“ไอซ์” ร่ำไห้ เปิดใจหลังสูญเสีย “พ่อค่อม” เผยคำพูดสุดท้ายบีบหัวใจ พร้อมเคลียร์ดราม่า


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“ไอซ์ - ณพัชรินทร์ ไพบูลย์รัตนกิจ” ลูกสาว “ค่อม ชวนชื่น” พร้อมสามี “แบงค์ - อธิกิตติ์ ไพบูลย์รัตนกิจ” เปิดใจครั้งแรก หลังสูญเสียคุณพ่อมสุดที่รักจากโรคโควิด-19 เลานาทีบีบหัวใจ ทุกคนต้อสู้ที่สุดแล้ว

กว่า 1 เดือนแล้ว หลังจากที่ครอบครัว “ปรีดากุล” ได้สูญเสียหัวเรือใหญ่ของบ้าน ค่อม ชวนชื่น หรือ น้าค่อม ตลกขวัญใจคนไทยที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับจากการติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา

โดยวันนี้ (21 มิ.ย.64) ไอซ์ - ณพัชรินทร์ ไพบูลย์รัตนกิจ ลูกสาว และสามี แบงค์ - อธิกิตติ์ ไพบูลย์รัตนกิจ ได้ออกมาเปิดใจเต็มๆผ่าน คุยแซ่บShow ประเด็นที่ครอบครัวต้องสูญเสียคุณพ่อสุดที่รัก พร้อมสารพัดดราม่าที่เกิดขึ้น โดยทั้งคู่ขอเปิดใจว่า 

ฌาปนกิจ “น้าค่อม” สุดเศร้า ลูกสาวร่ำไห้ ส่งพ่อครั้งสุดท้าย คนบันเทิงร่วมอาลัย

“กาลครั้งหนึ่ง” เพลงจากใจ “ไอซ์ - แบงค์” ถึง “พ่อค่อม” จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป

 

ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

ไอซ์  : “คุณแม่ก็ยังทุกข์อยู่เป็นช่วงๆ พวกเราสังเกตุได้ว่าคุณแม่พยายามทำตัวเองให้เข้มแข็ง”

แบงค์ : “ไอซ์และแม่เอ๋ เป็นผู้หญิงที่ผมรู้สึกว่าเข้มแข็งมาก ด้วยความที่รอบตัวมีลูกหลานอยู่ด้วย เจ้าตัวเองก็มีความเข้มแข็งในตัวด้วย ทุกวันนี้ดูปกติ เหมือนไม่ร้ายแรงเกิดขึ้น”

ไอซ์ : “(เสียงสั่น) ต้องทำตัวให้เข็มแข็ง เหมือนแม่ต้องพึ่งเรา เพราะไม่อย่างนั้นแม่จะอ่อนแอตามไปด้วย”

แบงค์ : “จะมีบางจังหวะที่นึกคิดถึง ในทีวี ในโซเชียล ที่ยังเห็นเรื่องราวต่างๆของพ่อค่อมที่ปรากฎให้เห็นบ่อยๆ มันยังทำให้เราคิดถึงทุกวัน ต่อให้ผ่านไปเป็นปีทุกคนก็ยังคิดถึงอยู่ แม่กับไอซ์เข้มแข็ง ตัวเขาเองดูแลกันดีมากอยู่แล้ว ไม่ต้องมานั่งปลอบกันเยอะ แค่พูดว่า “อย่าร้องไห้นะ อย่าทำให้พ่อต้องเป็นห่วงนะ” แค่ประโยคเดียวที่ผมพูดงานวันเผาคุณพ่อ หลังจากนั้นเขาเข้มแข็งขึ้นมาก”

“ไอซ์” ต้องเข้มแข็งเพื่อทุกคน?

ไอซ์ : “เรามีแม่ เรามีลูก มีน้อง บ้านเราเป็นครอบครัวกลม เวลาจะใส่ใจกัน ดูแลความรู้สึกกัน จะดูแลกันทั้งหมด”

แบงค์ : “น้อยมากที่จะเห็นเขาร้องไห้ เห็นเขาร้องไห้จริงๆแค่วันที่เผาพ่อค่อม หลังจากนั้นเราพูดว่าเธอเข้มแข็งขึ้นนะ ไม่ต้องให้พ่อห่วงนะ หลังจากนั้นผมก็ไม่เห็นอีกเลย แต่เขาก็จะแอบไปร้องไห้ ผมไม่เคยเห็นเลย ผมเลยไม่ได้ปลอบอะไร”

“แม่เอ๋” น้ำตาคลอ คิดถึง “น้าค่อม” ทุกวัน “ไอซ์” เผยสิ่งที่น้องชายตั้งทำให้พ่อ แต่ไม่ทันเห็น

ขอย้อนไทม์ไลน์ “พ่อค่อม” ตรวจพบติดเชื้อโควิด วันที่ 12 เมษายน?

