสัญญามิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 มันอยู่ในสัญญารวมของหารทำงานทั้งหมด แต่สัญญาที่จะเป็นนางงาม 1 ปี ที่เหลือปฎิบัติงาน 2 ปี มาถึงเรื่องส่วนแบ่ง 50 : 50 ก่อนที่จะไปประกวดเป็นเดือนเลยเรามีการคุยกันว่าถ้ามีงานที่ต่างประเทศจะอะไรก็ตามเราขอไว้ซัก 50 : 50  เพื่อเราจะรับผิดชอบดูแลทั้งหมด ค่าอะไรต่อมิอะไร รวมถึงค่าเดินทาง จึงเป็นที่มาของ 50 : 50”

เรื่องของไทม์ไลน์ เรื่องวันที่ 17 ก.ค.62 นั้น นก ชวาลา อธิบายว่า  “วันนั้นน้องๆมีไปทำภาระกิจ เราก็บอกว่างั้นพี่ปุ้ยก็ให้ทุกคนเซ็นสัญญาวันนี้ให้เสร็จไปเลย เพราะจะได้เจอกันครบทุกคนครั้งแรก ซึ่งในวันนั้นทุกคนรู้กันหมดว่าเราจะมาทำงานด้วยกัน เจอกันครบและเซ็นสัญญา แต่ปรากฏว่า 4 สาวมาเจอเราเลย ฟ้าใสมีงานอื่นจึงไม่ได้เซ็น และมีการนัดใหม่”

ปุ้ย กล่าวเสริม  “ที่น้องบอกว่าน้องไม่รู้ว่าจะต้องเซ็นสัญญาในวันที่ 17 ก.ค. อย่าไปโทษว่าทำไมเพื่อนๆไม่บอก คือ 4 คนเขารู้กันหมด ของอย่างนี้มันมีเหตุจำเป็นไหมที่จะต้องงุบงิบพูด สมมติถ้าน้องไม่รู้เลยจริงๆแล้วตลอดระเวลาเวลา 3-4 เดือนก่อนจะไปประกวด น้องได้ตำแหน่ง และเป็นผลประโยชน์ของน้อง น้องจะไม่ถามซักคำเลยเหรอว่าทำไมหนูยังไม่ได้เซ็น ไม่ใช่ว่า TPN เพิกเฉยหรือไม่ได้ทวงถามเชิญเข้ามาเซ็นสัญญา เรื่องที่ว่าน้องไม่เข้าใจทำไมต้องมีการเซ็นสัญญาฉบับที่ 2 ที่ 3 คือมันต้องมีการเซ็นสัญญาฉบับที่ 2 ที่ 3 เกิดขึ้น จะชี้แจงว่ามันไม่ได้มีสัญญาที่2 ที่ 3 ที่พูดมาทั้งหมดก่อนหน้านี้มันเป็นการพูดถึงร่างสัญญา แต่ยังไม่ได้มีการทำสัญญาจริงเกิดขึ้น ยังไม่มีการเซ็น ซึ่งเราแจ้งไปแล้วว่าจะมีการเซ็นกันใหม่อีกรอบ

นก : “ในข้อตกลงระบุไว้ว่าคุณจะต้องเข้ามาเซ็นสัญญานับจากวันที่ลงนามในสัญญา 30 วัน คือมันมีการบอกไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมีการเข้ามาเซ็นสัญญาภายใน 30 วันหลังจากได้รับตำแหน่ง ซึ่งเขาก็รับรู้ในวันนั้นแล้วเพราะน้องเซ็นรับทราบไว้เรียบร้อย”

