“ดร.นัท” เผยสาเหตุหย่า “น้ำหวาน” ยันไม่เคยแช่งแม่อดีตภรรยา ขอโทษปมโพสต์ไฮโซปลอม


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“ดร.นัท – ณัฐวุฒิ มาแก้ว” เคลียร์ทุกประเด็นดราม่า เผยหย่า “น้ำหวาน เดอะเฟซ” ตกลงด้วยดี ยันไม่มีมือที่สาม ย้ำบริสุทธิ์ใจไม่ได้กิ๊กตาม ขอโทษปมโพสต์ไฮโซปลอม ปัดพูดสาบแช่งแม่อดีตภรรยา เผยยังเคารพแม่อีกฝ่ายติดต่อพูดคุยเหมือนเดิม วอนจบเรื่อง รับยังหวังดีพร้อมซัพพอร์ตฝ่ายหญิงในฐานะภรรยาเก่าเสมอ

หลังจาก น้ำหวาน - รักษ์ณภัค วงศ์ธนทัศน์ หรือ น้ำหวาน เดอะเฟซ ออกมาเปิดใจทั้งน้ำตากับอดีตสามี ดร.นัท – ณัฐวุฒิ มาแก้ว แต่ดูเหมือนว่าปมร้าวของทั้งคู่จะยังไม่จบ ยังมีดราม่าตามมาไม่หยุด ล่าสุดวันนี้ (18 ธ.ค.63) ฝั่ง ดร.นัท ได้ออกมาพูดเป็นครั้งแรก

“น้ำหวาน เดอะเฟซ” สุดกลั้น! โชว์ใบหย่า เคลียร์ปมเลิกอดีตสามี โต้คบ “ไฮโชแชมป์” ซ้อน

อดีตสามี “น้ำหวาน” เตรียมแจงปมดราม่าพรุ่งนี้! ด้านดาราสาวฝาก 2 คำถามเดือด

“เรื่องที่ผ่านมันจบไปแล้ว จบไปแล้ว 4 เดือน มันจะจบไปแล้วด้วยดี แต่ล่าสุดภรรยาเก่าออกมาแถลง อาจจะเป็นความคิด เป็นสิ่งที่เขาอยากจะพูด แต่ข้อความที่เขาพูดมาอาจจะกระทบผมบ้าง กระทบหน้าที่การงาน กระทบภาพลักษณ์ อาจจะขออนุญาติอธิบายให้ฟัง ไม่ใช่การแฉหรือออกมาโจมตีอะไร แต่ไม่เจาะจงเรื่องอะไร แต่อะไรที่เป็น สิ่งที่พูดแล้วไม่กระทบใคร กระทบแค่เราสอง อยากให้เราสองคนหยุดพูด หยุดทำร้ายกัน และดูจากเวลาที่ผมเคยโพสในสตอรี่ว่าผมจะหยุดโพสต์ถึงเขา ตอนนี้ก็เป็นเวลา 3 เดือนแล้ว

ซึ่งยอมรับว่าโพสต์นั้นอาจจะมีการจิกบ้าง เป็นอารมณ์ที่เราแสดงออกมา ซึ่งมันไม่ดี ซึ่งคนที่ฟังผมอยู่ตอนนี้อาจจะว่าผมหน้าตัวเมีย ไม่แมน ทำไมต้องแฉผู้หญิง แต่เวลานั้นมันด้วยความมีอารมณ์ มันเป็นการแสดงออก มันเป็นความรู้สึกที่คนอื่นไม่เข้าใจ และความจริงบางอย่างเราพูดไม่ได้ พูดไปเขาก็เสีย เราเสีย ไม่มีใครดีขึ้น และหลังจากนั้นโพสต์ไปมีคนเข้าใจผิด อันนั้นไม่เกี่ยวกับเขาแหละ ถือว่าคนดูคนอ่านเข้าใจผิดไปเอง”

ไทม์ไลน์เมื่อปลายปีขอหย่า

“ใจจริงไม่อยากตอบ มันเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว แต่ที่หย่าเดือนสิงหาคม มันสุดทางแล้ว  มันมีเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตัวเขาเองก็อยากหย่า คนที่เป็นสามีภรรยากัน มันถึงวันที่มันไปต่อไม่ได้ ก็ต้องหย่า เป็นเรื่องธรรมดา ผมยืนยันว่าผมไม่เคยมีกิ๊ก”