ไอซ์ : “ไอซ์อยู่คนละบ้าน แม่กับน้องก็ส่งคุณพ่อไปโรงพยาบาล วันที่ 13 เมษายน เขายังดูปกติ หลังจากเข้าโรงพยาบาลก็ไม่ได้เจอกัน ปกติพ่อจะไม่เล่นโซเชียลเลย แต่น้องชายสอนเขาเล่นเฟสไทม์ เราก็เลยได้เฟสไทม์หาเขา ตอนถึงโรงพยาบาล เขาก็คุยกับเราปกติว่าไม่ต้องห่วงเขา แต่ถามว่าห่วงไหม ห่วงมาก (เสียงสั่น)”

ตอนนั้นคิดไหมว่าผลจะออกมาร้ายแรง?  

ไอซ์ : “ไม่คิดเลย พวกเราก็โทรหา พ่อก็จะบอกว่าไม่เป็นไร เราก็ห่วงปอดเขา แต่คือเขาไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า เราก็กึ่งกังวลกึ่งไม่กังวล ในความคิดตื้นๆว่าการที่เขาไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น จะไม่ทำให้ปอดเขาเป็นปัญหา เราก็ยังมีความหวังว่าเขาจะหาย ก็นับวันให้เขา แต่ปอดพ่อมีปัญหา เราก็ทำอะไรไม่ถูก ไอซ์เจอคุณพ่อวันที่ไปตรวจโควิด วันที่ 11 เมษายน คืออาการพ่อปกติเลยนะ ดูไม่มีอะไรเลย ตอนพ่ออยู่โรงพยาลเราก็เฟสไทม์คุยกับเขา ดูปกติ เขาก็จะมีบ่นตามประสาแก เขาก็ดีใจ โล่งใจที่ได้อยู่กับหมอที่เคยรักษาเขา คุณพ่อเป็นเบาหวาน เส้นเลือดในสมองตีบ ความดัน”

หลังจากนั้นก็ย้ายโรงพยาบาล?

แบงค์ : “ที่ย้ายโรงพยาบาล ด้วยเรื่องของเครื่องมือ เพราะแต่ละโรงพยาบาลจะมีเครื่องมือต่างๆที่ไม่เหมือนกัน ตอนนั้นพ่อมีฝ้าที่ปอด พ่อต้องฟอกไตให้ดีขึ้น ก็เลยต้องย้ายโรงพยาบาล ตอนแรกเราก็งงว่าทำไมต้องย้าย เพราะตอนแรกดูปกติ แต่พอย้ายโรงพยาบาลก็ต้องเข้าไอซียูเลย”

ไอซ์ : “ประมาณ 4 วันที่อยู่โรงพยาบาลแรก พอย้ายแล้วพ่อเริ่มดื้อ”

แบงค์  : “พอย้ายโรงพยาบาล จะเริ่มมีขั้นตอนการใส่สายต่างๆ แกเป็นคนขี้รำคาญ ก็เริ่มงอแง ซึ่งเราก็เข้าใจแก คุณพ่อไม่เล่นมือถือ ไม่มีทีวีให้ดู เวลามันก็ดูผ่านไปช้า”

ไอซ์ : “ถามว่าอะไรที่ทำให้แกเปลี่ยน ระหว่างที่เขาเริ่มงอแง เราก็ยังได้คุยกับพ่อ ตอนนั้นพอดีกับผลคุณแม่ออกมาแล้วว่าแม่ติดโควิด ก็พาไปรักษาที่เดียวกัน ก็บอกพ่อว่าให้เชื่อคุณหมอ ตอนที่บอกเรื่องแม่ เขาจะนิ่ง เรารู้แล้วว่าเขาน่าจะตกใจ วิธีที่ดีที่สุดคือให้คุณแม่กับคุณพ่อคุยกันเอง อาการพ่อตอนนั้น หลังจากนั้นพ่อก็เริ่มนอนคว่ำใส่ท่ออ๊อกซิเจนปกติ”

แบงค์ : “เริ่มมีอาการปอดแฟบ ต้องเปลี่ยนท่านอนเป็นนอนคว่ำเลยจะทำให้ค่อนข้างทรมานกว่าปกติ”

ไอซ์ : “เวลาเราโทรหาเขา เราสังเกตุได้ว่าพ่อผอมลงๆ ความรู้สึกเราก็จะมีมีจิตใจสั่นคลอนนิดนึง”

หลังจากเข้าย้ายโรงพยาบาลก็เริ่มอาการทรุด?

