“ปุ๊กลุก” ร่ำไห้ เปิดใจหลังสูญเสียคุณแม่ คนบันเทิงร่วมอาลัย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“ปุ๊กลุก - ฝนทิพย์ วัชรตระกูล” เปิดใจหลัง สูญเสียคุณแม่ “ดาวทิพย์” คนบันเทิงร่วมอาลัย บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้า

หลังจากเมื่อวันก่อน นางเอกสาว ปุ๊กลุก - ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ได้ออกมาแจ้งข่าวเศร้า คุณแม่ “ดาวทิพย์” จากไปอย่างสงบ หลังประสบอุบัติลื่นล้มที่บ้าน และนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนาน 3 เดือน โดยทางครอบครัวได้จัดพิธีไว้อาลัย ณ โบสถ์พระมหาไถ่ ร่วมฤดี วันอังคารที่ 24 สิงหาคม ถึงวันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม 

และในวันนี้ ( 24 ส.ค.64) พิธีไว้อาลัยคุณแม่ดาวทิพย์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีครอบครัว ญาติ และคนในวงการบันเทิง 

“ปุ๊กลุก ฝนทิพย์” สุดเศร้า คุณแม่จากไปอย่างสงบ

“ปุ๊กลุก” ช็อก! แม่ล้มหัวฟาดพื้น อาการยังน่าเป็นห่วง ภาวนาให้ปลอดภัย

อาทิ อั้ม พัชราภา , ไมค์ ภัทรเดช ,จิ๊บ วสุ , ญิ๋งญิ๋ง ศรุชา ฯลฯ เดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยรัก และเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 พิธีจึงจัดเป็นการส่วนตัวในครอบครัว ญาติ ผู้ใหญ่และเพื่อนที่สนิทของคนในครอบครัวเท่านั้น และมีการเว้นระยะห่าง ตรวจสว็อป เทสต์ เพื่อความปลอดภัย

นอกจากนั้นยังมีคนทั้งในและนอกวงการบันเทิง ที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมพิธี ก็ได้ส่งพวงหรีดมาแสดงความเสียใจกับครอบครัว "วัชรตระกูล" ด้วย

โดย ปุ๊กลุก ร่ำไห้ เปิดใจในวันที่ต้องสูญเสียคุณแม่ว่า "เหมือนแม่ดีขึ้น แต่แจ้งในรายการว่าแม่มีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด พอติดเชื้อทุกอย่างก็ค่อยๆ แย่ลง จริงๆคุณหมอก็แจ้งตั้งแต่ต้นว่าคุณแม่ไม่น่าจะอยู่ได้นานมาก จริงๆ แล้วน่าจะเกินวันหรือสองวัน แต่ว่าท่านก็สู้ เพราะรู้ว่าพวกเราน่าจะไม่ไหวถ้าคุณแม่ไปกระทันหัน

ในแผ่นฟิล์มเอ็กซ์เรย์คุณแม่เป็นเส้นเลือดใจสมองแตก แตกในส่วนที่เป็นแกนสมอง เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในสมอง ในฟิล์มมันขึ้นเลยว่าคุณแม่ขาดอากาศหายใจนานเกินไปและทำให้มีภาวะสมองบวมทั้งหมด บวมจนไม่สามารถที่จะทำการผ่าตัดใดๆได้เลย แต่ว่าช่วงที่คุณแม่เปลี่ยนมาใช้เครื่องช่วยหายใจขนาดเล็ก ทุกครั้งที่เราเข้าไป เขาได้ยินเสียงลูกคุณแม่ก็จะสามารถหายใจได้เกินจากเครื่องที่ตั้งไว้

คุณหมอแจ้งตั้งแต่ต้นว่าไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ต้องรักษาคุณแม่ (เสียงสั่น) เพราะว่าไม่น่าจะไปต่อได้ แต่ทางครอบครัวก็ตกลงร่วมกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะให้คุณแม่เป็นคนเลือกเอง เราจะให้โอกาสคุณแม่ เราจะไม่ปล่อยมือคุณแม่ตราบใดที่คุณแม่ไม่ปล่อยมือจากเรา ครอบครัวก็ยืนยันที่จะรักษา จนเราใช้ยาตัวสุดท้ายที่ใช้ได้กับคุณแม่ จนไม่มียาตัวไหนที่สามารถยื้อคุณแม่ได้แล้ว ก็ได้พูดกับคุณแม่ตลอดว่าถ้าเหนื่อย ไม่ไหวให้คุณแม่ค่อยๆจากไปอย่างสงบ