เขาบอกว่าเราไปอาบอบนวดแล้วก็มีกิ๊กก่อนเคยเลิกไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็ยังมีครั้งที่ 2 เราก็ยังไปคุยกับคนอื่นอีก เขาเลยทนไม่ได้

“อาบอบนวดผมไปจริงครับ ไปคุยงาน รุ่นพี่รู้จักกับเจ้าของก็ไปคุยงานปกติ ไม่ได้ทำอะไร แต่ผมเข้าใจ คนที่ก้าวเดินเข้าไปในห้าง คนก็คิดว่าเราไปซื้อของอยู่แล้วแหละ อันนี้คือผมไม่ได้โกหกใช่ไหม แล้วก็เรื่องที่มีกิ๊ก ตั้งแต่คราวที่แล้ว ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่ามี เป็นเรื่องธรรมดาที่สามี-ภรรยา มีอะไรให้สงสัย ก็คิดว่ามีกิ๊กหรือเปล่า แต่การตีความก็ได้หลายแบบอีก เพราะฉะนั้นการที่เราจะไปสงสัยว่าแฟนเรามีกิ๊ก ก็ไม่ใช่เรื่องผิดนะ สามีสงสัยภรรยา ภรรยาสงสัยสามี เรื่องธรรมดา ที่นี้ก็อยู่ในเรื่องของการตีความแล้ว อาชีพที่ภรรยาเก่าทำ มันเป็นอาชีพที่อยู่ในสื่อ เพราะฉะนั้นการพูด หนึ่งคำ มันออกไปอีกเยอะ ออกไปทั่วประเทศได้ แล้วมันก็ส่งผลต่อชีวิตเหมือนกัน ผมโดนด่า แล้วผมรู้สึกว่าไม่ควรโดนตำหนิแบบนั้น แต่มันก็ผ่านมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปรื้อฟื้น”

ตัวเรามั่นใจใช่ไหมว่าก่อนจะหย่า เราไม่ได้มีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง

“ ไม่มีครับ อ้อ เมื่อกี้พูดถึงเรื่องน้องที่อยู่ในแชท น้องกิ๊ฟ คือไม่อยากพูดชื่อ เพราะเขาเป็นน้องที่เราสนิททั้งคู่ ทั้งน้ำหวาน และผม แล้วก็ข้อความนั้นส่งไปจริงครับ ส่งไปบอกว่า น้องกิ๊ฟ พี่จะหย่ากับน้ำหวานแล้วนะ หาแฟนให้พี่หน่อย”

ตอนนั้นเราพูดด้วยอารมณ์โมโหหรือจากใจจริงเรา

“ ไม่ เวลาคุยผมเป็นคนใจเย็นมาก ผมไม่ได้ปากเสียหรือปากหมาเหมือนที่ทุกคนมอง (ตอนนั้นอารมณ์แซวเล่น?) ก็มีแซวเล่น เราสนิทกับเขา บุคลิกผมเป็นคนคุยเล่นอยู่แล้ว ไม่แปลกที่ผมจะพูดกับพี่ๆว่า สัมภาษณ์เสร็จแล้วหาสาวให้ผมหน่อยนะ เป็นสิ่งธรรมดาที่ออกจากปากผม มันเป็นการคุยเล่นกันอะ แล้วก็ไม่ได้คาดหวังว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น ถ้าจำไม่ผิดน่าจะวันที่ 27 สิงหา หย่าวันที่ 28 สิงหา ถามว่าอันนี้เป็นชนวนไหม ไม่มีทางเป็นชนวนแน่นอนครับ เราไม่สามารถหย่ากันด้วยการตัดสินความผิดในวันเดียวได้”

ได้คุยไหมว่าทำไมแชทหลุดไปอยู่ในมือ “น้ำหวาน”