แบงค์ : “หมอจะไม่เคยพูดว่าอาการดีขึ้นเลย มีแต่คำว่าอาการทรงตัว เราก็ลุ้นกันทุกวัน หลายๆคนอาจจะตกใจ เพราะเราไม่ได้อัปเดตเรียลไทม์ทุกวัน แต่ทุกคนจะตกใจว่าน้าค่อมอยู่โรงพยาบาลแปปเดียว ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คือตัวแกไม่ดีขึ้นเลยหลังจากไปอยู่โรงพยาบาลที่สอง”

ไอซ์ : “พ่อพ่อเริ่มคว่ำตัว มีครั้งนึงครั้งสุดท้ายที่ได้คุย เราก็บอกว่า “พ่อสู้ๆนะ” (ร้องไห้) พ่อก็บอกว่า "พ่อไม่ไหวแล้ว" (ร้องไห้)”

แบงค์ : “การนอนคว่ำเป็นการรักษาตามปกติ ที่ยังไม่ถึงขั้นรุนแรง ก็มีสิทธิ์ที่จะกลับมาดีขึ้น จะว่าด้วยความโชคร้ายก็ได้ คุณพ่อไม่ได้มีแค่เรื่องปอดอย่างเดียว ยังมีเรื่องไต เรื่องตับ ที่ตามมา ทำให้มันส่งผลต่อๆกันไป ทำให้อาการเริ่มเยอะขึ้น”

ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก คุณหมอพยายามแล้ว แต่แกไม่ไหว?

ไอซ์ : “พอวันที่เขาพูดว่า พ่อไม่ไหวแล้วจริงๆ หนูลุกเข้าห้องน้ำไปร้องไห้ แล้วให้แบงค์คุยกับพ่อ แล้วก็กลับมาบอกว่า "พ่อสู้ๆสิ" ทุกคนรออยู่ เราไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เราพูดช่วยทำให้เขาดีขึ้นแค่ไหน แต่เราก็พยายามบอกให้เขาสู้ต่อ”

คลิปที่ออกมาขอความช่วยเหลือคือช่วงเวลาไหน?

แบงค์ : “ผมคุยกับคุณหมอตลอด ด้วยความที่มันเป็นโรคใหม่มาก เราไม่มีความรู้อะไรเลย ก็อยากจะรู้ขั้นตอนการักษาว่าหลังจากนี้จะทำอะไรต่อ คุณหมอก็บอกว่าขั้นตอนการรักษาตามมาตรฐานที่รักษาคนไข้โควิดก็เป็นประมาณนี้ แต่อาการของพ่อไม่ได้ขึ้น ที่เราอัดคลิปกัน ความหมายของเราอยากจะลองถามดูว่าวิธีการรักษามีวิธีอื่นอีกไหม เพราะ ณ ตอนนั้นมันไม่มีวิธีแล้ว”

ไอซ์ : “มันตันไปหมดแล้ว เราเป็นลูกก็ทำได้แค่นี้ ก็ต้องขอความช่วยเหลือเพื่อที่จะช่วยพ่อเรา”

แบงค์ : “เรื่องการย้ายไปโรงพยาบาลที่สาม เราคุยกับหมอที่โรงพยาบาลที่สอง พอไม่มีเครื่องมือที่จะรักษาต่อ เราก็ทำเรื่องส่งตัวพ่อ ทำเรื่องเป็นสัปดาห์ ไม่มีโรงพยาบาลไหนเตียงว่างเลย มันเป็นจังหวะที่บีบหัวใจมาก คุณหมอก็บอกว่ามีเครื่องมือชื่อ "เครื่องเอคโม" ซึ่งจะอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐซะส่วนใหญ่ เราก็ทำเรื่องไปเตียงเต็มหมด และสุดท้ายเราได้ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ อยู่ที่สมุทรปราการ"

มีดราม่าใช้เส้นย้ายพ่อ?