ปุ้ย : “ในนี้จะเขียนไว้เลยงวดแรกจ่ายเงิน 750,000 ถ้วน ภายในระยะเวลาลงนามในสัญญา งวดที่ 2 จ่ายเงินจำนวน750,000 ถ้วนภายใน 30 วัน หลังจากส่งมอบตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ในปีถัดไป มงกุฎ สายสะพาย รถยนต์ ที่พักระหว่างดำรงตำแหน่ง (เอกสารฉบับนี้ชัดเจนว่าเมื่อคุณได้มงกุฎ คุณจะต้องเซ็นสัญญาต่อ?) ถูกต้อง เรื่องเงินรางวัลข้อ 4 บริษัทตกลงมอบเงินรางวัลและของรางวัลให้แก่ผู้ให้สัญญาคือมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 นั่นหมายความว่าแต่ละฉบับจะมีข้อความตรงนี้เปลี่ยนไป คือรองอันดับ 1-4 จะแยกสัญญาเลย และของฟ้าใส มีสัญญานางงาม 1 ปี และสัญญาที่ลงไว้ 2 ปี เป็น 3 ปี ในเรื่องการเปิดบริษัทร่วมกัน จะสร้างอะคาเดมีร่วมกัน ถ้าน้องไม่พอใจ ไม่เห็นด้วย ไม่ชอบใจ ทำไมทิ้งร้างไว้ พี่ปุ้ยก็โทรศัพท์ติดตามด้วยให้มาเซ็นได้แล้ว เพราะมันใกล้เวลาไปประกวดที่ต่างประเทศแล้ว การเซ็นสัญญาต้องประกอบโดยผู้ให้สัญญาและผู้รับสัญญา แล้วพี่อยู่กับพี่ณะ 2 คนจะให้เซ็นกับใคร ไม่ใช่ไม่เรียก

การที่เราจะส่งนางงามตัวเองไปประกวดเวทีระดับโลก อันนี้เป็นข้อผิดพลาดของพี่ปุ้ยและพี่ณะ เพราะไม่ได้คิดว่าสัญญาเป็นเรื่องสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าสัญญาคือสัญญาใจและสัจจะที่ให้ต่อกัน อันนี้พี่พลาดเอง ซึ่งได้มีการทวงถามตลอด เพราะการกรอกเอกสารทางเวทีใหญ่แจ้งเราช้า เพราะต้องหาเมืองที่จะจัดการประกวด เรามีเวลาน้อยมากในการเตรียมเอกสาร และเอกสารเขาเยอะมาก เราจะต้องแนบสัญญาที่ผู้เข้าประกวดมีต่อองค์กร เพื่อยืนยันว่าเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ที่ถูกต้องทางกฎหมาย

ในเรื่องสัญญาจะเป็นเรื่องที่กองแม่เซ็นกับ ND ของตัวเอง เราก็ทวงถามตลอด ตอนนั้นเราก็เข้าใจว่าน้องยุ่งมาก จนใกล้วันก็ยังไม่มีการเซ็นสัญญากัน จนเป็นที่มาของผู้จัดการกองและฝ่ายทำเอกสารเขาเอาไปฝากให้น้องก่อนจะเดินทาง เป้าหมายของ TPN คือมงที่ 3 จะต้องมาสู่ประเทศไทยแล้ว มันมีเหตุผลอะไรที่จะต้องบ่ายเบี่ยงหรือไม่ให้น้องเห็นสัญญา เรามีพยานบุคคลหลายคนที่เห็นน้องดูสัญญา ซึ่งไม่ใช่คนของ TPN ด้วยซ้ำ”

ณะ “ก็มีการแนะนำมาตลอดว่า ถ้าน้องไม่พอใจสัญญาข้อไหนก็มาคุยกัน เพราะนั่นเป็นแค่ร่างสัญญา เราต้องไปที่โน่นแล้ว เราไม่มีสัญญาฉบับนี้ เราจะไปยื่นให้เขาได้ยังไง เราจะตอบกองแม่ได้ยังไงว่า Natural Director ของเราส่งเอกสารไม่ครบ เราอายเขานะ”

