“หนุ่ม ศรราม” เคลียร์ปมร้อนกับอดีตภรรยา เปิดใจตอบให้อภัยอีกฝ่ายได้ไหม!


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“หนุ่ม - ศรราม เทพพิทักษ์” เปิดใจเคลียร์ทุกประเด็น หลังอดีตภรรยาไลฟ์แฉ เผยโกรธที่สุดเรื่องสมบัติลูก ลั่นตอนนี้ยังให้เจอลูกไม่ได้

ดูเหมือนว่ามหากาพย์ระหว่างอดีตคู่สามี-ภรรยา หนุ่ม - ศรราม เทพพิทักษ์ และ กุ้งพลอย กนิษฐรินทร์ หรือ ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ จะไม่จบลงง่ายๆ หลังต่างฝ่ายต่างออกมาตอบโต้กันผ่านโซเชียล ล่าสุด ศรราม ก็ได้ออกมาเปิดใจเคลียร์ทุกประเด็นใน คุยแซ่บshow ว่า 

ไลฟ์แรกของภรรยาคุณบอกว่าคุณไม่ให้เจอลูกจริงไหม

“ก็ 10 เดือนไม่ยอมให้เจอลูกเลย ต้องเรียนแบบนี้ว่าตั้งแต่เราแยกทางกัน ผมเนี่ยให้พบลูกเดือนละ 2 ครั้ง โดยผมมอบหมายให้ที่ปรึกษาทางกฏหมายเป็นคนประสานงานในการพบลูกทุกครั้ง เพราะบางทีผมทำงานอาจจะไม่สะดวก 

“หนุ่ม ศรราม” ฟาดกลับ ปาหลักฐาน ใช้หนี้แทน "ติ๊ก"

“ติ๊ก” โชว์ผลตรวจสารเสพติด พร้อมเป็นแม่ที่ดี วอนสามีหยุดโจมตี แล้วไปโฟกัสลูก

คราวนี้อย่างที่เคยบอกเราไปเจอกันที่ร้านอาหารที่เคยทานกันเป็นประจำ ครั้งที่ 2 คุณติ๊กก้ไปร้องมูลนิธิ ผมก็ให้ที่ปรึกษาทางกฏหมายไปดูปรากฏว่าสถานที่ก็ไม่ค่อยจะสะอาดเท่าไหร่ คุณติ๊กก็ให้คนที่มูลนิธิไปติดต่อประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับสิทธิสตรีและเด็ก ผมกับที่ปรึกษาทางกฏหมายก็ไปดูสถานที่มันดูสะอาดสะอ้านก็เลือกตามความประสงค์ของคุณติ๊ก ก็เลยเอาวีจิไปเจอที่นั่น

พอไปได้ 1 ครั้ง ครั้งที่ 2 คุณติ๊กก็ไม่พอใจสถานที่อีก ก็บอกว่าขอกลับมาเจอที่ร้านอาหารได้ไหม ผมก็พามาเจอ ปรากฏว่าคุณติ๊กพาบุคคลภายนอกที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน เขามาบอกผมว่าต่อไปไม่ให้มาเจอที่ร้านอาหารแล้ว ให้ไปนอนที่ห้องติ๊กเลย ผมก็เรียนผู้หลักผู้ใหญ่ท่านนั้นว่าผมไม่รู้จักท่าน แล้วผมก็มีสิทธิ์ในการดูแลลูกอยู่แล้วแล้วผมก็ไม่รู้ว่าจะมานั่งพูดกับท่านทำไม เพราะว่าผมมีหน้าที่เอาลูกมาเจอแม่ แล้วผมก็บอกคุณติ๊กว่าผมไม่มีความประสงค์จะให้บุคคลภายนอกมาพบลูก ที่พาลูกมาคืออยากให้คุณติ๊กมีเวลาอยู่กับลูก

