กลุ่มหนุน "ทรัมป์-ไบเดน" จัดชุมนุม
'ไบเดน' ใกล้ชนะแล้ว คว้าชัยปธน.สหรัฐฯ 'ทรัมป์' ค้านนับคะแนนเลือกตั้ง 'อเมริกัน' ประท้วง!
ศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐระหว่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีคนปัจจุบันจากพรรครีพับลิกัน และ “โจ ไบเดน” จากพรรคเดโมแครต เข้าใกล้จุดสิ้นสุดเข้าไปทุกที
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่คืนวันพุธ (4 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เกิดการประท้วงในหลายจุดทั่วสหรัฐอเมริกา จากกระแสความไม่พอใจในหมู่ผู้สนับสนุนตัวแทนทั้ง 2 ฝ่าย ปมสาเหตุหลักมาจากเรื่องของการนับคะแนน
โดยฝั่งทรัมป์ ออกมาประกาศชัยชนะ โดยอ้างว่าเขาชนะการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว ก่อนที่รัฐสำคัญ ๆ จะนับบัตรลงคะแนนทั้งหมดครบเสียอีก และกล่าวหาว่า มีคนพยายาม “ขโมย” การเลือกตั้งไปจากเขา และตั้งข้อสงสัยในความชอบธรรมของบัตรลงคะแนนจำนวนมากที่ส่งทางไปรษณีย์ และยืนยันว่า การนับคะแนนควรสิ้นสุดตั้งแต่ในวันที่ 3 พฤศจิกายน และไม่ควรนำคะแนนโหวตจากทางไปรษณีย์มารวมด้วย ควรระงับการนับคะแนนโดยทันที
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังขู่ว่าขะใช้ขั้นตอนทางกฎหมายอย่างแข็งกร้าว เพื่อคัดค้านการนับคะแนนในอย่างน้อย 3 รัฐสำคัญ คือ เพนซิลเวเนีย มิชิแกน และจอร์เจีย
“ถ้าคุณนับการโหวตที่ถูกต้อง ผมจะชนะอย่างง่ายดาย แต่ถ้าคุณนับการโหวตที่ผิดกฎ พวกเขาจะขโมยการเลือกตั้งของเราไป” ทรัมป์กล่าว
ขณะที่ไบเดนโต้กลับว่า คะแนนทุกคะแนนต้องถูกนับอย่างตรงไปตรงมา เพราะถือเป็นเสียงของประชาชนทุกคน “ทุกคะแนนโหวตต้องถูกนับ ไม่มีใครจะพรากเอาประชาธิปไตยไปจากเราได้”
เจาะลึกบทบาท ศาลสูงสุดสหรัฐฯ หลัง “ทรัมป์” จ่อฟ้องนับคะแนนเลือกตั้งใหม่
ทรัมป์” ฟ้องศาลค้านนับคะแนน หลัง “ไบเดน” จ่อใกล้ชัยชนะ
ด้วยเหตุนี้จึงนำความไม่พอใจมาสู่ผู้สนับสนุนของทั้ง 2 ฝ่าย
ในเมืองมินนิอาโปลิส รัฐมินนิโซตา มีผู้ประท้วงหลายร้อยคนออกมาเดินขบวน ต่อต้านประธานาธิบดีทรัมป์ที่ประกาศชัยชนะล่วงหน้าและต้องการให้หยุดการนับคะแนน
อาร์มสตรอง ทนายความที่มาร่วมการประท้วงกล่าวว่า “เราไม่อนุญาตให้โดนัลด์ ทรัมป์ขโมยการเลือกตั้งครั้งนี้ไปจากคนอเมริกัน”
เธอกล่าวว่าผู้ประท้วงได้หยุดการจราจรบนถนนและทางด่วน ทำให้ตำรวจเริ่มทำการจับกุมและไม่อนุญาตให้ผู้ประท้วงออกไป
ทางการรัฐมินนิโซตากล่าวในทวิตเตอร์ว่า การจับกุมผู้ประท้วงนั้น เนื่องจากการเดินขบวนบนทางด่วนนั้น “ผิดกฎหมาย และอันตรายมากสำหรับคนเดินเท้าและผู้ขับขี่รถยนต์”
ส่วนที่พอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ประชาชนหลายร้อยคนรวมตัวกันที่ริมน้ำเพื่อประท้วงประธานาธิบดีทรัมป์ ที่พยายามแทรกแซงการนับคะแนน เกิดการทุบหน้าต่าง ร้านค้า และปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและกองกำลังพิทักษ์ชาติ
แครอล คาร์มิก วัย 59 ปี กล่าวว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่อันตรายมาก” โดยเธอเข้าร่วมการประท้วงในพอร์ตแลนด์ด้วยความกลัวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะพยายามอยู่ในอำนาจต่อแม้ว่าเขาจะแพ้การเลือกตั้งก็ตาม