ปุ้ย “ถามว่าทำไมในที่สุดได้ประกวด พี่ก็บอกกับทางผู้ใหญ่ของน้องว่าพี่ต้องไปคุยกับผู้ใหญ่ของกอง และเซ็นรับรองว่าทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย น้องได้มีข้อตกลงกับกองเรียบร้อยแล้ว ขอยืนยัน ซึ่งนั่นเกิดขึ้นตอนไปที่แอตแลนต้าแล้ว เราก็ขอเขานะคะ คือพี่ปุ้ยมองว่าทางกองแม่ไม่ได้มีเจตนาจะมาบอกว่านิดนึงก็ไม่ได้ เพียงแต่เราไปยืนยันตัวตนและมีลายเซ็นของกรรมการ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้เหมือนกัน พี่ปุ้ยต้องเซ็นกับกรรมการทั้งหมด 10 คนในรอบไฟนอล พี่ณะเป็นคนถือไป เพราะกรรมการ 10 คนนี้เป็นผู้มีชื่อเสียงในสังคม โดยให้เซ็นว่าตัดสินให้คนนี้เป็นมิสยูนิเวิร์สในวันนั้น ซึ่งเขามีแบบฟอร์มนี้อยู่แล้ว ในการทำงานของทุกประเทศทุกองค์กร ถึงแม้ทุกคนจะทราบว่าเขาเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ แต่ประเด็นคือส่งเอกสารให้ครบรึยัง พี่ปุ้ยไม่อยากพาดพิงเยอะเพราะมันจะไม่ดีมากๆ ถามว่าน้องรู้ไหมว่ามีผลต่อการเข้ากอง ทำไมจะไม่ทราบ พี่ปุ้ยเป็นคนพูดเอง ส่วนเรื่องที่น้องไม่เซ็นเพราะอะไร ก็ไม่ทราบเลย รอตลอดให้เข้ามาคุย ตามความเข้าใจของพี่คือไม่อยากกดดัน”

ณะ :  “คือต้องบอกก่อนว่าไทม์ไลน์ช่วงแรกก่อนไปแอตแลนต้า น้องยังอยู่ในกองประกวด ดูแลโดยผู้จัดการคนเก่า เขาไม่เข้ามาเซ็น ไม่มีการต่อรองอะไรสักอย่าง ทวงถามแล้วก็ไม่ส่งสัญญาณอะไรเลย สัญญาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง”

ปุ้ย “ข้อสัญญาในประเทศก็ยัง 70 : 30 เหมือนเดิม น้องได้ 70 เราได้ 30 แต่แรกที่คุยกันไว้เรื่องงานต่างประเทศ ก็ยังเป็น 50 :50 จนกระทั่งแอตแลนต้า น้องก็ยังไม่เซ็น เขาบอกว่ามีเวลาหลายวันเดี๋ยวค่อยคุย แต่ตอนไปถึงแอตแลนต้า น้องบอกว่าลืมเอามา เราก็ตกใจเลย ก็เลยให้ทีมงานทีมที่ 2 ที่บินตามมาเอาสัญญามาให้อีกหลังจากนั้นคุณแม่ก็ได้อ่านสัญญาและขอแก้สัญญา พี่ก็แก้ให้หมด มีข้อไหนที่ตกใจไหมเหรอ ไม่ได้ตกใจหรอก แต่ก็แก้ให้หมด ถามว่ามีมีข้อตกลงไหนที่ไม่ยอมแก้ให้ไหม ก็เรื่องการได้เงิน เพราะการได้เงิน พี่เขียนในสัญญาว่าขอเป็น 60 วัน ซึ่งคุยกันตั้งแต่แรกแล้ว มีแค่นี้ ถามว่าเป็นจุดนี้รึเปล่าที่เขาไม่ยอมเซ็นสัญญา ก็ไม่รู้ ถามว่าเรื่องเปอร์เซ็นต์รึเปล่าก็ไม่ทราบอีกเหมือนกัน แต่ในสัญญามันระบุชัดเจนอยู่แล้ว

ตอนแรกที่เขารับจากมือพี่ปุ้ย คุณแม่บอกว่าเดี๋ยวดูให้ เพราะน้องอาจไม่อยากปรึกษาใคร รอคุณแม่มาอ่าน แต่เขาก็ไม่เซ็น และคุณแม่พูดโทรศัพท์กับพี่ว่าไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวน้องกลับไปเมืองไทยน้องก็เซ็นเอง เพราะน้องอายุ 26 แล้ว อยากเซ็นทุกอย่างด้วยตัวเอง พอกลับมาเมืองไทย น้องเข้ามาที่ TPN พร้อมญาติผู้ใหญ่ 2 ท่าน เราก็เอาสัญญาต้นฉบับที่เราแก้ตามคุณแม่ทุกอย่างมาให้ดู คุณลุงคุณป้าก็ช่วยดู ซึ่งคุณลุงคุณป้าก็น่ารัก บอกแล้วแต่จะสะดวกใจยังไง เราก็บอกให้เขาเอากลับไปอ่านอีกครั้ง แล้วเดี๋ยวนัดกันมาว่าจะเซ็นวันไหน ลุงถามว่าจะอ่านกี่วัน น้องบอกว่าจะอ่าน 3 วัน”

