“ดีเจมะตูม” เล่าบทเรียนความผิดพลาด หิวแสง ลืมตัว วันนี้ชีวิตเปลี่ยน!


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ดีเจคนดัง “มะตูม - เตชินท์ พลอยเพชร” เล่าหมดเปลือกกับ “แจ็ค แฟนฉัน” หลังเจอมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ รับเกิดจากความผิดพลาดของตัว ไม่โทษใคร วันนี้ชีวิตเปลี่ยนไป

“ดีเจมะตูม” เครียด หลังเจอข่าวดราม่าถี่

“ดีเจมะตูม” คัมแบควงการ กลับมาจัดรายการวิทยุแล้ว

มาเล่าเรื่องราวในชีวิตกับหลังฝ่ามรสุมครั้งใหญ่ สำหรับ มะตูม - เตชินท์ พลอยเพชร ที่มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ “แจ็คขอคุย” ของ แจ็ค - เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ ทางชาแนลยูทูบ “Jackfanchan” กับอีพีที่มีชื่อว่า “‘ดีเจมะตูม’ หิวแสง! เปิดทุกประเด็นร้อน น้อมรับทุกกระแสวิจารณ์” ซึ่งเป็นการเปิดใจหมดเปลือกของดีเจคนดัง 

“มะตูม” ยอมรับว่าเจออะไรมาเยอะสำหรับวงการบันเทิง ถามว่าอยากกลับมาในวงการบันเทิงไหม ถ้ากลับมาทำงานแบบเดิมก็พร้อมกลับมาได้เลย แต่ถ้ากลับมาแล้วยังทำตัวแบบเดิม วิถีการใช้ชีวิตแบบเดิม ก็ไม่อยากกลับ ซึ่ง 2 ปีที่แล้ว ทำทั้งธุรกิจและงาน ทำงาน 7 วันไม่เคยได้หยุด วันนึงทำได้ 3 งาน  

หากถามถึงความผิดพลาด ก็พลาดเยอะ เมื่อก่อนมาจากใต้ดิน เป็นดีเจแคมฟรอกมาก่อน  ไม่เคยลืมกำพืด มีความฝันอยากเข้าวงการบันเทิง อยากเป็นดารา เราเติบโตมากับครอบครัวที่ทุกคนเก่งหมด พ่อเป็นนักร้อง พี่ร้องเพลงเพราะ น้องเป็นนางแบบ เลยอยากใช้ความสามารถของตัวเองหาเงินให้ได้มากๆ ซึ่งวงการบันเทิงตอบโจทย์ พอเรามองว่าวงการบันเทิงคือทางเลือกนึง เราก็ใช้คำว่า “หิวแสง” เรากระหายในการที่จะเข้ามาเป็นซัมวันในที่นี้มากๆ

ส่วนคนที่คนมองว่า “เป็นมะตูมที่น่าหมั่นไส้” มองว่าเป็นความผิดพลาดจากตัวเรา ไม่เคยโทษคนอื่นเลย ต้องยอมรับว่าเข้ามาวงการบันเทิงไว ข้ามคืน เราอัดคลิปด่าในโซเชียล อีกวันได้เล่นละครเลย ทุกอย่างไวมาก พอทุกอย่างไวมาก ยิ่งทำยิ่งสะใจ ไปไหนก็มีแต่คนพูดถึงเรา เป็นที่ต้องการ ณ เวลานั้น เราก็เลยไม่ได้มีคิดอะไร ทำตัวเองยังไงก็ได้ให้คนพูดถึง ซึ่งมันเลยกลายมาเป็นความน่าหมั่นไส้ บางทีเจตนาเราจะทักคน แต่กลายเป็นว่าคำพูดไปกดคนอื่น ดูเหยียด บูลลี่โดยที่ไม่ได้ตั้งใจไว้เยอะมาก ถามว่าทำไมต้องบูลลี่ นั่นคือสิ่งที่ตูมถามตัวเองว่า ทำไมต้องไปดูถูกคน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ดีนะ จริงๆเจตนาไม่ได้ต้องการทำให้ใครด้อยค่าหรือดูถูกใคร

สมมุติเจอแจ็ค ตามผลงานแจ็คมาตั้งแต่ตูมยังไม่เข้าวงการ พอวันนึงได้กินข้าว ก็พูดยังไงดี ให้แจ็คจำเราได้ มันก็กลายเป็นถ้าชอบคือชอบเลย ตลก เล่นได้ กับอันที่สองคือ ปากหมา ไม่เอา”

 