“ไม่ได้ถามครับ เพราะไม่ได้คิดว่าน้องเขามีจุดประสงค์ไม่ดี เราไม่รู้ว่าจุดประสงค์คืออะไร แต่เขาไม่ใช่คนไม่ดี อาจจะมีความไม่สบายใจอะไรเปล่า ที่อยู่ดีๆแฟนพี่เราทักมาหาเรา ก็เรื่องธรรมดา ผมไม่ได้อึดอัดใจกับเรื่องนี้ ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดด้วยซ้ำ สำหรับผมนะ แต่ถ้าคนมองว่า พี่ณัฐ มีกิ๊ก เพราะไปส่งหาใครก่อนหย่าวันหนึ่ง จริงๆมันมีรายละเอียดมากกว่านั้น มากกว่าเรื่องนี้

ก่อนหน้านี้ทำไมไม่ยอมหย่า จนยืดเยื้อมาถึงเดือนสิงหาคม

“คนเรา พอวันที่เราจะหย่า มันมีความสลด ผมไม่เคยอยากหย่าเลยครับ และผมไม่ได้คิดว่าผมทำผิดเยอะขนาดที่ผัวเมียต้องหย่ากัน มีน้อง 2 คน ผมไม่ขอเอ่ยชื่อ เป็นน้องในวงการคนหนึ่ง แล้วก็นอกวงการคนหนึ่งบอกกับผมว่า พี่นัทอย่าเพิ่งหย่านะ เดี๋ยวหนูคุยให้ เผื่อว่าเรื่องมันจะดีขึ้น ก็เป็นน้องที่ให้คำแนะนำได้น่ารัก ผัวเมียเขาทะเลาะกันแล้วอยากจะหย่ากัน อยู่ดีๆมาเป็นคนกลางมาสานสัมพันธ์ให้เรามันเป็นเรื่องที่ดีมาก เป็นสิ่งที่เราควรเอามาเป็นแบบอย่างที่ดี (เขาเป็นกาวใจ?) ใช่ครับ”

ที่เขาบอกว่าเราไม่ได้ซัพพอร์ตอะไรเขาเลย

"อยู่กันมาขนาดนี้ผมไม่ต้องตอบคำถามนี้แล้วครับ"

มันมีประเด็นตรงที่เราไปบอกว่าเขาคบกับไฮโซปลอม แล้วเขาเลยถามกลับมาว่า “น้ำหวาน” อยู่กับคุณก็ไม่เคยซัพพอร์ตอะไรเลย

"โอเค สามี – ภรรยาก็ต้องซัพพอร์ตกันอยู่แล้ว ผมก็มีธุรกิจที่บ้าน ธุรกิจที่สร้างขึ้นมาเอง ธุรกิจที่ทำกับเพื่อน วันนึงที่เราแต่งงานกันเราก็ต้องซัพพอร์ตแฟนเรา ส่วนคำว่าไฮโซปลอม ผมขอพูดตรงนี้ว่าผมขอโทษทั้งภรรยาเก่า ทั้งแฟนใหม่ของเขา อาจจะเป็นคำพูดที่มาจากความโกรธ มาจากความน้อยใจ มาจากความอึดอัด ถ้าคนที่ฟังการสัมภาษณ์นี้แล้ว อยากให้ฟังผมว่าอะไรที่ทำผิดผมยกมือยอมรับผิด วันนี้ผมขอโทษ ไว้ว่าจะจริงหรือปลอมผมไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขา ผมขอโทษครับ"

จริงไหมที่บอกว่าไม่มีสินสอดตอนแต่งงาน

"วันแรกเราคุยกันกับแม่กับภรรยาเก่า เขาบอกว่าเขาไม่เอาเงิน ผมรู้สึกว่าเราไม่ได้คิดผิดเลยเขาแต่งงานกับผู้ชายคนนึงเขาไม่ได้คาดหวังเงิน ไม่ได้หวังทรัพย์สิน เป็นแม่ลูกที่น่ารักมากๆ เราคิดถูกแล้วที่เราเลือกเขามาเป็นภรรยา แต่ก็มีสิ่งนึงที่คุยกันไว้ถึงความฝันของผู้หญิงคนนึงก็อาจจะอยากได้บ้าน ก็คุยกันมาตลอด ผมก็ใช้ช่วงเวลานึงเพราะแต่งงานกันมา 2 ปี แล้วก็ค่อยๆ เก็บตัง ก็มีการคุยกันตลอดว่าเมื่อไหร่จะซื้อ เมื่อไหร่จะทำ จนถึงวันที่ต้องทำก็ทำเรื่องกู้บ้านแล้ว พร้อมทุกอย่าง แต่แค่ไม่ได้ซื้อเพราะว่าเกิดเรื่องก่อน”