คราวนี้ครั้งต่อมา รู้สึกว่าคุณติ๊กไม่สบาย เขาก็แจ้งผ่านที่ปรึกษาทางกฏหมายมาว่าขอไม่เจอ ไปเจออีกเสาร์นึง พอมาเจอมันจะใกล้ๆวาเลนไทน์ คุณติ๊กก็ไปเอาดอกไม้ไปโรยทั้งชั้นของร้านอาหาร แล้วก็มาโรยที่รถตู้ผม ผมก็แค่บอกว่ามันสิ้นเปลืองไหม เราก็เข้าใจความเป็นแม่ว่าอยากจะฉลองวันวาเลนไทน์กับลูกเขาบอกมาอย่างนั้น คราวนี้ที่ปรึกษาทางกฏหมายกับผมมานั่งคุยกันว่าน่าจะให้เขาเจอกันมากขึ้นเนอะ เพราะผมก็เห็นว่าวีจิก็ดีใจ ติ๊กก็ดูดีเวลาอยู่กับลูก ก็เลยคุยกับคุณติ๊กว่าจะเดือนละ 2 ครั้งเป็นเดือนละ 4 ครั้ง ทุกวันเสาร์ แต่ที่เจอเปลี่ยนเป็นที่คอนโดของผมที่คุณย่าเคยอยู่ ก็จัดที่ทางไว้ให้ ครั้งแรกอาจจะไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรแต่ก็สะอาดสะอ้าน เขาจะได้มีความเป็นส่วนตัว เขาจะได้นอนกอดกัน มีสระว่ายน้ำ สวนหย่อมเป็นที่เป็นทาง พอบอกเสร็จวันนั้นคุณติ๊กก็บอกว่าวันนี้ขอพาลูกไปเซ็นทรัลได้ไหม ผมก็ถามว่ามีตังติดตัวหรือเปล่า เขาก็ว่ามี เขาก็พาไปก็เป็นอย่างที่ผมสัมภาษณ์ไปว่า พอแยกกันปุ๊ปก็มีคนโทรมาหาผมเลยว่าคุณติ๊กยืมสตางค์ไป 5,000 เป็นเพื่อนรุ่นพี่เขาที่เรารู้จักกันทั้งคู่ เขาโทรมาว่าคุณติ๊กยืม ผมก็คืนให้ทันทีเพราะเห็นว่าเขาพาลูกเราไป”

“ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์” สุดดีใจ “ศรราม” พาลูกสาวมาเจอแล้ว

ได้คุยไหมว่าทำไมบอกเราว่ามีแต่ไปยืมเงินคนอื่น

“ผมไม่ได้ถาม ที่มันเป็นประเด็นกันอยู่นี่แหละ”

ทุกครั้งที่มาเจอลูกทำกิจกรรมอะไรทุกอย่างแฮปปี้ราบรื่น

“ทุกครั้งอย่างที่บอกว่าผมให้ที่ปรึกษาทางกฏหมายเป็นคนประสาน คราวนี้หลังจากไปเซ็นทรัล สัปดาห์ต่อมา 20 มีนาคม เราทราบแล้วว่าจะไปหาหมอด้วยกัน เป็นคุณหมอที่ดูแลเรื่องพัฒนาการเด็ก ซึ่งคุณแม่เขาควรรับรู้ด้วยว่าวีจิจะเป็นยังไงบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะไม่ตรงกับที่ไลฟ์แล้วว่าทำไมพัฒนาการลูกช้ากว่าคนอื่น”