เมื่อถูกถามว่า เวลาโดนกับตัวเอง คำถามไหนแรงที่สุด? ดีเจมะตูม เผยว่า “พ่อแม่ไม่สั่งสอนเหรอ เลี้ยงลูกยังไงให้เป็นแบบนี้ คำพวกนี้จะเจ็บมาก เพราะแม่สอนเราดีมาก”

มะตูม ยอมรับว่า “เมื่อก่อนใครด่ามาก็ด่ากลับเลย แค่คอมเมนต์มาต่อว่าเราก็ตอบกลับเลย แต่ ณ วันนี้มองว่าเพราะการกระทำของเราต่างหากเขาถึงมองแบบนั้น ต้องโทษที่ต้นเหตุ คือเราที่วางตัวแบบนั้นในวงการ กลายเป็นว่าทุกวันนี้ถ้าใครด่าอะไรที่หนักเกินก็แค่ลบ”

ในส่วนของคำวิจารณ์ “วัวลืมตี_” เพราะมีเงินเยอะขึ้นไหม? มะตูมเล่าว่า “ตนอยู่วงการบันเทิงมาไม่กี่ปี ถือว่าประสบความสำเร็จ มีเงินเก็บ มีธุรกิจ ด้วยความสามารถและคอนเนคชั่น วันที่มีเงินเยอะมากๆ มันลืมไปหมดเลยนะว่าเป็นใครมาจากไหน ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นไหม แต่ตัวเองเป็น มีคนเตือนเยอะมาก วงการบันเทิงจะหลงแสงสี ชื่อเสียง เวลาได้ยินก็ตลกว่าจะมาหลงได้ยังไง เราต้องรู้สิว่าเราเป็นใครมาจากไหน แต่พอเอาเข้าจริง วันที่เราเป็นที่ต้องการ วันที่มีคนล้อมรอบ เรายกไม่ทันหรอกว่าใครเป็นใคร”

ถามว่าเป็นเพราะไปคบกลุ่มคนรวย ไฮโซเกี่ยวไหม? ดีเจคนดังบอกว่า “มีส่วนเกี่ยวมาก จริงๆมีโอกาสมากกว่าไปอยู่ในกลุ่มที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ นางเอกระดับแถวหน้า กลุ่มไฮโซ ซึ่งตนไม่ได้ปฏิบัติตัวต่างจากเพื่อนกลุ่มอื่นๆเลย เพียงแต่ไปอยู่กลุ่มไฮโซคนจะจับตามองอยู่แล้วว่าเราเป็นใคร ถ่ายรูปร่วมกันได้ยังไง คนเลยมองว่าลืมตัว อยู่ๆทิ้งเพื่อนเก่า จริงๆเพื่อนเก่าก็ยังคบอยู่นะเพียงแค่ไม่เป็นข่าว”

มะตูม ยอมรับว่า “ช่วงที่มีเงินเคยใช้เงินวันนึงเกินล้าน แค่เข้าไปในร้านแบรนด์ดัง ลองรองเท้าแค่คู่เดียว แต่สั่งเอาไซส์เดียวกันทั้งชั้น ใช้เงินแก้ปัญหากลบปมด้อยตัวเองทั้งหมด นั่นคือสิ่งที่อันตราย เราคิดไปเอง คิดแทนคนอื่น จริงๆวงการบันเทิงไม่ได้วัดกันที่มูลค่าสิ่งของ เขาวัดกันที่ความดี ตอนนั้นเราแยกแยะไม่ออกไง คิดว่าเป็นดาราต้องแพง เป๊ะตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด”

ดีเจมะตูม เล่าต่อ “ตอนนี้ขายทุกอย่างทิ้งไปเยอะมาก ต้องบอกว่าโควิดมาเปลี่ยนทัศนคติเราบางอย่าง วันที่เรามี เราอยู่สูงมากๆคนรอบตัวจะเห็นสันดานเรา แต่วันนึงที่เราตกลงมาเราจะเห็นสันดานคน เลยรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วเราจะใส่นาฬิกาเรือนละล้านไปทำไม ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าถ้าติดโควิดแล้วตายขึ้นมา แม่จะอยู่สบายไปจนแก่หรือเปล่า”

