มีทฤษฎีสมคบคิดมากมายเกิดขึ้นภายหลังที่ผลการประกวดมิสยูนิเวิร์สประจำปี 2020 ประกาศว่า ANDREA MEZA นางงามจากเม็กซิโก คว้ามงกุฎไปครอง ทั้งที่ในรอบตอบคำถามเธอตอบคำถามเกี่ยวกับการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19
"มิสเม็กซิโก" คว้ามงกุฏ Miss Universe 2020
ทำความรู้จัก “แอนเดรีย เมซา” มิสเม็กซิโก ผู้คว้าตำแหน่ง Miss Universe 2020
แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ หากสังเกตให้ดีผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายล้วนมีนางงามจากละตินอเมริกาถึง 4 คนไม่ว่าจะเป็นจาก เม็กซิโก บราซิล เปรู โดมินิกัน มีเพียงอินเดียที่เป็นนางงามจากเอเชียประเทศเดียว และหากย้อนไปตั้งแต่ปี 2015 ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส ไม่ปรากฏจากประเทศในแถบละตินอเมริกาเลย
ส่วนคำถามที่ว่ามีทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดไหม คงต้องแล้วแต่จะคิด แต่หากมองในแง่ผลประโยชน์ธุรกิจ จะพบว่า การถ่ายทอดสดครั้งนี้ทำการถ่ายทอดผ่านช่อง เท
แต่ถ้ามองประเด็นที่ว่า ทำไมครั้งนี้จึงเป็นมีนางงามจากละตินอเมริกาเข้ารอบเป็นส่วนใหญ่ เกี่ยวกับการเมืองระดับโลก หรือไม่ ก็ต้องย้อนไปที่ยุคสมัยของ โดนัลล์ ทรัมป์ ครั้งยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ ช่วงนั้นอเมริกามีปัญหากับเพื่อนบ้านทางใต้ที่เห็นชัดเจนคือ โดนัลล์ ทรัมป์ ประกาศสร้างกำแพงกั้นระหว่างอเมริกาและเม็กซิโกเพื่อป้องกันการเข้าประเทศ โดยให้รัฐบาลเม็กซิโกเป็นผู้ออกงบประมาณ โดยอ้างว่า มีกระบวนการค้ายาเสพติด สร้างความปั่นป่วน มาแย่งงานคนอเมริกัน ไปจนถึงเรื่องฟอกเงินบ้าง
แต่ในยุคของโจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ ก็อาจะมองได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณความต้องการฟื้นความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านทางใต้ และการมอบมงกุฎนี้ให้กับเม็กซิโกก็อาจจะช่วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้หรือไม่ หรือลึกลงไปกว่านั้น เวทีมิสยูนิเวิร์ส อาจเป็นเวทีที่ทั้ง โดนัลล์ ทรัมป์ และ โจ ไบเดน ใช้เพื่อแข่งขันกันในทางการเมืองหรือไม่
นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่เราได้เห็นบนเวที มิสยูนิเวิร์สประจำปี 2020 คือ การแสดงออกพลังของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นจากเมียนมาร์ เรียกร้องให้ทั่วโลกให้กำลังใจประเทศของเธอที่กำลังถูกปราบปรามจากกองทัพเมียนมา หรือผู้เข้าประกวดจากสิงคโปร์เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงกับชาวเอเชีย ซึ่งสร้างกระแสไปทั่วโลกเพราะถือเป็นการแสดงออกบนแผ่นดินอเมริกาจึงถือได้ว่า
นางงามยุคนี้เป็นนางงามที่พูดถึงพลังของผู้หญิง พูดถึงบทบาทผู้หญิงในทางสร้างสรรค์อย่างแท้จริง
ชุดประจำชาติ Miss Universe 2020 กระบอกเสียงของประชาชน