เรื่องสปอนเซอร์นั้น สปอนเซอร์ทำคู่สัญญากับ TPN อย่างวันนี้เราให้ MUT 2020 ไปรับรถ TPN เป็นคนเซ็นสัญญา และต้องจ่ายค่าภาษีโฆษณา เขาเซ็นกับเรา เราก็ต้องแนบด้วยว่าเด็กคนนี้เซ็นสัญญากับเราแล้ว เพื่อจะปฏิบัติภารกิจโฆษณาของ Third Party นี่คือเหตุผลทำไมต้องมีสัญญา (ถ้าไม่เซ็นสัญญาจะมีผลต่อสปอนเซอร์?) ค่ะ ถ้าเรามั่วๆ เอาบันทึกข้อตกลงให้เขา พี่ท้าให้ถามทุกสปอนเซอร์เลยว่าใครจะไปจ่ายของ เพราะในนั้นไม่ได้ระบุเลยว่าใครจะได้ตำแหน่ง คนๆ นั้นจะไปตอบแทนสปอนเซอร์ตามที่ทำสัญญากับบริษัทหรือไม่ นี่คือคำถามเหมือนกัน ตอนนั้นพี่ยังทำเช็ครอไว้เพราะคิดว่าน้องจะเซ็นสัญญา เพราะมองว่าเขาเซ็นแล้วควรจะได้ตังค์แล้ว พอเวลาผ่านไปหลายวัน บริษัทก็เลยทำหนังสือไปแจ้ง โดยผู้จัดการกองนำไปให้กับมือ ซึ่งจะมาบอกว่าไม่ได้รับการติดตามทวงถามจากบริษัทก็เป็นไปไม่ได้ ถามว่าทำไมถึงส่งโนติสไป คือปรึกษากับฝ่ายกฎหมาย เพราะเพื่อนที่เป็นสปอนเซอร์ทวงถามแล้ว พอส่งเอกสารไปเขาก็ได้รับ ก็มีโอกาสคุยกับผู้จัดการ เขาบอกว่าจะไปยื่นให้ด้วยตัวเองที่คอนโด

ซึ่งน้องก็รับทราบแล้ว แล้วหายกันไปอีก จนกระทั่งมีไลน์ที่น้องบอกว่าเป็นคนทวงถาม แต่คือจริงๆโนติสถูกส่งไปแล้วถึงเกิดเหตุการณ์นี้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ น้องมาทวงถาม น้องเล่าตัดตอนไปนิดนึง ในที่สุดก็ได้มาเจอในวันที่ 21 ก.พ.63 เขาก็มากับคุณลุงญาติผู้ใหญ่ท่านเดิมพร้อมกับทนาย แต่น้องมาพร้อมกับสัญญาที่ทำมาเอง มีบางข้อที่ไม่สะดวกใจ ดังนี้ 

- เงินรางวัล 1,500,000 บาท จ่ายงวดที่ 2 งวด งวดที่ 1 คือจ่ายในวันที่ลงนามในสัญญา (21 ก.พ.) และงวดที่ 2 ภายใน 14 วัน

- ในกรณีที่ผู้ให้สัญญาปฏิบัติงานสาธารณะกุศลครบ 12 ครั้งแล้ว ผู้ให้สัญญาสามารถปฏิเสธหรือเรียกรับเงินค่าตอบแทนในกทม. ครั้งละ 15,000 บาท ต่างจังหวัด 30,000 บาท โดยครั้งละไม่เกิน 3 ชั่วโมง ซึ่งทำให้พี่ปุ้ยไม่โอเค จึงถามไปว่าฟ้าใสหมดใจหรือเปล่า

- ผู้ให้สัญญาสามารถรับงานอื่นๆ นอกเหนือจากงานบันเทิงได้เอง

- การเข้าร่วม Workshop ต่างๆ ในฐานะศิลปิน อยู่ที่ความสมัครใจของผู้ให้สัญญา

- ต้องไม่ดูหมิ่น หรือทำให้ผู้ให้สัญญาเสื่อมเสียชื่อเสียง จนมีผลกระทบต่ออาชีพของผู้ให้สัญญา