แล้วเขามีการทวงถามไหมเรื่องบ้าน

"ก็มีครับ เป็นปกติเป็นคนที่ยังคุยกัน แต่ก่อนเรายังสามารถโทรหากันได้ ก็ต้องถามคิดปัญหาอะไรบ้าง พอเราอธิบายถึงปัญหาก็มีเถียงกันบ้าง แต่สรุปคือไม่ได้ซื้อ"

การที่เราไม่ซื้อบ้านให้เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจหย่าด้วยไหม

"ไม่ทราบครับ"

“น้ำหวาน” บอกว่าเขาไม่พอใจที่เราไปด่าแม่เขา

"ผมยกมือสาบานวันนี้ว่าผมไม่เคยด่าแม่ ผมไม่เคยแช่งให้แม่ตาย ถ้าคำพูดนี้ออกมาจากปากเพื่อนคนไหนที่ผมไม่ทราบให้เขากลับไปเคลียร์กับเพื่อนเขาซะว่าประโยคนี้ออกมาจากผมจริงเท็จขนาดไหน บางทีเราฟังข้อความ 2-3 ครั้งข้อความอาจจะเปลี่ยนก็ได้ จริงๆเรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่สุดที่ผมอยากออกมาพูดเพราะว่าเราโดนเลี้ยงดูมา เรามีการศึกษาที่โดนสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กตั้งแต่เกิดว่า เราต้องเคารพผู้ใหญ่  บุพการีเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเรา และผมก็ยังคงติดต่อแม่ภรรยาอยู่ เพราะฉะนั้นไม่เคยแช่งยืนยันด้วยเกียรติของลูกผู้ชายไม่เคยแช่ง ไม่เคยด่าครับ”

ที่ติดต่อคุยกับแม่คู่กรณีตั้งใจไปขอโทษหรือคุยกันปกติ

"ไม่ได้ไปขอโทษ เพราะว่าผมไม่ได้ด่าเขา ไม่มีอะไรต้องขอโทษ"

อย่างแม่เขาได้ถามบ้างไหม ว่ามันมีข่าวนี้ได้ยังไง แม่เขาได้มีการเล่าให้ฟังไหม

"เราไม่พูดเรื่องนี้ เพราะเราถือว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับภรรยา ไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ แต่การที่แม่รับฟังข่าวสารหรืออะไรก็ชั่ง มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาต้องได้ข่าวอยู่แล้ว (ยังติดต่อแม่เขาอยู่?) ผมไม่ได้ติดต่อในแบบที่ แม่ครับผมไปหาแม่ทุกวันนะครับ ไม่ใช่ คือมนุษย์เรามันไม่ต้องเลิกกันแล้วต้องเกลียดกัน มนุษยธรรมมันก็ยังมีอยู่ ก็ยังเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เรายังเคารพอยู่ตลอดเวลา"

แต่อย่างที่เราโพสต์ล่าสุด ผัดสะตอกุ้ง มีการมองว่าไปพาดพิงเขา

"ก็ลงอยู่ในหรอบเดิม ดร.นัทหน้าตัวเมีย ทำไมต้องเอาเรื่องผู้หญิงมาแฉ ทำไมไม่หยุดสักที ผมหยุดตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้ว ผมก็สงสารตัวเองเหมือนกัน แต่ในการสงสารตัวเองเราก็คิดเหมือนกันว่า อ้าว! ก็เราทำเองนี่หว่า เราโพสต์จริง ผมถึงบอกว่าที่เคยไปว่าใครไม่ดีก็ขอโทษถ้าเคยแซะใครก็ขอโทษ มันไม่ตรงใจใครได้ทั้งหมด แต่อยากจะบอกว่า สิ่งที่จะทำให้ผมสบายใจมากขึ้นเพราะผมอึดอัดมาตลอด เมื่อคืนผมก็นอนตอน 6 โมงเช้า ผมอึดอัดเรื่องนี้เพราะว่า คนก็ยังพูดเรื่องเดิม แต่ไม่แปลกหรอก ก็เราทำเลว รับผลก็แค่นั้น แต่แค่จะบอกว่า ณ วันนั้นที่หยุดไปแล้ว ไปแซะต่อ จนมาถึงเรื่องสะตอกุ้ง เพราะว่าผมโกรธมาก ตอนแรกนะ แต่หลังจากที่ตั้งสติได้ก็ไม่โกรธ แค่มานั่งคิดว่า เอ้อ...เอาอีกละ บางทีเราก็ทำไปโดยไม่คิดอีก แล้วก็คาดหวังว่านี่มันจะเป็นบทเรียนในอนาคตผมว่าต่อไปเวลาเราจะทำอะไรก็ต้องคิดให้มากขึ้น เพราะมันส่งผลกระทบกับเราจริงๆ แล้วที่โพสต์ไปนั้นมันเป็นการระบายอารมณ์ มาจากความกดดันและอึดอัดมาตลอด 4 เดือนที่เราหยุดแล้ว แต่ทำไมวันนี้เรื่องพวกนี้ตีกลับมาหาผม มันส่งผลกับการดำเนินชีวิตและธุรกิจ”

