“ทรัมป์” คาดสหรัฐฯเริ่มแจกวัคซีนโควิด-19 เร็วสุด ต.ค.นี้
สหรัฐฯ ปฏิเสธ "ความช่วยเหลือ” พัฒนาวัคซีนโควิด-19 จากรัสเซีย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ แถลงต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาว ถึงความคืบหน้าของแผนปฏิบัติการ “โอเปอเรชัน วาร์ป สปีด” (Operation Warp Speed) ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการพัฒนา ผลิต และแจกจ่ายวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่า วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสดังกล่าว จะพร้อมสำหรับการแจกจ่ายให้กับประชาชนทั้งประเทศ ได้เร็วที่สุด ภายในเดือนเมษายนปี 2021
ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีทรัมป์ มีขึ้นในขณะที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวยังวิกฤตหลังยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทำสถิติทะลุ 153,496 คนเป็นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดี ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 10 ล้าน 7 แสนคนแล้ว ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ที่ระดับ 1 แสนคนในช่วง 10 วันที่ผ่านมา และมีผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 67,000 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่กว่า 2 แสน 4 หมื่นคน
ประธานาธิบดีทรัมป์ยังเปิดเผยคาดการณ์ว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์จากสหรัฐฯ และไบโอเอ็นเทค บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากเยอรมนี ที่มีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อไวรัสดังกล่าวได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ จะได้รับอนุญาตให้ใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉินในเร็ววันนี้ หลังบริษัทไฟเซอร์ ระบุว่า รายงานข้อมูลความปลอดภัยของวัคซีนตัวดังกล่าว จะเผยแพร่ออกมาในสัปดาห์หน้า ก่อนจะยื่นขออนุญาตใช้งานวัคซีนในกรณีฉุกเฉินได้
ทรัมป์ยังยืนยันด้วยว่า จะไม่บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ปิดเมืองรอบใหม่อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตหรือชาวอเมริกันจะได้รัฐบาลชุดไหนเข้ามาบริหารประเทศ ดังนั้นต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ทรัมป์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว
การปรากฎตัวที่ทำเนียบขาวของทรัมป์ ถือเป็นการแถลงต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในระยะเวลากว่า 1 สัปดาห์ และมีขึ้นหลังสื่อต่างชาติหลายสำนัก เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ว่า นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต คว้าชัยชนะในรัฐจอร์เจีย ที่มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียง สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้สมัครพรรคเดโมแครตคนแรกในรอบ 28 ปี ซึ่งชนะการเลือกตั้งรัฐดังกล่าวต่อจากอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน เมื่อปี 1992 ส่งผลทำให้นายไบเดนมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 306 เสียง
ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งเพิ่ม 15 คะแนนจากรัฐนอร์ท แคโรไลนา ส่งผลทำให้ทรัมป์ มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งทั้งสิ้น 232 คะแนนเท่านั้น ไม่ถึงเส้นชัย 270 เสียง หมดหวังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีติดต่อกันเป็นสมัยที่ 2
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้และกล่าวหาว่ามีการโกงเลือกตั้ง ขณะที่ทีมงานหาเสียงของทรัมป์ ยังคงเดินเรื่องทางกฎหมายท้าทายผลการเลือกตั้งในหลายรัฐ