ไอซ์ : “อันดับแรกเลย เราทำตามขั้นตอนการส่งตัวพ่อ ก่อนหน้านี้เราขออีกโรงพยาบาลไป แต่ไม่ได้ พอไม่ได้ไอซ์ก็อัดคิปขอความช่วยเหลือ ก็มีคนส่งข้อมูลมาเยอะ ไอซ์ขอบคุณนะคะ (ไหว้) แต่ว่ามันก็ไม่ได้เหมือนเดิม ก็ต้องรอทางที่โรงพยาบาลที่สองเขาติดต่อขอไปตอบรับกลับมา”

แบงค์ : “ต้องขอบคุณทางโรงพยาบาลวิภาราม ที่ช่วยหาทางส่งตัวคุณพ่อต่อไปเพื่อที่จะให้เครื่องเอคโม ตอนนั้นแกอยู่ในภาวะที่แกไม่รู้ตัวแล้ว ไม่ใช่เพราะร่างกายแกเองนะ แต่เป็นเพราะยา คือหมอให้ยาให้แกได้พักผ่อน เพื่อให้แกไม่รำคาญ และเพื่อทำการรักษา เราย้ายไปเพื่อใช้ เครื่องเอคโม เพราะเป็นตัวเลือกสุดท้ายแล้วที่จะทำการรักษาได้ แต่พอไปถึงโรงพยาบาลที่สาม อวัยวะต่างๆของคุณพ่อก็ค่อนข้างแย่ หมอลงความเห็นแล้วว่าใช้เครื่องเอคโม ก็ไม่ช่วยแล้ว”

ไอซ์ : “หนูหวังมาตลอด สมมติคุณหมอบอกอาการพ่อมา 5 อาการ ดีอาการเดียว ซึ่งอาการที่ดีที่สุดหนูดีใจและหวังว่าสิ่งที่มันไม่ดี มันจะดีกลับมาเหมือนเดิมเหมือนกัน หวังทุกวัน ถ้าไม่หวังก็เหมือนยอมแพ้แต่แรก”

แบงค์ :“เราไม่เคยยอมแพ้สักวัน ไม่เคยนั่งรอว่าเดี๋ยวก็จะดีขึ้น เราก็คุยกับคุณหมอตลอด หาข้อมูลตลอด”

ไปถึงโรงพยาบาลที่สาม สิ่งที่คุณหมอบอกทำลูกๆเข่าทรุด?

ไอซ์ : “หมอถามว่าจะปั๊มหรือไม่ปั๊มหัวใจ”

แบงค์ : “คือพอย้ายไปอวัยวะพ่อล้มเหลวไปหลายอย่าง ปอด ไต ตับ ซึ่ง 3 อย่างนี้ก็หนักแล้ว ณ ตอนนั้นเหลือแค่หัวใจอย่างเดียว ตอนแรกก็คิดว่าต้องมีคำถามประมาณนี้นี้มา วันนึงคุณหมอก็ถามมาจริงๆว่าถ้าถึงจุดที่หัวใจไม่ไหวแล้ว ทางญาติจะปั๊มหัวใจขึ้นมาไหม”

ไอซ์ : “หนูก็ 50 : 50 ใจก็อยากให้ปั๊ม แต่คิดในทางกลับกันถ้าปั๊มเขาฟื้นเราสบายใจ แต่คนที่ทุกข์ทรมานก็คือเขา อาจจะกลับมาไม่เหมือนเดิม แต่ถ้าไม่ปั้มก็..(เงียบ) มันบอกไม่ถูกเลย มันตื้อไปหมด เราก็ปรึกษากันและออกความเห็นว่าไม่ปั๊มดีกว่า”

แบงค์ : “หมอบอกประโยคนึงว่า ไม่การันตีว่าปั๊มแล้วจะฟื้นขึ้นมาอีกนะ ปั๊มแล้วหัวใจจะกลับมา เขาใช้ประโยคว่าไม่ต้องให้คนไข้ทรมานในวาระสุดท้ายดีกว่า”

ตอนนั้นที่ตัดสินใจ “แม่เอ๋” อยู่โรงพยาบาลได้บอกแม่ไหม?