ทำไมเขาถึงออกมาไลฟ์ 2 ชั่วโมงเต็มๆ แล้วพูดถึงแต่เรื่องพัฒนาการลูก

“ผมก็ไม่ทราบ ต้องเรียนว่าจากที่เราตกลงกันแล้วว่าจะเจอลูกเดือนละ 4 ครั้ง แล้วมาเจอกันที่คอนโด แต่เผอิญเสาร์ 20 มีนาคม เราพาลูกไปหาหมอด้วยกัน สัปดาห์ถัดมาเสาร์ที่ 27 ผมจะพาลูกไปเที่ยวเขาใหญ่ ก็เลยให้ที่ปรึกษาทางกฏหมายแจ้งคุณติ๊กว่าเสาร์นี้ไม่ว่างให้มาพบลูกวันอังคารแทน คุณติ๊กก็ส่งข้อความมาวันเสาร์ 27 ว่าเขาไม่เอาลูกแล้วนะ ไม่ใช่เรื่องแปลกเป็นเรื่องปกติ คือเมื่อใดก็ตามที่คุณติ๊กไม่สบอารมณ์หรือมีอะไรที่ทำให้เขาไม่ถูกอกถูกใจ ประโยคนี้จะถูกพุดอยู่เสมอ บ่อยๆ พี่เอาลูกไปเลย หนูไม่เอาแล้ว จนครั้งนี้เขาบอกพี่ก็ทำหน้าที่แม่ได้ดีอยู่แล้วนี่ พี่เอาลูกไปเลย แล้วหนูขอบล็อกทุกคนแล้วกันนะ”

แสดงว่าเขารู้จุดอ่อนของพี่ว่าถ้าเขาพูดประโยคนี้ขึ้นมาจะต้องยอมทำตามที่เขาต้องการไหม

“ไม่ใช่ ต้องบอกว่าวันที่ 27 ติ๊กเพิ่งจะออกมาให้สัมภาษณ์และให้ข้อมูลว่าเขาไม่ทราบว่าที่ปรึกษาทางกฎหมายเลื่อนเพราะว่าเขาบล็อก ไลน์ที่ปรึกษาทางกฎหมาย แต่เมื่อที่ปรึกษาทางกฎหมายก็ต้องเป็นคนประสานงานและเวลาที่จะเจอ แต่ตัวคุณติ๊กไปบล็อกแล้วคุณติ๊กจะรู้ไหม”

“ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์” ขอบคุณ “ศรราม” มีความสุขมาก ได้เจอลูกสาวอีกครั้ง

ก็เลยทำให้เขาโกรธ แล้วเขาออกมาไลฟ์ว่าของไม่มีโอกาสเจอลูก

“คือเราประสานงานกันผ่านที่ปรึกษาทางกฎหมายแล้วคุณจะไปบล็อกเขาทำไม ส่วนข้อสองคุณบอกว่าคุณไม่เอาลูกแล้วแล้วคุณขอบล็อกทุกคนในวันที่ 27 มีนาคมคราวนี้พอถึงวันเกิดลูกวันที่ 8 เมษาผมก็ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกสิ ผมก็ไม่ได้พาลูกออกไปใส่บาตรเพราะไม่กล้าพาออกไปข้างนอกเพราะโควิดเริ่มมาแล้วก็ฉลองกันในบ้านเงียบๆ ตอนนี้ก็อยู่ๆ มีไลฟ์ของคุณติ๊กออกมาเลย"

“หนุ่ม” มารายการของเราหลายรอบแล้วและต้องมาพูดถึงเรื่องนี้บ่อยครั้งมากถามจริงๆว่าเหนื่อยไหม

“ผมต้องขอโทษแฟนๆ ทุกคน (ยกมือไหว้) ด้วยครับคือพูดเรื่องเดิมไม่รู้ว่าแฟนๆ จะเบื่อหรือเปล่า คือต้องบอกแบบนี้ รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นทุกครั้งในการเจอลูก มันไม่ได้ถูกพัฒนาหรือแก้ไขปรับปรุงแต่ทางที่ดีเลย เรามารายการนี้กี่ครั้งก็พูดอยู่แต่อย่างนี้ ทั้งทั้งที่ผมพยายามทำดีที่สุดแล้ว แต่คือมันก็ไม่ได้ถูกแก้ไขปรับปรุงแล้ว ถามว่าผมทำงานเลี้ยงลูก เลี้ยงแม่ เลี้ยงครอบครัวสถานการณ์บ้านเมืองเป็นโรคระบาดแบบนี้ละครก็ไม่ได้ถ่าย คอนเสิร์ตก็ไม่ได้เล่น มาไลฟ์อะไรที่คุณติ๊กทำแล้วเป็นประโยชน์ดีต่อตัวคุณติ๊ก คุณติ๊กทำเลย แต่อะไรที่มันไม่ใช่ความจริงแล้วคุณติ๊กทำแล้วมาทำร้ายลูกกับทำร้ายผม ผมต้องชี้แจง"