เป็นเคสที่คุณหมอบอกว่าปาฎิหารย์ เพราะอยู่มาได้นาน แต่คุณแม่รู้ว่าพวกเราไม่น่าจะไหว (เสียงสั่น) เพราะมันกระชั้นชิด ในครอบครัวคุณแม่เป็นศูนย์กลางของครอบครัว คุณแม่ค่อนข้างทราบว่าครอบครัวไม่ไหวจริงๆ ก็เลยสู้เพื่อให้เราได้ทำใจ เราพูดให้กำลังใจกันตลอดว่า แม่อยู่ได้เพราะความเชื่อของเราว่าคุณแม่จะลุกขึ้นมาได้ หมอก็จะบอกว่าครอบครัวเรากำลังใจดี เพราะถ้าเป็นญาติคนอื่นๆ ก็อาจจะถอดใจและค่อยๆ ลดการช่วยเหลือลง แต่ครอบครัวเราก็ยังหวังว่าจะเชื่อให้มากที่สุด

คนรอบตัวก็พูด หมอก็พูดว่าคุณแม่แย่มากๆ ให้ทำใจไว้ก่อนแต่จริงๆ ครอบครัวเราไม่เคยทำใจไว้เลย เพราะเชื่อว่าจะมีปาฎิหารย์เกิดขึ้น ก็เลยคิดว่าอาจจะเป็นครอบครัวเราก็ได้ แต่พอวันหนึ่งเราก็เห็นว่าร่างกายคุณแม่ค่อยๆ แย่ลงก็บอกแม่ว่า ทุกคนรักแม่ ให้คุณแม่เลือกเองค่ะ

คุยกับแม่ตลอด ใช้ทุกยาที่ช่วยคุณแม่ได้ ถ้ายาตัวสุดท้ายที่ชื่ออะดีนารีนต้องใช้ ก็บอกกับคุณแม่ว่าอย่าใช้เลยยาตัวนี้เพราะมันเป็นตัวสุดท้ายแล้ว ตอนหลังก่อน 1-2 วันก่อนที่คุณแม่จะเสีย เราก็ต้องใช้ยาอะดีนารีนจริงๆ เราเองก็ไม่ทราบว่าแม่เสียจริงๆ ตอนเวลากี่โมง เพราะยามันช่วยกระตุ้นชีพจรด้วย แต่ว่ามันมีช่วงที่ใช้ยาคุณแม่ก็ไม่ไหวแล้ว

คือเรายังมีหวังเสมอจนถึงนาทีสุดท้าย ก็บอกแม่ว่าสู้นะอีกนิดเดียว ก็ไม่เคยพูดว่าจะปล่อยมือจากท่านเลย เราจะพูดตลอดว่าถ้าแม่ไหวให้แม่สู้ต่อ แต่ถ้าแม่เหนื่อยแล้ว ไม่อยากจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว เพราะโลกก็มีความวุ่นวายมีความทุกข์ ถ้าคุณแม่อยากจะจากไปอย่างสงบ ไปอยู่กับพระเจ้าหนูก็ให้คุณแม่ได้เลือกชีวิตของตัวเองค่ะ

ดูเข้มแข็งขึ้นเหรอคะ จริงๆหนูว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เราได้ทำใจ แต่ถามว่าเข้มแข็งไหม หนูว่าทุกคนที่เคยสูญเสียจะรู้ว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง (น้ำตาคลอ) มันอาจจะดูเหมือนไม่ได้ร้องตลอดเวลา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราแค่นึกถึงมันก็จุกจริงๆค่ะ

