"ติ๊ก" ร้องไห้! โหยหา ยิ่งเจอ ยิ่งคิดถึง ฝันอยากให้ลูกมานอนค้างด้วย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“ติ๊ก - กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ” เปิดใจทั้งน้ำตา ยิ่งเจอลูก ก้ยิ่งคิดถึง โหยหาอยากให้มานอนค้างด้วย เผยลูกขึ้นยืนได้เพราะลูก เผยพกขวดนมลูกติดตัวเป็นกำลังใจ งดพูดเรื่องหนี้ ไม่อยากย้อนกลับไป ไม่อยากเจ็บปวดอีก ชมอดีตสามีเป็นคนดี

“ศรราม” โฟกัสแค่ลูก คุย “ติ๊ก” ทำหน้าที่พ่อ-แม่ให้ดีที่สุด

เปิดประวัติ ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์

มูฟออนเดินหน้าแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด สำหรับ ติ๊ก - กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ หรือ ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ อดีตภรรยาของ หนุ่ม – ศรราม เทพพิทักษ์ หลังจากแยกออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ก็เร่งสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่อพิสูจน์ตัวเอง รวมไปถึงทำให้อดีตสามีมั่นใจเพื่อจะได้เจอหน้าลูกสาว จนสามารถได้เจอลูกน้อยอยู่เรื่อยๆ ล่าสุด ติ๊ก ได้เปิดใจถึงการได้เจอลูกสาว และอัปเดตชีวิต 9 เดือนที่ผ่านมาว่า

“ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์” สุดดีใจ “ศรราม” พาลูกสาวมาเจอแล้ว

ความสุขใจของแม่! “ติ๊ก” ขอบคุณ “ศรราม” พาลูกสาวมาเจอ มีกำลังใจสู้ต่อ

เป็นยังไงบ้างที่ผ่านมามีโอกาสได้เจอน้องแล้ว

“ก็ดีใจค่ะ เอาจริงๆติ๊กต้องบอกก่อนว่าการที่เราทำผิดพลาดมา แล้วเราได้รู้จักปรับปรุงแก้ไขตัวเอง แล้วพี่เขาก็สบายใจขึ้น ไว้วางใจติ๊กมากขึ้น อย่างที่เห็นเมื่อก่อนได้เจอลูกยากมาก เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าเรานิสัยยังไง ปรับปรุงตัวแล้วหรือยัง หรือจะมีอารมณ์ยังไง แต่ว่าวันนี้เราได้เจอลูกอาทิตย์ละครั้ง ติ๊กก็ดีใจ แฮปปี้ คนเป็นแม่เนอะ เฝ้ารออยากจะกอดลูกทุกวันแหละ”

ตกลงวันกันยังไง

“ก็ได้เจอวันที่เราสะดวก และพี่เขาสะดวกค่ะ”

ได้เจอ “หนุ่ม” ด้วยไหมเวลาเจอกับลูก

“ติ๊กจะบอกแบบนี้ว่าบางทีพี่หนุ่มงานก็เยอะ แต่เมื่อก่อนติ๊กงานไม่ค่อยเยอะ เวลาที่ได้เจอลูกก็จะเจอพี่หนุ่มได้น้อยครั้งบ้าง แต่เวลาเราจะคุยกัน ปรึกษาหารือในการตกลงที่จะเจอลูกพี่หนุ่มก็จะมาคุย และไม่ได้มีท่าทีที่ไม่ดีเลย เขาก็น่ารัก เอาจริงๆติ๊กไม่ได้อวยเขานะ ติ๊กคบกับเขามาเป็นสามีภรรยา พี่หนุ่มเป็นคนดีในความรู้สึกของติ๊กนะ แต่ผิดก็ว่าไปตามผิด เราเคยผิดมาก่อน เพราะฉะนั้นความรักมันอาจจะลดลงไปและไม่เชื่อใจ เพราะว่าเราเป็นคนทำผิด

แต่วันนี้ติ๊กก็ออกมายืดอก สารภาพความผิดต่อวงการบันเทิงว่าติ๊กได้ทำผิดอะไรไปแล้วบ้าง ติ๊กเลยต้องแลกกับเรื่องลูกมันทรมานอยู่แล้ว แต่ถ้าติ๊กไม่แก้ไขเลย  ทำตัวแย่เหมือนเดิม ติ๊กอาจจะไม่ได้เจอลูก เพราะพี่หนุ่มเป็นคนที่รักลูกมาก แต่วันนี้เอาง่ายๆชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรสบาย ยิ่งทำผิดพลาดมาแล้วด้วย ติ๊กก็ต้องพิสูจน์ด้วยการใช้เวลา อดทน ใช้เวลาแก้ไขตัวเอง อะไรที่ดีติ๊กทำ พูดดี คิดดี อะไรที่ไม่ดีติ๊กละเลิก