เรื่องที่เขาบอกว่าคนอื่นอาจจะต้องกลัวพระเอกคนนี้ แต่เขาไม่กลัว เขากุมความลับไว้อยู่ ความลับอะไร

“ไม่รู้ (หัวเราะ) ความลับอะไรอ่ะ ต้องให้เขาเอาออกมาดูว่าความลับอะไร”

เวลาเขาไลฟ์แล้วเขาบอกว่า “หนุ่ม” อยู่ในสังคมกินไวน์ ติดเหล้า การที่พ่อคนนึงจะเลี้ยงลูกแล้วติดเหล้าจะเลี้ยงลูกได้เหรอ

“เรียนแบบนี้ครับ ว่าเราเป็นพ่อคนแล้วเราอายุป่านนี้แล้วอายุแล้วก็ความเป็นพ่อมันทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว ว่าอะไรควรทำหรืออะไรไม่ควรทำอะไรดีอะไรไม่ดีผิดชอบชั่วดีรู้อยู่ (ลึกๆ กลัวโดนแฉไหม?) ไม่กลัวครับ เพราะว่าไม่มีอะไร ไม่ได้ทำอะไรอ่ะทำงานแล้วกลับไปหาลูกไม่ได้ออกไปไหนเต็มที่ก็ไปใส่บาตร”

มีเรื่องประเด็นเขากับแฟนคลับเราด้วย  

“เรื่องแฟนคลับ ผมลงรูปวีจิธรรมดา แล้วมีไลฟ์ของติ๊กออกมา ผมชี้แจงกับนักข่าวไปส่วนหนึ่ง ก็ลงรูปวีจิปกติแล้วก็มีคอมเมนต์มาให้กำลังใจและพูดเป็นนัยๆ ว่ามีปัญหาธุรกรรมการเงินกับติ๊ก แต่เขาไม่พูดชื่อ เขาก็เข้ามาเป็นคอมเมนต์นึง ไม่รู้ใครแคปมาให้ผมดู มันเป็นเพจของคุณติ๊กขึ้นว่าดำเนินคดีอดีตคืออดีต ปัจจุบันคือปัจจุบัน

จากนั้นก็มีโพสต์แชทที่ติ๊กคุยกับแฟนคลับและหลักฐานการโอนตังค์ ผมรู้พร้อมทุกคน แฟนคลับไม่ได้พูดอะไร แต่คุณติ๊กจะดำเนินคดีเขา เขาเลยเอาแชทออกมาให้ดู มีการยืมเงิน ฝ่ายแฟนคลับโอนตังค์ให้คุณติ๊ก แฟนคลับไม่ได้เป็นคนเริ่มต้นจะไปฟ้องติ๊ก แต่ติ๊กอ่านคอมเมนต์แล้วจะไปดำเนินคดีเขา ผมได้แต่บอกว่าขอโทษ ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน เพิ่งจะมาทราบและเป็นกำลังใจให้(รอบนี้จ่ายให้เขาไหม?) เก็บไว้บ้าง (หัวเราะ) คืนให้เยอะแล้ว”

อดีตภรรยาบอกแฟนคลับว่าติดโควิด

“อันนี้น่าจะเป็นในอดีต ผมเห็นที่แฟนคลับโพสต์ว่าเขาเป็นโควิด แต่ตอนนั้นที่อยู่ด้วยกันไม่เป็นโควิด (เขาบอกว่าติดมาจากแมทธิว) เท่าที่อ่านคุณติ๊กบอกว่าเป็นโควิด ติดจากแมทธิว ที่สนามมวย แต่อีกฝ่ายออกมาแก้ แต่ผมเรียนตามตรงไม่มีใครติดโควิด น่าจะเป็นมูลเหตุอย่างหนึ่ง เป็นการสนทนาของติ๊กกับแฟนคลับ ผมไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงเพื่ออะไร”

เป็นช่วงที่บัญชีหาย ขายหน้ากากหรือเปล่า

“ช่วงเดียวกันครับ (มันเกี่ยวกัน?) ผมไม่ทราบ ถ้าเกี่ยวกันไหม เกี่ยวกับผมไหม ใช่ไหม (หัวเราะ)”

