เป็นเวลาเกือบ 1 ปี แล้วที่โลกได้รู้จักกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หากนับตั้งแต่วันที่มีการแพร่ระบาดจากจุดเริ่มต้นที่เมือง อู่ฮั่น ประเทศจีน จนเริ่มแพร่กระจายไปทั่วโลกการจากเดินทาง จากนั้น องค์การอนามัยโลก ได้ กำหนดว่าเป็นเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในชื่อว่า โควิด-19
7 ประเทศพบโควิด-19 กลายพันธุ์จากตัวมิงค์
มาถึงวันนี้ โควิด-19 ยังคงอยู่ ในหลายประเทศยังอยู่ในจุดที่น่ากังวลตัวเลขผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นทุก ขณะที่บางประเทศก่อนหน้านี้เหมือนจะดีขึ้นแต่สุดท้ายก็กลับมาระบาดอีกครั้งในระลอก 2 และกำลังจะเข้าสู่ระลอกที่ 3 หากไล่เรียงประเทศใหญ่ๆ ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ยังอยู่ในขั้นวิกฤต เริ่มต้นที่
ญี่ปุ่น หวั่นระลอก 3 ประกาศภาวะเตือนภัยขั้นสูงสุด
นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นเข้าสู่ ภาวะเตือนภัยขั้นสูงสุด หลังมีรายงานการพบยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์โดยต้องการให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในร้านอาหารมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
พร้อมมอบหมายให้นายยาซูโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีเศรษฐกิจญี่ปุ่น ซึ่งรับผิดชอบการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และนายโนริฮิสะ ทามูระ รัฐมนตรีสาธารณสุข ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด ตามที่ได้หารือกับผู้เชี่ยวชาญเป็นเวลา 2 วันจนถึงวันศุกร์นี้
หลังจาก พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 2,189 รายในวันพุธที่ 18 พ.ย. ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด และเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขดังกล่าวทะลุ 2,000 รายนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดขึ้นในประเทศ
ขณะที่ในกรุงโตเกียวรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่แตะระดับ 500 รายเป็นครั้งแรกในวันนี้และนับเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันแล้วที่จำนวนผู้ป่วยใหม่ต่อวันในโตเกียวทำสถิติใหม่ และเป็นเพียง 1 วัน
โควิดระลอกสาม? ญี่ปุ่นติดเชื้อรายวันทะลุ 2,000 คน
สหรัฐป่วยโควิด-เสียชีวิตมากกว่า 18% ของโลก
ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ณ เวลา 17.25 น.ของวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือ 05.25 น.ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 11.4 ล้านราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นแตะ 250,029 ราย
ทำให้ สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก หรือมากกว่า 18% ของจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกรวมกัน
และเมื่อวันอังคาร (16 พ.ย.) ที่ผ่านมา มีรายงานว่าผู้เสียชีวิตโควิด-19 อยู่ที่ 1,707 ราย ซึ่งเป็นสถิติผู้เสียชีวิตในวันเดียวสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการรายงานยอดผู้เสียชีวิตสูงสุดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม
โดยรัฐนิวยอร์กเป็นรัฐที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในสหรัฐ โดยอยู่ที่ 34,173 ราย ขณะที่รัฐเท็กซัสมีผู้เสียชีวิตรองเป็นอันดับสอง โดยอยู่ที่ 20,147 ราย ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา และนิวเจอร์ซีย์มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 16,000 ราย
ส่วนรัฐที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 9,000 ราย ประกอบด้วยรัฐอิลลินอยส์ แมสซาชูเซตส์ เพนซิลเวเนีย และจอร์เจีย
ส่งผลทำให้หลายรัฐกลับมาดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง เช่น รัฐนิวยอร์ก ปิดการเรียนการสอสนโรงเรียนรัฐบาลทุกแห่งตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย.2563 นี้เป็นต้นไป
ขณะที่ ผู้ว่าการใน 7 รัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ (รัฐนิวยอร์ก, แมสซาชูเซตส์, เดลาแวร์, คอนเนตทิคัต, นิวเจอร์ซีย์, โรดไอแลนด์ และเพนซิลเวเนีย) เรียกร้องให้มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยทำการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับนักศึกษาทุกคนก่อนถึงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า พร้อมแจ้งให้นักศึกษาและครอบครัวได้รับทราบข้อกำหนดด้านการกักกันตัวของรัฐ พร้อมแนะนำให้จัดการการเรียนการสอนทางออนไลน์ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ระหว่างวันขอบคุณพระเจ้าและวันปิดเทอมช่วงฤดูหนาว แทนการเดินทางออกมาเรียนในมหาวิทยาลัย
ลอสแอนเจลิสเคาน์ตี ประกาศใช้มาตรการควบคุมใหม่ให้ธุรกิจค้าปลีกที่ไม่สำคัญต้องจำกัดปริมาณลูกค้าในร้านไว้ไม่เกิน 25% ร้านอาหารกลางแจ้งถูกจำกัดปริมาณลูกค้าไว้ที่ 50% และไม่ได้รับอนุญาตให้บริการนั่งทานในร้าน ขณะที่การรวมตัวทั้งหมดต้องอยู่กลางแจ้ง และจำกัดที่ 15 คนจากไม่เกิน 3 ครัวเรือน ร้านเสริมสวยอนุญาตเฉพาะลูกค้าที่นัดหมาย จองคิว และทุกธุรกิจต้องปิดทำการในเวลา 22.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
อินเดีย
กระทรวงสาธารณสุขอินเดีย เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก 45,576 ราย และพบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีก 585 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 8,958,483 ราย และยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 131,578 ราย
รัฐบาลอินเดียได้เพิ่มสถานที่ตรวจเชื้อโควิด-19 ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยข้อมูลจากสภาวิจัยทางการแพทย์แห่งอินเดีย (ICMR) ระบุว่า มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แก่ประชาชนแล้ว 128,508,389 ครั้ง และเฉพาะวันพุธวันเดียวนั้น มีการตรวจหาเชื้อจำนวนมากถึง 1,028,203 ครั้ง ด้านนายอาร์วินด์ เคจ์ริวาล มุขมนตรีแห่งกรุงเดลี ได้เรียกประชุมทุกฝ่ายในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือการแพร่ระบาด
เมียนมาตัวเลขติดเชื้อใหม่รายวันใกล้ 1,600 ราย
ขณะที่ประเทศติดชายแดนไทยอย่างเมียนมา กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาของเมียนมา แถลงว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 1,592 ราย ส่งผลให้ขณะนี้เมียนมามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 73,332 ราย ขณะที่ ผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 25 ราย สู่ระดับ 1,650 ราย
ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมียนมาได้พุ่งขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่ที่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อเป็นครั้งแรกเพียง 2 รายในวันที่ 23 มี.ค.
อินโดนีเซียสูงสุดในอาเซียน
กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 3,807 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 474,455 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยได้ลุกลามไปทั้ง 34 จังหวัดของอินโดนีเซีย
ส่วนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มีจำนวน 97 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 15,393 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ล้านรายอื่นๆ ได้แก่ รัสเซีย สเปน สหราชอาณาจักร อาร์เจนตินา อิตาลี โคลอมเบีย และเม็กซิโก
ซึ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทวีความรุนแรงและรวดเร็วขึ้น โดยทั่วโลกติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 10 ล้านรายภายในเวลา 3 เดือน และสู่ระดับ 20 ล้านรายภายใน 44 วัน, 30 ล้านรายภายใน 38 วัน, 40 ล้านรายภายใน 32 วัน และ 50 ล้านรายภายในเวลาเพียง 22 วัน