-  หากเก็บเงินลูกค้าได้ช้า TPN ต้องจ่ายให้ฟ้าใสก่อน แต่หากได้เร็วต้องจ่ายให้เลย

- หากมีการยกเลิกสัญญาก่อน ทางกองต้องให้รางวัลที่เคยตกลงไว้ และจ่ายเงินทั้งหมดที่เป็นงานในอนาคตให้ผู้ให้สัญญาด้วย

ถามว่าสัญญาฉบับนี้เป็นสัญญาที่ตกลงกันหรือยัง ก็ยัง เพราะเรามองแล้วว่าเราไม่สะดวกใจ กับเงื่อนไขของทางฟ้าใส ซึ่งไม่เกี่ยวกับตัวเงิน แต่เป็นเรื่องของอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าน้องน่าจะไม่มีความสุขถ้าอยู่กับทางกอง จึงเป็นที่มาของการคุยกันในวันนั้นเลย โดยทางฟ้าใส ยื่นข้อเสนอไม่ขอเข้าทำสัญญากับทางบริษัท นัยยะสำคัญมีอยู่ว่า

-ผู้ให้สัญญามีความประสงค์ไม่เข้าทำสัญญาผูกพันกับบริษัททั้งในฐานะ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 และในฐานะนักแสดงภายใต้สังกัดของบริษัทอีกต่อไป

-ผู้ให้สัญญาจะปฏิบัติหน้าที่อำลาตำแหน่ง ในวัน เวลา ที่บริษัทกำหนดไว้ในการประกวด MUT 2020 เราก็ขอวงเล็บไปว่า ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเชิญผู้ให้สัญญามาในวันที่อำลาตำแหน่ง แต่ในที่สุดด้วยความที่อยากจบด้วยดี ก็เชิญน้องมาในวันอำลาตำแหน่ง และให้มอบมงกุฏให้ผู้ชนะ ถ่ายสูจิบัตร

- มีการตกลงกันว่า จะให้เงินรางวัลตามที่ผู้ให้สัญญาร้องขอ พร้อมสายพาย ส่วนของรางวัลอื่นที่ตามข้อตกลงที่สองฝ่ายที่เคยทำขึ้น นอกจากตามที่ตกลง จะยกเลิกทั้งสิ้น ในส่วนที่ฟ้าใสมาขอทำมงกุฏเอง ทางบริษัทก็อนุญาต

ปุ้ย ปิยาภรณ์ เผยต่อว่า หากถามว่า ฟ้าใส ยังเป็น มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ไหม ในความรู้สึกที่ไม่เกี่ยวกับตัวสัญญา เราก็ให้เขาเป็นเพราะผ่านการประกวดมาแล้ว กับคำถามที่ว่าทำไมไม่ปลด คือเรื่องมันตั้งแต่กุมภาพันธ์ และทางเราก็อยากให้จบด้วยดี ในกรณีที่ของรางวัลมูลค่าค่อนข้างเยอะ แต่ฟ้าใสขอเพียง 5 แสนบาทนั้น คาดว่าน้องคงไม่สะดวกใจที่จะทำงานกับทางเราต่อ ยืนยันว่าที่ผ่านมาพยายามดูแลน้องอย่างดี เรื่องมงกุฏน้องขอไปทำเอง ไม่ได้เรียกร้องอะไร ก็เป็นไปตามสัญญาสุดท้าย แต่ถ้ามีใครมาถามว่า มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 คือใคร เราก็ต้องตอบว่า ปวีณสุดา ดรูอิ้น อยู่แล้ว ไม่ได้อยากให้ตีความทางกฎหมาย อยากให้ตีความที่ความรู้สึก ที่ผ่านมาเราก็ทำกิจกรรมด้วยกัน จริงๆไมได้อยากมาพูดอะไร แต่ด้วยกระแสต่างๆออกมา จึงต้องออกมาพูด