ทุกเรื่องที่สร้างมาเกี่ยวไหมกับเป็นโควิดด้วย ขายหน้ากาก

“เรางงเขาเป็นโควิดตอนไหน เขาไม่ได้เป็นโควิด”

อีกประเด็นคือเรื่องของมือที่สาม สาเหตุจริงๆที่ต้องเลิกรา ซึ่งคุณเคยออกมาพูดแล้วเพราะเป็นเรื่องของการติดหนี้การพนันและคนมาตามทวงที่บ้าน แต่ประเด็นที่ไม่เคยเคลียร์เลยคือเรื่องมือที่สาม

“ประเด็นสำคัญที่สุด คนมาทวงหนี้หน้าบ้านแล้ว ต้องเรียนแบบนี้นะครับว่าบัตรเอทีเอ็มผมหาย ผมก็ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เรื่องหน้ากาก ถ้าถามว่าผมโกรธเรื่องอะไร ผมโกรธเรื่องสมบัติของลูก ทองของลูก อย่างเรื่องต่างๆ ที่ออกไลฟ์ด่าผมก็ไม่โกรธ แต่ผมโกรธเวลาที่ไม่สบอารมณ์หรือไม่ถูกใจ ต้องบอกว่าพี่เอาลูกไปเถอะ พี่เลี้ยงเองละกัน พี่ไปเลี้ยงเลย นี่คือสิ่งที่มะนสะเทือนใจผมมากกว่า มันไม่ใช่เรื่องประชดประชัน เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เกิดครั้งแรก เกิดเป็นประจำเลยและผมบอกตรงๆ ว่าผมไม่ไหวแล้ว กับปัญหาที่เกิดขึ้น ผมไม่ไหว”

จะทนไปอีกถึงเมื่อไหร่

“ตอนนี้ผมก็ไม่ได้โพสต์แล้วนะ เพราะผมก็ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกแล้ว”

เวลาได้รับสารจากอดีตภรรยาที่บอกว่า ไม่เอาแล้ว พี่เลี้ยงเองแล้วกัน โต้ตอบกลับไปยังไง

“ผมพูดเสมอว่า สิ่งใดที่คุณติ๊ก จะทำอะไรก็ตามแล้วเกิดประโยชน์ เกิดผมดี คุณติ๊กทำไปเลย แต่สิ่งใดที่คุณติ๊กทำแล้วมันทำร้ายลูกกับผม ผมต้องออกมาชี้แจง เพราะทุกครั้งที่ออกมาไลฟ์ 2-3 วันก็ออกมาขอโทษ มันไม่ใช่ครั้งแรก มันเป็นปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขเลย”

คนเริ่มเข้าใจแล้วว่าเขาเป็นคนอย่างนี้ไม่ต้องแก้แล้ว

“ไม่ได้สิเพราะเราเป็นพ่อเป็นแม่คนแล้ว อย่างคำถามที่ว่าผมมีมือที่สามหรือเปล่า คำตอบคือคำตอบเดิม ขนาดเขาทำเรื่องแบบนั้นผมยังไม่เลิกกับเขาเลย แต่ผมเลิกเพราะมีคนมาทวงหนี้หน้าบ้าน ลูกไม่ปลอดภัย”

จากที่สัมภาษณ์และคุยกันหลายๆครั้ง แต่คุณจะเจ็บปวดที่สุดกับคำพูดที่เขาพูดว่าไม่เอาลูก เมื่อกี้เหมือนจะร้องไห้

“คือ ก็เขาบอกว่าเขาไม่เอาลูก ผมก็ต้องเลี้ยงลูก”