เราก็ทำหลายๆอย่างด้วยตัวเอง แต่ก็มีพี่ๆที่สนิทหลายๆท่านที่สนิทก็เมตตามาช่วยงานเยอะมากค่ะ วันนี้ตอนทำพิธีบอกอะไรท่านเหรอคะ คือคุณแม่เป็นนักสู้มาตลอดตั้งแต่เด็กๆเลยค่ะ จนกระทั่งเวลาที่ป่วยคุณแม่ก็สู้ที่จะอยู่จนคุณหมอเองก็ยังคิดว่ามันเป็นปาฏิหาริย์ สำหรับ 3 เดือน คือวันแรกที่เรารักษาที่โรงพยาบาล เรามีความรู้สึกว่าถ้าจะต้องรักษาระยะยาว เราอยากจะย้ายไปไปโรงพยาบาลที่ในระยะยาวสามารถจะช่วยครอบครัวเราได้ในเรื่องของค่าใช้จ่าย ก็มีการส่งเอกสารต่างๆไปยังคุณหมอ หลายๆท่านก็แจ้งมาว่าไม่อยกาเชื่อว่าอยู่มาได้เป็นอาทิตย์ หนูเชื่อว่าคุณแม่สู้จนวินาทีสุดท้าย จนมั่นใจว่าเราทำใจได้ในระดับหนึ่ง

คุณแม่จะอยู่ในใจของพวกเราตลอดไป การจากไปของคุณแม่เป็นการจากไปเพียงชั่วคราว ถ้าหลายๆท่านที่เป็นคริสเตียนก็จะรู้ว่ามันเป็นการจากแค่เพียงชั่วคราว เดี๋ยวเราก็เจอไปเจอกันอีกทีบนสรวงสวรรค์ จริงๆท่านไม่ได้ลำบากอะไรเลย คนที่อยู่คือคนที่ทุกข์ใจ หนูเองก็ไม่เคยเห็นคุณพ่อเป็นแบบนี้เหมือนกัน ท่านก็ร้องไห้ตลอดเวลา หนูกับพี่สาวเองทุกวันนี้ต้องส่งคุณพ่อเข้านอนก่อน เราถึงจะกล้านอน เพราะคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ด้วยกันมา 40 ปี อยู่ด้วยกันตลอดเวลา คือหน้าที่หลังจากนี้คงเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ มันไม่ใช่เวลาที่เราจะอ่อนแอ เสียใจ หรือทุกข์ใจคนเดียว เพราะว่าเราก็เป็นลูกที่มีทั้งพ่อและแม่ วันนี้เราทำหน้าที่ลูกที่ดีต่อแม่แล้ว (ร้องไห้) เราก็ต้องทำให้ดีที่สุดกับพ่อเราด้วยเหมือนกัน 

ถามว่าอยากพูดอะไรกับคุณแม่ไหม ไม่มีเลยค่ะ (น้ำตาคลอ) จริงๆทุกคนในครอบครัวมีความรู้สึกว่าก็อยากจะจากไปอยู่กับคุณแม่ด้วยเหมือนกัน เพราะว่าเรารู้ว่าโลกที่คุณแม่อยู่มันคงสวยงามมากๆ เพราะขนาดแม่รักเรามากๆ แม่ยังเป็นคนเลือกเองเลยว่าที่จะจากไปอย่างสงบ ก็คิดว่าข้างบนมันคงต้องสวยงามมาก อยากบอกแม่ว่า แม่แค่ไปรอเราเพียงชั่วคราว วันนึงข้างหน้าเราก็จะได้อยู่ด้วยกันและก็จะไม่มีการจากลาอีกแล้ว

หลังจากนี้จะมีพิธีแบบเดิมอีกครั้งนึงในวันพฤหัสบดี และวันศุกร์เราจะทำพิธีเคลื่อนย้ายร่างคุณแม่จากโรงพยาบาลสู่โลงศพและไปฝังที่จังหวัดสระบุรีค่ะ ทุกครั้งที่คิดถึงก็คงไปหาท่านค่ะ”

“ปุ๊กลุก ฝนทิพย์” สุดเศร้า คุณแม่จากไปอย่างสงบ

“ปุ๊กลุก ฝนทิพย์” สุดเศร้า คุณแม่จากไปอย่างสงบ

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