อดีตนักร้องดัง “ลานนา คัมมินส์” แจงเหตุหายจากวงการ เผยเคยคิดสั้น เพราะโรคซึมเศร้า


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“ลานนา คัมมินส์” อดีตนักร้องดัง เจ้าของเพลงฮิต “ไว้ใจได้กา” เปิดใจสาเหตุหายหน้าจากวงการบันเทิง เผยถึงการรักษาอาการป่วยซึมเศร้า รับเคยคิดสั้นหลายครั้ง

สู้มา 3 ปี “ส้ม มารี” เผยอาการโรคซึมเศร้าดีขึ้น

“เอิน กัลยกร” แชร์ประสบการณ์ป่วยซึมเศร้า เผยชีวิตมีความสุขอีกครั้ง

หากย้อนเวลากลับไปคงไม่มีใครไม่รู้จักเพลง ไว้ใจได้กา ของนักร้องสาว ลานนา คัมมินส์ ที่วันนี้เจ้าตัวจะมาเปิดใจครั้งแรกหลังตัดสินใจออกจากวงการบันเทิงนานกว่า 10 ปี ใน คุยแซ่บshow พร้อมเผยถึงการรักษาอาการป่วยซึมเศร้านานนับ 10 ปี เคยคิดสั้นมานับครั้งไม่ถ้วน

ตอนนั้น 2547-2550 ดังมาก แล้วจู่ๆก็หายไป

“เป็นเด็กต่างจังหวัด พอมาอยู่กรุงเทพฯ หลายๆ อย่างมันแตกต่างจากที่เราโตมา ก็อยากกลับบ้าน เกิดที่กรุงเทพฯ แต่ว่าโตที่เชียงใหม่ ถามว่าตั้งใจจะออกจากวงการไหม มันก็ไม่ใช่ แต่มันถึงจุดที่ว่าพองานมันน้อยลง เราก็คิด ตัดสินใจเรากลับไปอยู่บ้านดีกว่า เพราะในใจเราคิดว่าต้องการกลับไปเติมอะไรบางอย่าง”

แต่มีกระแสลือกันว่าออกจากวงการเพราะว่าอ้วน

“ออกจากวงการเพราะว่าอ้วนไหม คือจริงๆไม่ใช่อยู่ดีๆ ตื่นมาแล้วจะอ้วน มันก็ไม่ใช่ ด้วยระยะเวลามันก็เพิ่มไปเรื่อยๆ ถามว่าออกจากวงการเพราะอ้วนไหม มันก็ไม่ใช่”

เรารู้สึกเปรียบเทียบไหมว่าทำไมเรารูปร่างไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นในวงการ

“มีอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นลูกครึ่ง ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนเจ้าเนื้อ ตอนนั้นที่ออกอัลบั้มก็ยังมีไปดูดไขมันเลย เพราะรู้สึกว่าใหญ่ ก็คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิง มันเป็นปมมาตั้งแต่ตอนเด็กแล้ว เรียนหนังสือมาจะถูกล้อมาตลอดว่าอ้วน มันก็เลยคิดอยู่เสมอว่าอ้วน ช่วงแรกๆ ไม่เข้าใจ ด้วยวัฒนธรรมที่มันแตกต่างกันด้วย ก็จะร้องไห้ คุยกับแม่ ก็จะคิดว่าทำไมคนใจร้ายจังเลย แม่ก็จะคอยบอกตลอดมันเป็นเรื่องธรรมดาลูก คนไทยเขาไม่ถือกันถามว่าคำไหนที่เจ็บ คือหลายครั้งที่มันก็เจ็บ แต่ว่าจำไม่ได้ เพราะเลือกที่จะไม่จำมากกว่า”

แล้วเหตุผลจริงๆที่เราออกจากวงการคืออะไร

“เพราะตอนนั้นนามาอยู่กรุงเทพฯคนเดียว แล้วต้องมาทำงานอย่างเดียว แล้วมันค่อยๆ เก็บสะสมความเครียด สะสมหลายๆ อย่าง พอมันเครียดก็เลยกลับบ้านดีกว่า เหงาค่ะ ตอนนั้นอยู่เป็นคอนโด คือมันไม่ได้คุยกับใคร (อยู่ด้วยตัวเองนานกี่ปี?) ก็ 3 - 5 ปี ถามว่าอะไรทำให้เหงา มันไม่รู้จะทำไม กลับไปอยู่กับแม่ดีกว่า มีปฏิเสธงานบ้าง เพราะมันต้องไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ เดิมทีที่มีมันหมดไปแล้ว”

รู้สึกเหงา รู้สึกเศร้า จนเป็นโรคซึมเศร้าเหรอ

“ในตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่ามันคือโรคซึมเศร้า ยังไม่ได้หาหมอ แล้วเราคิดว่าคงไม่ใช่หรอก ปฏิเสธไม่ยอมรับความจริงไปสักพักนึง พอมันเกิดเหตุการณ์แรก เหตุการณ์สอง ลองไปอยู่วัดมาแล้ว มันก็ไม่ดีขึ้น ส่วนใหญ่ตอนนั้นใช้ชีวิตอยู่บ้าน อยู่ในห้อง พอกลับจากกรุงเทพฯ อยู่แบบระแวงคน คือคนเข้ามาเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอาเรื่องเราไปพูดไหม เขาจริงใจไหม อะไรต่างๆ มันเกิดความระแวงก็เลยเก็บตัวอยู่คนเดียว”