แบงค์ : “เราก็โทรคุยกันว่าจะทำยังไงดี คุณแม่ก็ค่อนข้างเคารพการตัดสินใจของทุกคน”

ไอซ์ : “เรื่องปั้มหัวใจ ยังไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปคุยกับคุณแม่ ตอนนั้นแม่เป็นโควิด และตรวจเจอเบาหวาน เขาก็จะมีอารมณ์พุ่งพล่านมาก เดี๋ยวดิ่ง เดี๋ยวร้องไห้ เราโทรหาเขา แม่ก็จะมีแต่น้ำตา เราเลยมาคุยกัยกัน 3 คนพี่น้อง ก็ได้คำตอบว่าไม่ปั๊มดีกว่า และมาบอกอาการคุณแม่กับพ่อทีหลัง แต่ที่ผ่านมาก็บอาการพ่อกับแม่ไม่หมด แม่เขาทุกข์มาก”

เศร้า! "น้าค่อม ชวนชื่น" เสียชีวิตแล้ว หลังเข้ารักษาอาการโควิด-19

ตอนนั้นห่วงแม่ขนาดไหน?

ไอซ์ : (ร้องไห้) “หนูไม่เคยหลับ หนูหลับไม่ลงจริงๆ”

แบงค์ : “ ณ ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่บีบหัวใจผมที่สุดในชีวิตแล้ว ณ ตอนนั้นเหตุการณ์ค่อนข้างไปในทางที่แย่ลง ทุกคนในบ้านก็เสยใจ แต่ที่น่าสงสารกว่านั้นคือ แม่เอ๋อยู่ในโรงพยาบาล ไม่สามารถออกมาดูพ่อได้ ไม่สามารถออกมาเพื่อกอดลูกได้ เป็นช่วงเวลาที่เราทำตัวไม่ถูกจริงๆ”

พอหลังจากที่ตัดสินใจแล้วว่าไม่ปั๊มหัวใจ นาทีที่โรงพยาบาลโทรกลับมาบอกว่าคุณพ่อจากไปแล้ว?

ไอซ์ : “ก่อนที่คุณพ่อจะเสียทางโรงพยาบาลจะโทรมาอัปเดตเป็นสเต็ป”

แบงค์ : “คุณหมอจะโทรมาตลอด หมอบอกว่าถ้าผ่านคืนนี้ได้ก็ผ่านไป ถ้าผ่านไปไมได้ก็อาจจะหนักขึ้น สุดท้ายแล้วเที่ยงคืนเราก็พยายามจะนอน เอาแรงเพื่อจะออไปทำธุระ สุดท้ายก็ไมได้นอนกัน พอตี4 ก็มีเบอร์โรงพยาบาลโทรมา ผมเป็นรับสาย หมอบอกว่าคนไข้ไปแล้วนะ ไอซ์ก็อยู่ข้างๆ เขารู้อยู่แล้ว มันกลายเป็นว่าเรื่องอัตโนมัติที่เขาจะรู้”

คืนดาวสู่ฟ้า! ประวัติ “ค่อม ชวนชื่น” ตลกผู้สร้างรอยยิ้ม

พอหลังจากทราบข่าววันรุ่งขึ้นต้องจัดกการเรื่อง ไม่มีโอกาสได้เห็หน้าคุณพ่อครั้งสุดท้าย?

ไอซ์ : “ไอซ์ทำอะไรไม่เป็นไร เหลือแค่เราสองคน น้องกักตัว แม่รักษาตัว ก็จับมือแบงค์ไปโรงพยาบาล บุคคลากรน่ารักมาก พาเราไปทำตามขั้นตอนต่างๆ ถือว่าทุกอย่างผ่านไปด้วยดี แต่ทรมานมาก”

แบงค์ : “งานคุณพ่อ ก็คนที่สะดวกจริงๆ และไม่เกินจำนวนที่กำหนด และทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ทุกคนก็ตกใจว่าจะต้องไปยังไงต่อ ก็ผ่านไปได้ด้วยดี”

ไอซ์ : “ตอนพิธีก็ให้น้าๆ วิดิโอคอลหาน้องส่งคุณพ่อ ส่วนคุณแม่ไอซืไม่แน่ใจ  แต่เรื่องอาการแม่ เราก็โฟกัสเต็มที่ เราก็คุยกับเขาเยอะๆ เขาอยู่ในห้องคนเดียว เขาเคยอยู่ด้วยกันมานานกว่าเราอีก เขาจะเป็นยังไง หนูกังวลมาก ไม่ค่อยโทรหาแม่เท่าไหร่ เพราะเราก็จะร้องไห้ น้องชายก็จะโทรหาแม่ ลูกสาวหนูก็จะโทรหาคุณยายให้ดูแลตัวเอง จะเป็นอะไรแบบพ่อไม่ได้นะ เรามีกันอยู่แค่นี้นะ (เสียงสั่น) หนูคิดเลยว่าจะไม่มีทางเสียแม่ด้วยโรคนี้อีกแล้ว หลังจากออกจากโรงพยาบาล แม่ก็เป็นหลายโรค เราก็พยายามจี้แม่ ไม่ปล่อยเลย”