แสดงว่าวันที่หย่ากันไม่ได้มีข้อตกลงกันว่าห้ามพูดถึงกัน ได้คุยกันไหม

"เราไม่มีทางที่จะบอกว่าเราห้ามว่าใคร เพราะเราบังคับใครไม่ได้ เราบังคับปากใครไม่ได้ เราบังคับเหตุการณ์ในอนาคตไม่ได้"

เราไม่คุยกับเขาไหมตอนหย่า หรือหย่าคนละที

"ไม่ต้องคุย เพราะว่าตอนที่ไปหย่า ไม่ได้อยู่ในอารมณ์โกรธทั้งคู่ มีพยานเป็นเพื่อนเรา เป็นเพื่อนเขาไป จริงๆก่อนหน้าหย่าก็ยังนัดทานข้าว เขาก็ยังเป็นคนที่น่ารักเหมือนเดิม (ความรู้สึกกับเขาวันนี้?) ก็เป็นคนที่แยกทางกันครับ ไม่ได้รัก"

ยังสามารถเป็นเพื่อนกันที่ดีต่อกันได้ไหม หรือว่าการที่มีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นมันทำให้เราต้องโต้ตอบกันไปมา

"ผมไม่อยากโต้ตอบ วันนี้ถ้ามีอะไรที่คนฟังได้ฟังแล้วไม่เข้าใจ ผมก็ให้เขาไม่เข้าใจต่อไป เพราะว่าผมพูดความจริงแล้ว ผมพูดในฝั่งของผมแล้ว ไม่ว่าเขาแล้ว (จะไม่โพสต์ ไม่ตอบโต้อีก?) ถ้ามันมีการโพสต์ให้ระลึกไว้ว่าผมไม่ได้แซะเขาแล้ว ผมอาจจะแซะเพื่อนผมเอง(ยิ้ม) จะอะไรก็ชั่ง คือวิถีชีวิตเราบางทีเราคุยกับเพื่อน การล้อเล่น ทำนู้นทำนี่ไป ไม่ได้ไปแซะใครตลอดชีวิตหรอก ผมเป็นคนไม่เคยโกรธใครนานอยู่แล้ว"

วันนี้ให้สถานะเขาคืออะไร หลังจากหย่ากันแล้ว

"ก็เป็นภรรยาเก่าที่รู้จักกัน ถ้าวันหนึ่งขอความช่วยเหลือ ถ้าช่วยอะไรได้ก็ช่วย เพราะวันที่ไปหาแม่ของภรรยาเก่าก็ช่วยเหลืออะไรได้ ก็ช่วยเหลือได้ในฐานะคนนอกครับ ในฐานะอดีตลูกเขย ถามว่ายังช่วยเหลือแม่เขาอยู่ไหม นิดหน่อยครับ ไม่เยอะ.

ที่ผ่านมาเราทำหน้าที่สามีให้คะแนตัวเองกี่คะแนน

“ไม่กล้าให้คะแนน เพราะเกณฑ์มาตรฐานของแต่ละคนไม่เท่ากัน (เราทำว่ามันดีขนาดไหน?) ผมคิดว่าผมดีกว่ามาตรฐาน ผมให้คะแนนตัวเองน้อยมาก เพราะถ้ามันเยอะกว่านี้อาจจะไม่ต้องมีประเด็นให้มานั่งคิดก็ได้ว่าเขาทำไมต้องทำแบบนี้ ผมพยายามที่จะปลงทุกอย่าง ก็เลยให้คะแนนตัวเองน้อยๆไปเลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องไปโทษใคร โทษที่ตัวเอง”

มันมีผลกระทบกับครอบครัวยังไงบ้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น?