ยังยืนยันไหมว่าจะแก้ไขให้ “ติ๊ก” สามารถทำหน้าที่ในส่วนของแม่

“ครั้งนี้ผมบอกตรงๆว่าผมไม่ไหวกับการที่ทำแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่ไม่ถูกอกถูกใจ แล้วก็ออกมาแบบนี้ทุกครั้ง ผมไม่ไหวจริงๆ แต่ถามว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่ผมทำ ไม่ว่าจะให้ลูกเจอเดือนละ 2 ครั้ง เพิ่มเป็น 4 ครั้ง คุณติ๊กไปมูลนิธิผมก็ไป ไปหน่วยงานทางภาครัฐผมก็ไป ผมจัดการเจอ 4 ครั้ง ให้อยู่ที่คอนโด ทำความสะอาดคอนโด รีโนเวทใหม่ จะได้อยู่กอดลูก แต่นี่แค่ขอเลื่อนจากวันเสาร์เป็นวันอังคาร แล้วก็ไล่ลูก ไม่เอาลูก พอถึงเวลามาไลฟ์สดด่าผมสารพัด แล้วขอโทษก็จบกัน อะไรแบบนี้ ถามว่าจะทำยังไงต่อไป ผมก็ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูก”

มีข้อความที่เขาบอกว่าคนในวงการเลิกกันไม่มีใครมาโจมตี ไม่เอาเรื่องไม่ดีมาพูด เพื่อให้คนมารุมด่าแม่ของลูกแบบนี้ อยากให้นึกถึงลูก โตขึ้นมาเห็นจะรู้สึกยังไง

“ใครไปว่าคุณติ๊กเหรอครับ ผมไปไลฟ์สดว่าคุณติ๊กเหรอครับ ผมถามแค่นี้”

เตรียมคำตอบหรือป้องกันความรู้สึกลูกในอนาคตหากเห็นข้อความไว้ยังไง

“ต้องเตรียมครับ แต่วันนี้ยังไม่ได้เตรียมครับ วันนี้ก็คงต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดตามวัย แล้วค่อยๆปรับ   เพราะว่าเรื่องทัศนคติที่เราอยากจะให้…(นิ่ง) คือผมพูดตรงๆนะ แม่เจอลูกผมก็ดีใจ ลูกได้เจอแม่ผมก็ดีใจ ผมถ่ายละครทำงานมา 6 – 7 วัน เขาเจอกันสัปดาห์ละ 1 วัน แม่ได้เจอลูก ลูกได้เจอแม่ก็ดีใจ แต่ในเมื่อเขาพิมพ์มาว่าเขาไม่เอาลูก เขาบล็อกทุกคน แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมก็ต้องแก้ไปทีละเปาะๆ ไม่รู้จะแก้ไขกันยังไง ถามว่าเครียดแค่ไหน ก็ไมได้เครียดอะไรมาก แค่มาอธิบาย แค่นั้นเอง”

ล่าสุดใครที่ติดตามเขา จะเห็นว่าบล็อกบ้าง ไพรเวทบ้าง พอหลังจากหนุ่มชี้แจงก็เปิดเป็นสาธารณะแล้ว

“เป็นเรื่องปกติครับ โพสต์แล้วลบ พอมีอะไรก็ตู้ม เดี๋ยวก็ลบเป็นเรื่องปกติ”

ล่าสุดเขาเปิดยูทูบรายการของเขา

“เป็นช่องของวีจิครับ มีคนตามประมาณเกือบ 2 หมื่นแล้ว”

เขาออกมาไลฟ์ขอโทษแล้ว

“ผมไม่ค่อยได้ดูไลฟ์ ผมทำงานแล้วก็เลี้ยงลูก ผมก็รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง แต่อันนี้ไม่รู้”

(รายการเปิดคลิป ติ๊กขอโทษ) ได้รับคำขอโทษแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง

“รู้สึกว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ เป็นปกติ มันไม่ได้รับการปรับปรุงหรือแก้ไข”

แฟนๆ จะเข้ามาคอมเมนต์แนะนำทางฝ่ายนั้นว่า “หนุ่ม”เป็นคนเลี้ยงดูวีจิ และเลี้ยงดูแม่ ไม่อยากให้เกิดเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น เพราะการดิสเครดิตกันไปมา ไม่ส่งผลดีกับทั้งคู่

“ผมไม่ได้ทำอะไร”