วันนี้ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่ผ่านมาหลายคนอย่กสัมภาษณ์ติ๊ก ในช่วงเวลาที่ติ๊กไม่เข้มแข็งจริงๆ แล้วก็เวลาที่ติ๊กไปออกรายการ พี่ๆก็ตามไปสัมภาษณ์ แต่จิตใจยังไม่เข้มแข็ง อารมณ์สวิง ไม่รู้ว่าเดี๋ยวพูดอะไรไปดีหรือไม่ดี มันจะกลายเป็นว่าการเจอลูก การพิสูจน์ตัวเองแย่อีก แทนที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ อันนี้ติ๊กคิดไปเอง แต่พอวันนี้ติ๊กเข้มแข็งแล้วทั้งกายและใจ ติ๊กคิดว่า 9 เดือนที่ผ่านมาได้พัฒนาตัวเอง ทั้งวุฒิภาวะทางอารมณ์ วุฒิภาวะทางหน้าที่การงานติ๊กก็ทำได้ดี อันนี้ติ๊กมั่นใจ วันนี้ติ๊กก็พร้อม ถ้าเรื่องไหนที่พี่ๆสื่อถาม แล้วติ๊กวิเคาระห์แล้วว่าควรจะตอบ ตอบแล้วมีผลกระทบต่อบุคคลที่ 3 ติ๊กไม่ตอบ แต่ถ้าตอบแล้วไม่มีผลกระทบติ๊กจะตอบ แต่ถ้าเรื่องลูก เรื่องติ๊กตอนนี้มันเป็นสัณญาณที่ดีในการเจอลูกบ่อยขึ้นแล้ว เดี๋ยวถ้าเราทำอะไร พูดอะไรตามอารมณ์ ไม่คิด ไม่วิเคราะห์ มันจะกลายเป็นว่าแทนที่จะดีขึ้น มันจะแย่ลง”

ใจจริงอยากจะขอ “หนุ่ม” ให้น้องมานอนค้างคืนกับเราไหม

“อันนั้นเป็นสิ่งที่ฝันมาตั้งแต่วันแรกที่ออกมาจากบ้านแล้ว 7 วันรู้แล้วว่ามันโหยหาลูกมาก (ร้องไห้) ลูกจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีอกของเรา ลูกจะนอนผวาไหมถ้าไม่มือของเรา มันเซนซิทีฟ มันเป็นเรื่องที่เซ็นซิทีฟนะคะ จริงๆไม่อยากจะร้องไห้แล้ว พอถามเรื่องลูก มันเป็นแผลที่อยู่ในใจ แล้วที่ติ๊กไม่อยากให้สัมภาษณ์ มันจะกลายเป็นว่าเปิดแผลตัวเอง แล้วเราก็จะเจ็บเอง เลยไม่อยากให้สัมภาษณ์ แต่ว่าอยากนอนกับลูกตั้งแต่คืนแรกที่ออกมาแล้วนะคะ”

พอได้เจอลูกแล้วเป็นยังไงบ้าง

“ยิ่งเจอยิ่งทรมานค่ะ ตอนแรกเราคิดว่าการเจอแล้วจะดีขึ้น แต่มันไม่ใช่ มนุษย์ทุกคนเวลารวยแล้วก็อยากจะรวยเพิ่ม ติ๊กเป็นแม่คน ถ้ามันไม่ใช่คำว่าแม่มันจะไม่โหยหาเพิ่มค่ะ แต่วันนี้เราเป็นแม่คนแล้ว เมื่อก่อนเราเป็นลูกคน เราไม่มีหรอกความรู้สึกนี้ แต่วันนี้เราเป็นแม่คนแล้วนะคะ ยิ่งเจอยิ่งโหยหา ยิ่งเจอยิ่งคิดถึง”