“มันไม่ได้กระทบกับครอบครัว มันกระทบกับตัวเอง ก็คือเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องธุรกิจกระทบไหมเหรอ จริงๆสามี-ภรรยาทะเลาะกัน ไม่น่าจะมีผลกับธุรกิจ แต่มันมีข้อความอื่นๆที่อาจจะพาดพิงถึงเรา มันก็มีความเกี่ยวข้องอยู่ เพราะเราทำธุรกิจอยู่”

เขาบอกว่าเรายืมเงินเพื่อนเขาไปดาวน์รถ เรื่องจริงไหม

“มันเป็นดีลของการทำธุรกิจร่วมกัน บางคนอาจจะมองว่าเป็นการยืม บางคนอาจจะมองว่าเป็นการหุ้น แต่สุดท้ายมันมีการแบ่งผลประโยชน์และแบ่งกำไรกันแล้ว ก็จบกัน ก็ไม่น่าจะเป็นประเด็นอะไร (ตกลงกันชัดเจน?) ใช่ครับ เจนชัดครับ”

กับเรื่องประเด็นคบซ้อน ที่คนมองว่า “น้ำหวาน” คุยกับ “แชมป์” ก่อนเลิกกับเรา

“เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ไม่น่าจะต้องพูดถึง ไม่พูดถึงดีกว่า (ติดใจไหม?) ตอนนี้ไม่ได้ติดใจครับ เพราะมันผ่านมา 4 เดือนแล้ว”

เขายืนยันว่าไม่ได้คบซ้อน เรามองยังไง

“ก็ให้เป็นคำยืนยันของเขาครับ เพราะว่าผมจะไม่พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเขา”

ตอนนี้ขัดแย้งกันสองฝ่าย เรามองว่าเราใสสะอาดกับเรื่องนี้ไหม?

“ผมใสมาก ผมมั่นใจ ผมกล้าพูด แต่เขาก็อาจจะใสในทางของเขา ผมก็ใสในทางของผม มันกำกวมใช่ไหม (ยิ้ม) ผมยืนยันว่าผมพูดความจริง (ทำหน้าที่ของสามีเก่าได้ดีเท่าที่จะทำได้?) ใช่ครับ”

ทำไมมีบางเรื่องที่เราไม่อยากพูด

“พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ พูดไปก็ทำร้ายกันเอง”

แล้วที่เราบอกว่าความจริงอยู่ในไอจี คืออะไร

“อาจจะไม่มีอะไรมาก ผมแค่ไม่เคยลบรูปในไอจีแม้จะเลิกกันแล้ว คนก็จะบอกว่าผมแซะอีกแล้ว ทิ้งท้ายอีกแล้ว ไปตามหาโน่นนี่ แล้วจะให้ผมพูดอะไร พูดทางซ้าย พูดทางขวา ก็บอกว่าไม่แมน ผมเปิดเผยความจริงก็บอกว่าไม่แมน ผมไม่พูดกลายเป็นผมอึดอัด ผมต้องยอมรับในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ ความยุติอยากให้เกิดกับเขา ความยุติอยากให้เกิดกับคนของเขา และความยุติอยากให้เกิดกับผมด้วย”

แถลงข่าววันนี้เรามีความหวังดีให้กับเขา

“ผมมีความหวังให้กับทุกคน ผมถึงพูดได้เต็มปากว่าสิ่งที่ผมเคยพูดไป ผมขอโทษ”

คิดว่าการออกมาพูดวันนี้มันจะจบไหม

“ไม่ทราบครับ แต่ผมจบ ผมเหนื่อย”

จะไม่โพสต์อะไรที่สื่อถึงเขาอีกแล้ว

“เราไม่โพสต์ว่าถึงเขาอยู่แล้ว (ที่ผ่านมามีอารมณ์โกรธ เลยโพสต์?) ใช่ครับ”