แบงค์ : “ถามว่าคุณแม่ติดโควิด หายแล้ว ตามข่าวก็ยังสามารถเป็นได้อีก ยังไม่มีใครปลอดภัย ก็พยายามดูแลตัวเองกัน ทุกวันนี้ผ่านมาเป็นเดือนแล้ว เวลาไปหาแม่ก็ใส่แมสก์ตลอด เพราะเราไม่รู้หรอกว่าเราจะพาโรคกลับไปหาเขาอีกไหม”

ไอซ์ : “ตอนนี้แม่หายแล้ว ของคุณแม่รักษา 14 วัน และกลับมากักตัวอีก 14 วัน แต่ตอนที่คุณแม่อยู่โรงพยาบาลแรกๆเขาก็จะกังวลเรื่องพ่อด้วย”

“ไอซ์” ลูกสาว “น้าค่อม” เดือด! ถูกมองแบมือขอเงินพ่อ ถามกลับหน้าดูเด็กเหรอ?

อีกหนึ่งกระแสดราม่า เกาะ “พ่อค่อม” กิน?  

ไอซ์ : “เราก็รู้สึกว่าพ่อเสียแล้ว ทำไมต้องมาซ้ำกันอีก ก็ไม่รู้จะพูดยังไง ก็ไมได้ตอบ แต่พอเราอ่านไปเยอะๆ พอมีหนึ่งคนจุดประเด็นบอกให้ใช้เงินระวังหมด เราก็เลยรู้สึกว่าทำไมเรายังเกาะพ่อแม่กิน คนเราแต่งงานแล้วก็ต้องทำมากิน ในความคิดไอซ์นะ แต่ก็ไม่ได้ตอบไป ถามว่าอยากบอกอะไรเขา ก็อยากบอกว่าอย่าตัดสินคนด้วยอารมณ์ชั่ววูบ การที่เราโตมาได้ขนาดนี้ เรากล้าที่จะแต่งงาน มีคู่ครอง เราก็ทำมาหากินเลี้ยงตัวเองได้อยู่แล้ว คงไม่มีใครเอาสามีตัวเองไปให้พ่อแม่เราเลี้ยงหรอก ไอซ์มีทำธุรกิจมีขายเสื้อผ้า ขายเครื่องประดับกับเพื่อน ทำช่องยูทูบของตัวเอง และมีร้านอาหารด้วย แต่ตอนนี้มีปัญหาเรื่องโควิด จะกลับมาเปิดเมื่อไหร่ยังไม่ทราบ ยู่ในการตัดสินใจของหุ้นส่วนอยู่ คือไอซ์ทำทุกอย่าง อยู่บ้านก็ไลฟ์ขายเสื้อผ้ามือสอง คือเป็นคนว่างไม่ได้ จะหาอะไรทำตลอด”

อยากฝากอะไรเรื่องราวที่คนโยงดราม่า?

แบงค์ : “อยากให้ใจเย็นๆ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาด้วยเหตุและผลของมัน อยากให้คอมเมนต์กันด้วยความใจเย็นๆ อยากให้เข้าใจภรรยาผมและที่บ้านเขาว่าเพิ่งจะผ่านอะไรร้ายๆมา อยากให้ใจดีกับแฟนผมนิดนึงครับ”

เวลาเจอดราม่าหนักๆให้กำลังใจกันยังไง?

ไอซ์ : “เวลาเจอดรม่าหนักๆก็จะวิ่งไปหาสามี แล้วจะได้คำว่า “ใจเย็นๆ” ไม่ต้องอ่าน มองผ่านๆ แบงค์จะเป็นคนไม่อยากให้เราปรี๊ดแบบไม่มีสติ เขาจะพยายามสอนเราให้ค่อยๆใช้ความคิด ไม่อยากให้โผงผาง มันจะไม่ดีกับเรา”

แบงค์ : “อะไรที่ไม่มีเราก็แค่ก้าวข้ามผ่านมันไป ไม่ต้องไปเหยียบมัน เราไม่ชอบพอไปเหยียบปุ๊ป มันไม่โอเค มันจะติดตัวเราไปด้วย อะไรที่ไม่ดีที่เขาส่งมา เราก้าวข้ามผ่านมันไปดีกว่า”

 

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