ความซึมเศร้าที่เกิดขึ้นมันหนักถึงขั้นทำร้ายตัวเองเลย

“เคยคิด คือจะปล่อยทุกอย่างหมดแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกอาจจะเกิดจากความน้อยใจ อารมณ์ชั่ววูบ แต่ครั้งที่สองเกิดจากคำพูดของคนที่ใกล้ชิดกับเรามากระทบเรา (มีทั้งหมดกี่ครั้ง?) 3 ค่ะ แต่ครั้งที่ 3 ไม่ได้อยากตายนะ แค่อยากให้เสียงต่างๆที่อยู่ในหัวให้มันเงียบเฉยๆ

นาคิดว่าอารมณ์แบบอยู่คนเดียว อารมณ์ที่เรารู้สึกว่าเราเดียวดาย ครั้งแรกเป็นความรู้สึกที่มันเดียวดายมาก ก็กินยาทั้งพารา ทั้งยานอนหลับกินหมด ตอนนั้นอายุ 20 ต้นๆได้มั้ง ครั้งที่สองทำร้ายตัวเองโดยการกรีดข้อมือประมาณ 8 เข็ม เพื่อนมาเจอในห้อง ครั้งแรกกับครั้งที่สองห่างกันไม่ถึง 2 ปี”

มาถึงตรงนี้สามารถพูดมันได้ด้วยรอยยิ้ม

“เพราะมันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เลือกที่จะเป็น คืออาการป่วยนี้ไม่ใช่กินยาเม็ดเดียวแล้วจะหายได้ สิ่งที่เคมีมันไม่สมดุล มันคืออาการป่วยที่ต้องการการรักษาอย่างจริงจัง ต้องทานยา ต้องพบแพทย์ และที่สำคัญเลยคนรอบข้างสำคัญมาก ถ้าเกิดนาไม่มีครอบครัว ไม่มีพี่ชาย ไม่มีเพื่อนที่น่ารักที่คอยอยู่เคียงข้าง นาก็คงผ่านมาไม่ได้”

บางคนสงสัยว่ามันเป็นเรื่องอกหักไหมหรือเป็นเรื่องครอบครัว

“มันเป็นเรื่องในครอบครัว พี่ชายกำลังจะกลับมาจากต่างประเทศ แล้วแม่ก็พูดบางอย่างที่ คือเราก็รู้นิสัยแม่เราว่าเขาเป็นยังไง แต่ ณ ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจ แล้วก็สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นแม่ก็พูดว่าทำไมต้องทำอะไรโง่ๆ”

ถ้ามองย้อนกลับไปนาวิเคราะห์ได้ไหมว่า เป็นสิ่งที่มากระทบเราหรือเกิดจากตัวเรา

“ในชีวิตนาเวลามีอะไรเกิดขึ้น นาจะโทษตัวเองตลอด เป็นเพราะเราทำ เป็นเพราะเราไม่มีค่า แต่ว่ามันเป็นมุมมองที่มันไม่ใช่ ทุกอย่างโลกมันไม่ได้หมุนรอบตัวเรา ล่าสุดที่นาพยายามคิดสั้นก็คือเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ซึ่งตอนนั้นทะเลาะกับแฟน อย่างที่บอกมันมีเสียงในหัวเยอะมาก บอกให้เราทำนู่น ทำนี่ แล้วเราก็เลยอยากให้มันเงียบ และวิธีเดียวที่ทำให้มันเงียบได้ ก็คือทำร้ายตัวเอง

พี่ชายพาไปหาหมอ พี่ชายบอกว่าอาการแบบนี้มันไม่ใช่แล้ว เพราะว่าแฟนเก่าพี่ก็ป่วยอยู่ พี่ก็เลยมีประสบ การณ์อยู่ระดับนึง พี่ก็เลยบอกว่าต้องไปหาหมอนะ ก็เลยไปพบหมอ คือมันไม่ใช่รักษาแปปๆแล้วหาย ก็คืออาจจะต้องกินยาไปจนตายก็ไม่เป็นไร จริงๆเราไม่ได้ผิดปกติ เพียงแค่ว่าเราป่วย พอได้ยามาทานมันทำให้เคมีมันบาลานซ์  อารมณ์มันไม่สวิง

ตอนนี้ไม่ได้อยากตาย ไม่ได้อยากตายมานานแล้ว เพียงแต่ว่สมันเป็นอาการจัดการกับอารมณ์ตัวเองไม่เป็น ตอนนี้ต้องดูแลในเรื่องของอารมณ์เฉยๆ ว่าพออารมณ์มันพีคทำยังไงเพื่อให้มันลดลงมา ก็ต้องให้คนรอบข้างช่วย ทีแรกที่นาทำร้ายตัวเอง แม่ไม่เข้าใจ คนยุคนั้นอาจจไม่รู้จักกับโรคนี้ เขาก็รับมือกับมันไม่ได้ อย่างรอบล่าสุดพี่ที่สนิทกันเขาก็อธิบายให้แม่ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ก็ถามว่าควรทำยังไงดี แม่ก็อยากจะช่วย นาก็จะบอกแม่วันนี้ลูกดาวน์มากเลย ลูกแย่มากเลยวันนี้แม่ก็จะเดินเข้ามาหาแล้วก็เข้ามากอด แล้วก็บอกว่าไม่เป็นไรนะลูก เดี๋ยวมันก็ดี และทุกอย่างเปลี่ยน ไม่ใช่แค่แม่อย่างเดียว ตอนนี้เรามีพี่ชาย แล้วก็มีเพื่อนที่เป็นเพื่อนแท้ เพื่อนที่รักเราจริงๆคอยอยู่เคียงข้างเรา

ใครที่อาจจะมีอะไรที่คล้ายๆกัน ว่าคุณไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีอีกหลายๆคนที่เป็นเหมือนกัน แล้วทุกอย่างต้องดีขึ้น ขอให้รักตัวเอง”

 

 

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