อ่านคอมเมนต์ที่เข้ามาต่อว่าเราไหม

“ก็มีหลายอารมณ์ บางอารมณ์ก็รู้สึกสนุกดี ก็มีตอบกลับ แต่ผมไม่ได้เป็นคนที่นั่งด่าคน บางทีฟังแล้วก็ เอ้อ..อะไร ทำไมต้องทำแบบนี้ แต่สุดท้ายก็มานั่งคิดว่ามันเป็นผลของการที่ไปทำเอาไว้ ก็ต้องยอมรับ แต่ก่อนที่จะโพสต์ทุกข้อความ คิดดีแล้ว ทราบถึงผลที่จะตามมาและยอมรับ ถ้าผิดก็คือผิด อยากจะพูดนิดนึง คนในโซเชียลทั้งพูดถึงผมและภรรยาเก่า ตัวผมเองเป็นคนที่ไม่เคยจะฟ้องใครจากการโดนด่า เพราะมันเป็นการระบายอารมณ์ของคนบางคน เพียงแค่อยากบอกว่าถ้าจะคอมเมนต์ถึงผม ถึงผู้หญิง อยากให้เขาให้เกียรติเราและผู้หญิงด้วย คือไม่ได้ไปทำร้ายใครอะไรขนาดนั้น ดังนั้นต้องให้เกียรติคนที่เราพูดถึงด้วย อย่าหยาบคาย”

มีอะไรฝากไปถึงเขาไหม ซักนิดนึง มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เราจบแล้ว ได้เคลียร์ตัวเองแล้ว

 “ไม่ครั้งสุดท้ายหรอกครับ ไม่ครั้งสุดท้ายเพราะว่า เมื่อเวลาผ่านไป คนเราที่เคยโกรธเคืองกันก็ต้องได้วนกลับมาเจอกัน แล้ววันหนึ่งอาจจะได้กลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็ได้ และเราก็เคยมีช่วงเวลา 8 ปีที่คบกัน วันนี้ก็แค่อยากให้เขาใช้ชีวิตให้มีความสุขในสิ่งที่เขาเลือก อยากให้คนที่ดู ที่ไม่ได้ชอบและเห็นด้วยกับทางเขายังคสนับสนุนเขาอยู่ เรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานคนละเรื่องกัน ถ้าวันนึงเขมีผลงานดีๆ ออกมา มีคุณภาพก็ควรสนับสนุนในฐานะนักแสดงในอาชีพของเขา”

เหมือนชื่อเพลงเลย เลิกกันทั้งที่ยังรัก

“ตอนนั้นเลิกกันทั้งที่ยังรัก แต่ตอนนี้ไม่ได้รักแบบเดิม แต่ยังมีความห่วงใยในแบบที่ คนจะบอกว่าผมย้อนแย้ง เราเลิกก็ห่วงได้ เราก็ยังห่วง ถ้าวันนึงเขาเกิดอะไรขึ้นมา ผมก็ยังเป็นคนนึงที่เป็นคนโทรไป (เป็นคนคอยซัพพอร์ตอยู่?) ผมซัพพอร์ตทุกคนที่ผมรู้จักและสนิท”

สภาพจิตใจของนัทตอนนี้เป็นอย่างไร

“ก็โอเค จนมาไม่โอเคเมื่อไม่กี่วันนี้แหละ ที่เรารู้สึกอึดอัด ผมไม่ได้โกรธ ไม่ได้เคือง ไม่ได้อยากออกมาแฉหรือตีแผ่อะไร อยากจะระบายในฝั่งของตัวเองว่าเราก็อึดอัดและอยากจะหยุดแล้ว ถามว่าเข็ดกับชีวิตคู่หรือเปล่าไม่เข็ดหรอกครับ มนุษย์ก็ต้องมีความรัก เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องแต่งงานมีลูกเป็นธรรมดา ทั้งตัวเราก็ตัวเขา จุดจบเหมือนกัน คือเรามีครอบครัวที่มีความสุข (ตอนนี้ก็มูฟออนแล้ว?) มูฟออนมาได้ 2 เดือนแล้วครับ 2 เดือนแรกจมกองเลือด"

 เริ่มต้นใหม่เลยไหม

 “นี่ไง (หัวเราะ) ก็ถามและพูดคำเดิมว่าพี่มีแนะนำให้ผมไหมครับ ผมก็ถามคำเดิม”

 

 

 

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