ผู้คนหลายร้อยเดินขบวนผ่านตัวเมืองพร้อมชูป้ายที่เขียนว่า “การโหวตจบลงแล้ว แต่การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป” “โปรดนับทุกคะแนนโหวต”
ทางการได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน ทำให้กองกำลังพิทักษ์ชาติสามารถเข้าร่วมปฏิบัติการยับยั้งจลาจลได้ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า การปะทะที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาจับกุมผู้ประท้วงไปแล้วอย่างน้อย 10 คน
ขณะที่ในกรุงนิวยอร์ก ผู้ประท้วงได้จัดการเดินขบวนอย่างสันติในแมนฮัตตัน เพื่อเรียกร้องให้มีการนับคะแนนทุกคะแนนจนครบก่อนประกาศผลเลือกตั้งสหรัฐอย่างเป็นทางการ
แต่ทั้งนี้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงและตำรวจ หลังพวกเขาปิดการจราจรในพื้นที่ด้านตะวันตก เจ้าหน้าที่จึงผลักดันผู้ประท้วงและจับกุมผู้ประท้วงอย่างน้อย 20 คน
เช่นเดียวกับที่ฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ประชาชนออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่การเลือกตั้ง “นับทุกการลงคะแนน” และซีแอตเทิล เกิดการประท้วงเพื่อต่อต้านความพยายามของทรัมป์ในการหยุดการนับคะแนน โดยกลุ่มผู้ประท้วงพากันตะโกนว่า “ทุกเมือง ทุกพื้นที่ ตอนนี้ทรัมป์และเพนซ์ (รองปธน.) ต้องออกไป” และ “ต้องนับคะแนนทุกคะแนน”
อีกด้านที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา หนึ่งในรัฐที่ผลการนับคะแนน ณ ปัจจุบันมีความพลิกโผ เพราะเดิมมีการคาดการณ์ว่าพรรครีพับลิกันจะชนะในรัฐนี้อย่างแน่นอน แต่ปรากฏว่าไบเดนกลายเป็นฝ่ายนำ ส่งผลให้เกิดการประท้วงต่อต้านการนับคะแนนที่ทำให้ไบเดนเป็นฝ่ายนำ
โดยผู้ประท้วงฝั่งทรัมป์ราว 150 คน บางคนมีอาวุธ พากันมารวมตัวกันนอกสำนักงานประจำเขตซึ่งมีการนับคะแนนเสียงอยู่
จิม วิลเลียมส์ ช่างเชื่อมวัย 67 ปีที่เข้าร่วมการประท้วงกล่าวว่า “วิธีเดียวที่ไบเดนจะชนะในรัฐแอริโซนาได้ก็คือการฉ้อโกง ... ผมจะไม่ยอมรับชัยชนะของไบเดน ผมไม่ต้องการอยู่ภายใต้การปกครองของคอมมิวนิสต์”
เช่นเดียวกับในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกนกลุ่มผู้ประท้วงฝั่งทรัมป์ทรัมป์อีกกลุ่มหนึ่งได้รวมตัวกัน โดยเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ “หยุดการนับบัตรลงคะแนนทันที” หลังจากทรัมป์ยื่นฟ้องให้หยุดการนับคะแนนในรัฐมิชิแกน
ยังมีการประท้วงเกิดขึ้นใน วอชิงตัน ดี.ซี. เมืองพิตต์สเบิร์ก เมืองชิคาโก เมืองลอสแอนเจลิส เมืองเดนเวอร์ เมืองแอตแลนตา เมืองออร์แลนโด เมืองไมอามี เมืองเรโน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าการประท้วงจะขยายตัวต่อเนื่องจนกว่าผลลัพธ์สุดท้ายของการนับคะแนนจะสิ้นสุด
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้สูงเช่นกันว่า แม้ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการออกมา ไม่ว่าใครจะได้ตำแหน่งก็ตาม ก็เป็นไปได้ว่าจะเกิดการฟ้องร้องและประท้วงจากทั้งสองฝ่ายต่ออยู่ดี
วิเคราะห์ 4 รัฐสำคัญ 6 คะแนนสุดท้าย ตัดสิน “ไบเดน” ปธน.สหรัฐฯคนใหม่
เรียบเรียงจาก: CBS News / Financial Times / NPR / New York Times
ภาพจาก AFP / Getty Image / Shutterstock