ลูกเป็นกำลังใจให้เราเดินหน้าต่อไป

“คือทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแรงเหวี่ยงให้เราสู้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นกระแสดราม่า หรืออะไรก็แล้วแต่ วีจิอยู่ในใจ ไปไหนก็เอากระป๋องนมไป จะบอกว่าเป็นงานแรกเลยที่มีสัมภาษณ์ ใจยังสั่น มันต้องมีอะไรของลูกมา เพราะว่า 9เดือนที่ผ่านมาติ๊กยืนอยู่ได้เพราะเด็กหญิงวีจิเท่านั้น ติ๊กสู้ทุกอย่าง พยายามทุกอย่าง พยายามไม่เจ็บไม่ปวด พยายามต่อสู้ หางาน เก็บเงิน ไลฟ์ขายของเล็กๆน้อยๆติ๊กเอาหมดเลย สู้ทุกอย่างเพราะวีจี เพราะฉะนั้นทุกอย่าง กำลังใจที่ทำให้ติ๊กดีขึ้นมาถึงวันนี้เพราะวีจิเลยค่ะ”

ขวดนมน้องพกติดตัวตลอด

“ขวดนมเอาไว้ที่บ้าน งานแรกต้องพกไปด้วย เพราะว่ามันเหมือนกำลังใจ พอมีเขาอยู่ หรือได้เห็นหน้าเขามันคือกำลังใจ มันคือสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่มาจากตัวติ๊กเอง ให้ติ๊กคำนึงว่า วันนี้ติ๊กยืนอยู่ตรงนี้ มีหน้าที่การงานที่ดีขึ้น มีผู้ใหญ่ที่เขากล้าให้โอกาสติ๊กมากขึ้น แต่เรื่องครอบครัวติ๊กก็ต้องวิเคราะห์ พิจารณาในการจะพูดหรือตอบ วันนี้ 9 เดือนแล้ว ถ้าเรายังพูดไม่รู้เรื่อง ตอบไม่รู้เรื่องอีก สื่อก็จะได้อะไรที่ไม่รู้เรื่องเหมือนตอนแรกๆ เพราะฉะนั้นติ๊กจะพูดอะไร ต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าพูดออกไปมันจะดีกับตัวเราเองไหม หรือว่ามันจะไปก้าวก่ายทำให้บุคคลที่3 เสียหายไหม หรือไปทำให้ใครเดือดร้อนหรือเปล่า เราก็ต้องคิดพอจาณาให้ดี”

พอเขาได้เจอเรา ลูกมีปฏิกิริยายังไง

“เขาก็จำได้ ตอนแรกติ๊กกลัว ด้วยความเป็นแม่ไม่ได้เจอลูกมานานก็เลยกลัวว่าลูกจะลืมเรา แม่ทุกคนกลัวหมดแหละ แต่ด้วยสัญชาตญาณของแม่ยิ่งเจอยิ่งมีความมั่นใจว่าลูกไม่ลืมติ๊กหรอก”

ปกติวิดีโอคอลคุยกับลูกทุกวันไหม

“ปกติคอลคุยทุกวันค่ะ แต่มีบางวันที่มีงาน วิจิจะตื่นเช้า ช่วงเวลา 5-6 โมงเป็นเวลาที่เด็กต้องกินข้าวนอน เราก็จะรู้ว่าเวลาไหนควรคอล เวลาไหนไม่ควร แต่ช่วง 3 วันที่ผ่านมาติ๊กค่อนข้างมีงานเยอะก็ไม่ได้คอล แต่ปกติจะคอลทุกวันค่ะ”

เรายังโหยหาความเป็นครอบครัวอยู่ไหม

“เรื่องนี้ติ๊กไม่ได้คาดหวัง คิดว่าถ้าอะไรใช่คือใช่ ถ้าอะไรเป็นของเรามันก็เป็นของเรา แต่ถ้าอะไรที่ไม่ใช่เราจะไปคิดว่ามันใช่ของเรามันก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นติ๊กคิดว่าวันนี้ทำดี คิดดี พูดดี แล้วก็อยู่ในส่วนของเรา ปฏิบัติแก้ไขให้ดี ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ทำหน้าที่การงาน ตั้งใจทำงาน เก็บเงิน ดูแลตัวเองให้ดี เพื่อวันหนึ่งลูกโตขึ้นมานะได้ประคับประครองเขาได้ แล้วอย่ากลับไปผิดพลาดซ้ำๆอีกก็พอแล้วค่ะ”

ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีไหม

"อันนี้ติ๊กไม่ทราบเลยค่ะ เอาจริงๆ นะ แล้วติ๊กก็เข้าใจว่าติ๊กโทษตัวเองมาตลอดที่ลูกต้องเป็นแบบนี้เพราะแม่ผิดพลาด ที่พี่เขาต้องเป็นแบบนี้แล้วทำแบบนี้เพราะเราทำผิดพลาด ทุกอย่างมันจบแล้ว ติ๊กคิดแค่นี้ ไม่ต้องการเรียกร้องอะไรแล้ว ก็ขอให้มันเป็นไปตามวันและเวลาที่เหมาะสม ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ"

ได้มีปรึกษาเรื้องการเลี้ยงดูลูกบ้างไหม อย่างเรื่องการเข้าโรงเรียน

"ก็มีปรึกษาบ้างค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการตัดสินใจหลักๆ เลยก็ให้พี่หนุ่มเป็นคนเลือกดีกว่า ติ๊กยังเคารพและรักเขาเหมือนเดิม เขาเป็นผู้ใหญ่มากกว่าติ๊กถึง 10 ปี ติ๊กเคารพการตัดสินใจทุกอย่างของพี่เขาค่ะ"

เล่าถึงโมเมนต์ตอนที่เจอกัน 3 คน พ่อแม่ลูก เป็นยังไงบ้าง

“ก็คุยกันแต่เรื่องลูก เรื่องส่วนตัวเราไม่ได้คุยกันมานานแล้วค่ะ และติ๊กก็เป็นคนที่รู้เรื่องว่าตอนนี้เราอยู่ในสถานะอะไร และเราเคยทำอะไรมาบ้าง ติ๊กแยกแยะออก เข้าใจ และรู้ว่าตัวเองควรจะอยู่ตรงไหน”

ได้ทำอะไรให้น้องไว้บ้างไหม

“ก็มีบ้าง ขอเก็บไว้เป็นความลับนะคะ เวลาติ๊กพูดอะไรไปติ๊กลัวว่าถ้าเราพูดเยอะแล้วเราทำไม่ได้ เราก็จะเกมเหมือนครั้งที่แล้ว ติ๊กกลัวมากว่าตัวเองจะกลับไปเป็นแบบคราวที่แล้วอีก ชีวิตทุกวันนี้อยากจะมีหลักฐาน ติ๊กเพิ่งรู้สัจธรรมข้อนีงว่าชีวิตคือการต่อสู้ ถ้าจะเป็นนักสู้ก็ต้องเจอปัญหาเยอะแยะมากมาย และถ้าเรายังคิดจะสู้ แต่ไปชีวิตเราจะหอมหวานแน่นอน”

9 เดือนที่ผ่านมาเราได้ตกตะกอนกับการใช้ชีวิตยังไงบ้าง

“9 เดือนที่ผ่านมา ตอนแรกคิดว่ามันโหดร้ายมาก ทำไมต้องเกิดกับเรา แต่พอคิดไปคิดมาคือเราเป็นคนผิด ถ้าเรายอมรับในสิ่งที่เราผิดจากใจจริงๆ จะได้สัจธรรมว่าการเป็นคนใหม่มันดีกว่าเดิม ได้แก้ไข ปรับปรุงตัวเอง ไม่ต้องคาดหวังอะไร ทำชีวิตให้ดีขึ้น ทำผิดให้น้อยลง มีสัจจะ วาจา ตั้งเป้าหมายไปให้ถึง อดทนต่อสู้ เท่านั้นเอง และก็ไม่เบียดเบียนใคร"

พัฒนาการของน้องตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

"วีจิคือพูดช้าแต่เดินเร็วมาก เดินขวบหนึ่งกับอีกหนึ่งเดือน ติ๊กมั่นใจว่าลูกติ๊กพูดได้ เพราะตอนอยู่กับติ๊กเขาก็พูดเป็นคำๆ แต่อารมณ์เขาเหมือนเป็นศิลปินไง ถามว่าเรียกแม่ได้หรือยัง ยังไม่ได้ค่ะ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คือทุกคนก็อยากจะฟังลูกเรียกคำว่าแม่แหละ แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ซีเรียส วันนี้เราได้แค่ไหนเราเอาแค่นั้น อย่าเกินตัวมันจะเจ็บ เราแค่ตั้งใจทำวันนี้ให้ดี ตั้งใจทำงาน ทำโอกาสให้มันดีที่สุด แล้วเราจะไม่เสียดาย อย่างติ๊ก โอโห้ มันหายากมากเลย ตอนแรกใครจะจ้างงานติ๊ก จะมีคนคอยเทอนว่า เชื่อใจได้เหรอ แต่วันนี้ติ๊กผ่านคำพูดนั้นมาหมดแล้ว”