“กวาง กมลชนก” ปฏิเสธละครหลายเรื่อง จิตตกกลัวโควิด ลั่นสุขภาพสำคัญกว่าเงิน

สำหรับดราม่าต่างๆที่เข้ามา “มะตูม” เผยว่า “วันที่ติดโควิดทำให้รู้ว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน เหมือนเราได้อะไรมาง่ายๆ วันนึงมันหายไปเลย ไม่ได้งาน เสียงาน หยุดงาน 5 เดือน แต่มีภาระเท่าเดิม รายจ่ายเท่าเดิม แต่ไม่มีรายรับ ตอนนั้นเครียดมาก ตอนที่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ทีวีก็เปิดไม่ได้เพราะทุกคนเล่นข่าวเราหมด อะไรที่เราเคยทำไว้กับใคร เจตนาดีหรือไม่ดีไม่รู้ มันย้อนกลับมาวันนั้นหมดเลย กินยานอนหลับแต่ไม่หลับ มันไม่ไหว มันแค่อยากหาอะไรในห้องที่ทำให้เราไปสบายที่สุด ไมได้รู้สึกอยากตาย แต่รู้สึกไม่อยากรู้สึกกับอะไรอีกแล้ว เหนื่อยแล้ว”

กับกระแสที่ว่า สายเปย์เวลาเที่ยวซื้อผู้ชายครั้งละครึ่งล้าน?  มะตูม บอก “เมื่อก่อนสามารถเอาเงินครึ่งล้านให้ผู้ชายได้โดยไม่ต้องคิดเลยว่าอนาคตตัวเองจะลำบากไหม ไม่เคยคิดเลยว่า แม่ ยาย จะกินอิ่มไหม มีเงินจ่ายค่าไฟไหม ขอแค่มีผู้ชาย มันสะใจจังเลย ปาร์ตี้ การใช้เงินไปลุยตรงนั้น มันไม่ใช่ปมด้อย แต่เพราะ “มันหลุด” ไปกับสิ่งที่มันไม่เป็นจริง”

มะตูม เล่าอีกว่า “ที่เปลี่ยนไปทุกวันนี้ คุณแม่มีส่วน 50 เปอร์เซ็นต์ และที่เปลี่ยนได้ทั้งหมดทั้งมวลเพราะตัวเองคิดคิด “มะตูม” ก่อนที่จะมาเป็น “ดีเจมะตูม” ตอนนั้นเรามีความสุขมาก เราหลับเต็มอิ่ม สุขภาพจิตดี ไม่ต้องแข่งกับอะไรเลย

สิ่งที่อยากพูดมากว่าที่สุดวันนี้เลยคือ มนุษย์มีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี ตูมเคยเป็นคนตัดสินคนเพียงแค่ด้านเดียว แล้วเอาความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้ง เอาความสุขของตัวเองไปวัดค่ากับความนิยมชมชอบของคนอื่น คิดว่าทำแบบนี้มันดี คนอื่นชอบ เลยมีความสุข แต่พอวันนี้มานั่งนึกย้อนดีๆแล้ว ความสุขจริงๆมันเริ่มจากตัวเรา เราต้องเป็นคนกำหนดสิว่าวันนี้คุณภาพชีวิตเราอยากเป็นแบบไหน

เผยภาพจำลองระดับน้ำในเมืองทั่วโลก หากโลกร้อนขึ้น 3 องศาเซลเซียส

ถ้าอยากไปไหนแล้วมีแต่คนชื่นชอบ เราลองชื่นชอบคนอื่นสิ ถ้าวันนี้เราอยากมีความสุข เราลองยินดีกับความสุขของคนอื่นสิ ทำไมต้องไปแก่งแย่งชิงดี ทำร้าย มุมมองตูมเปลี่ยนไป อยากพัฒนา คือยังเป็นมะตูมที่จิกเล่นได้นะ แต่แค่อยากโตขึ้นอีกสเต็ปนึงให้คนเห็นว่ามนุษย์ไม่มีแค่สองด้านนะ มีหลายด้าน เกลียดใครอย่าเกลียดให้สุด รักใครอย่ารักให้สุด เพราะทุกสิ่งเปลี่ยนไปได้ตามกาลเวลาเสมอ ขึ้นลงได้เสมอ สิ่งที่พูดวันนี้จะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าตัวเองไม่คิดได้อย่างที่พูดออกมา

ยอมรับว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา ตัวเองก็ต้องใช้เวลาในการปรับปรุงตัวเองในการพิจารณาตัวเอง เมื่อก่อนเวลาเจอดราม่าก็จะอธิบาย แต่วันนี้เจอดราม่าอะไรก็แค่ปิดมันก่อน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกให้คนมาชอบเรา มารักเรา ถ้าเป็นมะตูมคนก่อนคงกระวนกระวายที่มีคนเกลียด ตูมว่าความสุขมันคือการมอบสิ่งดีๆให้กัน”

ขอบคุณยูทูบชาแนล : Jackfanchan 

ขอบคุณภาพจาก IG :  dj_matoom 

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