ในส่วนของเรื่องที่ผ่านมากับปัญหาเรื่องวินัย แฟนๆก็มาว่าทางเราทำไมทีพีเอ็นไม่ปกป้องน้อง เราไม่พูดเรื่องพวกนี้คือปกป้องแล้ว แต่วันนี้ต้องพูด ในวันที่ต้องเข้ากองประกวด MU 2019 ที่มีกระแสว่ากองไม่แจ้งเวลาน้องว่าต้องเข้ากี่โมง น้องต้องจัดกระเป๋า น้องท้องเสีย ขอยืนยันว่าเราก็อยากจะให้น้องเข้ากองเป็นคนแรกๆ เพื่อจะได้ไปเลือกเสื้อผ้าก่อน ทางน้องบอกไม่พร้อมขอเลื่อน 1 วัน เราก็โอเคแม้เราจะเตรียมแผนไว้แล้วก็ตาม เราก็ขอน้องไปว่าขอให้เข้าตามฤกษ์ที่วางไว้ และทางเราก็ได้วางลุคน้องไว้ในแต่ละวันในกระเป๋าเดินทางไว้หมดแล้ว แต่ทางน้องอยากจะปรับเปลี่ยนใหม่ ก็รื้อกันใหม่ เราก็ตามทุกวันเรื่องจัดกระเป๋า สุดท้ายก็เอาตามเดิม

ในวันที่เข้ากองที่ทางน้องบอกว่าน้องไม่ได้ตื่นสาย ก็ไปปลุกน้องตั้งแต่ 6 โมงเช้า ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ ทางคนไปปลุกก็บอกว่าติดต่อน้องไม่ได้ เราก้ตกใจ เพราะเรานัดผู้ใหญ่ไว้ เราก็ไปปลุกเขา ตอนใกล้เวลาที่ต้องออกแล้ว เราก็ให้น้องรีบ เร่งทุกคนมาช่วยน้องแต่งตัว ก็เลทไปประมาณหนึ่ง ก่อนลงรถน้องยังถามเลยว่าเราจะตอบเขายังไงดี ทางน้องก็บอกขอโทษและบอกว่าตัวเองท้องเสีย คือเรื่องนี้อย่ามาด่าทางเรา เพราะหลายๆคนบีบตลอดว่ากองไม่ออกมาปกป้องน้อง การปกป้องน้องคือการไม่ออกมาพูด ไม่พูดมาก จนวันนี้ต้องพูด มันจบแล้ว ขอให้จบด้วยดีได้ไหม มีคนถามว่าทำไมไม่ปลด ไม่ฟ้องกลับ คือเราไม่ทำ ทำไมต้องทำ มันไม่มีประโยชน์ ฟ้องแล้วได้อะไร ถ้าน้องฟังแล้ววันนี้จะออกมาโต้แย้งยังไงนั้น หรือทางผจก.ส่วนตังน้องจะโพสต์อะไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่วันนี้ทางเราจบแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดอะไร เราจะไม่ออกมาตอบโต้แล้ว 

เรื่องที่หลายคนมองว่าปัญหาเรื่องนี้จะเกิดขึ้นซ้ำใน MUT 2020 ไหม ไม่มีปัญหา เพราะ อแมนด้า - ชาลิสา ออบดัม เซ็นสัญญาแล้วและได้รับของรางวัลไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาตัวเดียวกับ ฟ้าใส นอกจากนั้นในปีนี้ตำแหน่งรองทั้ง 4 คน ก็ได้อยู่คอนโดฟรีตลอดระยะการปฏิบัติภารกิจด้วย

ฝากถึง ฟ้าใส ทางเราไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับน้อง มีเรื่องราวเกินขึ้นก็เสียหายทั้งคู่ ต่างคนต่างพัฒนาตัวเองดีกว่า เราคงยังต้องเจอกันอีก

และสุดท้ายเรื่อง มงกฎ ทั้ง ปุ้ยและณะ เผยว่า ถ้าอยู่กับทางเรา เราก็ไม่ได้ใส่หรอก ซึ่งเดิมทีเราก็คิดว่าจะเอาไปประมูลแล้วเอาเงินไปให้การกุศลไหม ซึ่งไม่คิดจะเอามงกุฏมาวนอยู่แล้ว เราทำใหม่ทุกปี ถ้าฟ้าใสคิดว่ามีความชอบธรรมที่จะได้รับมงกุฎ และเหมาะสมที่จะได้รับ เรายกให้น้อง ติดต่อมาเลย ให้มารับด้วยตัวเอง เราจะไม่พูดถึงเรื่องสัญญาแล้ว วันนี้อยากให้จบด้วยความดีงาม”

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