แต่ถ้าวันหนึ่งเกิดไม่มีงานขึ้นมา คนหลงเชื่อว่าคุณไม่ดีแล้วไม่มีงาน ใครจะเลี้ยงวีจิ มีความคิดกับเรื่องนี้อย่างไร

“ผมก็จะต้องดูแลวีจิให้ดีที่สุด เพราะเชื่อมั่นว่า พี่อาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดี แต่เชื่อมั่นว่าเป็นพ่อที่ดี”

วันนี้ให้อภัยอดีตภรรยาหรือยัง

“(หัวเราะ) บางทีก็ไม่รู้เรื่อง คำขอโทษฟังจนชินแล้วครับ”

เรื่องอารมณ์แปรปรวนเป็นมาตั้งแต่รู้จักกันแต่แรกเลยไหม

“คือผมเรียนให้ทราบตรงนี้เลยนะครับ ถ้ามีอะไรไม่ถูกใจ ไม่สบอารมณ์เขามันก็จะเป็นแบบนี้แหละ เพียงแต่ผมพูดในลักษณะที่เราต้องการการแก้ไขและปรับปรุง ตอนนี้ผมต้องขอบอกว่าผมไม่ไหวแล้ว กับวันนึงเป็นอีกอย่าง ข้ามคืนกลายเป็นอีกอย่าง”

 มันเลยทำให้หลายๆคนห่วงวีจิมากๆ จะเป็นยังไงต่อ

“ก็ไม่ยังไง ผมก็จะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด เพราะเขาให้ผมเลี้ยง กลับกันนะ ที่เขาบอกเป็นห่วงวีจิ แต่ผมมีความรู้สึกว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็ต้องดูแลลูกให้ดีที่สุด ผมไม่ห่วงเรื่องลูกเลย ห่วงแต่อดีตภรรยาเท่านั้นแหละ(หัวเราะ)”

ให้อภัยไหม

“ผมถามกลับไปดีกว่าว่าทุกคนเห็นคลิปขอโทษ แล้วรู้สึกไหมว่ามันเป็นการขอโทษ หรือว่ามันเป็นการพูดไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้ไง”

หลังจากนี้จะให้โอกาสเขาได้เจอลูกอีกไหม

“ตอนนี้ทุกรายละเอียดมันถูกเก็บไว้หมดแล้วว่าเขาเขียนไลน์มาชัดเจนว่า ผมทำหน้าที่แม่ได้ดีอยู่แล้วก็ให้ลูกอยู่กับผม เขาก็ขอให้ทุกคนมีความสุขนะ แล้วเขาก็ขออนุญาตลบทุกคน ผมก็เอาตามที่เขาประสงค์ เพราะตั้งแต่เริ่มต้น ก็ไปตามที่เขาต้องการหมดทุกที่นะ ไม่ว่าจะมูลนิธิ ร้านอาหาร ก็ทำตามที่เขาต้องการ”

มันจะมีโอกาสกลับมาฟ้องร้องกันอีกไหม

“ผมจะไปฟ้องเขาได้ยังไง ส่วนเขาก็แล้วแต่เลย อยากจะทำอะไรทำเลย”

ถ้าเขาติดต่ออยากจะขอเจอลูก เราคิดว่าเราจะยังไง

“ตอนนี้ยังเจอไม่ได้หรอกครับ จริงๆนะ เพราะผมไม่ทราบว่าคุณติ๊กไปทำอะไรมาบ้างในแต่ละวัน ผมอยู่บ้านกับลูก เรารู้ชีวิตความเป็นอยู่กันในขณะที่มันมีโรคระบาดขึ้น แต่ผมไม่รู้ว่าในแต่ละวันคุณติ๊กไปทำอะไรมาบ้าง ช่วงนี้ผมก็ต้องขออนุญาตยังไม่ให้พบ เพราะด้วยสถานการณ์ของโรคระบาด ตอนนี้โควิด-19 มันรุนแรง สิ่งที่จำเป็นที่สุดในวันนี้ คือเรื่องนี้ ก็ไม่อยากให้ทุกคนต้องมาเครียดกับผม”

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