วันนี้คือตั้งหลักให้ตัวเองได้แล้วใช่ไหม

“อยู่ได้แล้ว ติ๊กยินด้วยขาตัวเองได้แล้ว คือวันนี้ติ๊กแข็งแกร่งและเข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม ติ๊กไม่ได้มีอคตินะ ใจติ๊กจะบอกกับทุกคนเสมอว่าติ๊กอยู่บนพื้นฐานของความรักในส่วนของตัวเอง ไม่พูดให้ร้ายใคร อะไรที่เราผิดก็โฟกัสที่เราผิด แค่นั้นก็จบแล้วค่ะ ต่อไปทุกคนก็จะได้เห็นภาพของคนที่แก้ไขมันจะดีขึ้น ภาพของคนที่แก้ตัวจะมองไม่เห็นอะไรเลย"

ตอนนี้ทำงานเก็บเงินอย่างเดียว

"ทำงานเก็บเงินอย่างเดียวค่ะ 50 บาทก็เก็บหมด หนูจะมีเงินฝากเข้าบัญชีลูกแบบไม่ถอน มันอาจไม่ใช่เงินเยอะมากเพราะต้องฝ่าฝันอุปสรรคมันยากมากเลยนะคะ วันนี้ 50 บาท 100 หรือ 200 บาท ก็เยอะมากแล้วค่ะ"

ตอนนี้หนี้ที่มีหมดหรือยัง

"ติ๊กไม่อยากจะย้อนเรื่องหนี้เนอะ เพราะเคยพูดไปแล้ว ไหนๆตอนนี้มันก็ดีขึ้นแล้ว ให้มันเป็นพาร์ทที่ติ๊กตั้งหลักหางานหาเงินได้ดีกว่า ติ๊กเคยบอกไปแล้วว่าหนี้หมดแล้ว"

เราสัญญากับตัวเองเลยใช่ไหมว่าจะหันหลังให้กับสิ่งไม่ดี

"ติ๊กเคยพูดไปแล้ว ก็ไม่อยากพูดซ้ำๆ มันเหมือนเป็นการกรีดมีดลงบนแผลตัวเอง จากนี้ก็ขอทำงานเก็บเงินต่อไปค่ะ ติ๊กมั่นใจว่าหนูจะเก็บเงินได้เยอะแน่ๆ เพราะหนูก็มีความสามารถ และเชื่อว่าความสามารถของติ๊กทำให้ติ๊กหมดหนี้และรอดตายมาได้ ทำให้ติ๊กมีที่นอนดีๆ มีข้าวกิน วันนี้มันดีขึ้นมากแล้วค่ะ"

เราก้าวผ่านเรื่องราวแย่ๆมาได้ยังไง

"อันดับแรกเลยคือเราต้องยอมรับความผิดของตัวเองก่อน ไม่โทษอะไรเลย อย่าไปโทษอะไรทั้งนั้น การโทษอะไรคนอื่นมันจะแก้ที่ตัวเองไม่ได้ ติ๊กโทษตัวเองและยอมรับในความไม่ดีของตัวเอง และติ๊กก็ค่อยๆ แก้ไขทีละขั้น และอดทน ถ้าเราผ่านมันไปได้ชีวิตจะดีขึ้น ติ๊กอยู่ตรงนี้ตรงที่มีแสงสว่าง ถ้าไม่แก้ไขสภาพมันจะแย่ลง วันนี้กับวันนั้นต่างกันมากเลย การตอบพี่ๆนักข่าวก็ดูต่างกันมาก แสดงว่าติ๊กสู้และผ่านตรงนั้นมาได้ สอนตัวเอง ด่าตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง เคยติดโน้ตเต็มกระจกหมดเลยและค่อยๆ ทำทีละข้อ อันไหนทำได้ค่อยดึงกระดาษลง แต่มันมีกระดาษใบหนึ่งที่ดึงยากมาก ก็คือลูก ติ๊กก็ยังติดเอาไว้เหมือนเดิมเพราะเราไม่สามารถทิ้งลูกได้ ทุกอย่างอยู่กับลูก และติ๊กมีทุกอย่างได้ก็เพราะวีจิ"

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