ระเบิดขบวนปราศรัยนายกฯเอธิโอเปีย เสียชีวิตหลายคน
เอธิโปเปียวอนนานาชาติช่วยเหลือ หลังกองทุนอาหารใกล้หมด
สถานการณ์ล่าสุดในภูมิภาคทีเกรย์ ทางตอนเหนือของเอธิโอเปีย การปะทะระหว่างกลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยทีเกรย์กับรัฐบาลกลาง ทั้งการโจมตีทางอากาศ และการใช้อาวุธภาคพื้นดิน ทำให้ประชาชนเสียชีวิตไปแล้วหลายร้อยราย อีกกว่า 27,000 ราย ต้องลี้ภัยไปยังประเทศซูดาน ประเทศเพื่อนบ้าน
ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยทีเกรย์กับรัฐบาลเอธิโอเปีย เกิดขึ้นหลังจากนายอาบีร์ อาเหม็ด นายกรัฐมนตรี เลื่อนการเลือกตั้งโดยให้เหตุผลเกี่ยวกับโควิด-19 แต่กองกำลังชาตินิยมทีเกรย์ มองว่า เขายื้อเวลาอยู่ในอำนาจทั้งๆที่หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว
เอธิโอเปียเป็นประเทศที่ประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่ม ที่นำไปสู่ความขัดแย้งกันเองภายในประเทศ จนถึงความขัดแย้งเรื่องพรมแดนกับประเทศอื่น
ระหว่างปี 1998 ถึง ปี 2000 เกิดความขัดแย้งระหว่างเอธิโอเปียกับเอริเทรียเรื่องข้อพิพาทพรมแดน
จนกระทั่งในปี 2018 นายอาบีย์ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับรัฐบาลเอริเทรีย เป็นการยุติความขัดแย้งด้านพรมแดนที่กินเวลามาหลายปี สนธิสัญญาฉบับนั้นทำให้เขาได้รางวัลโนเบลสันติภาพไปเมื่อปี 2019
แต่การส่งกองกำลังเข้าไปในภูมิภาคทีเกรย์ครั้งล่าสุดจนนำไปสู่วิกฤตรุนแรง ทำให้เขาถูกตั้งคำถามจากประชาคมโลกว่า นี่ไม่ใช่สันติภาพ แต่คือสงครามที่เขากำลังก่อ
ในช่วง 2 สัปดาห์ ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากโจมตีกันอย่างไรบ้าง จนทำให้เอธิโอเปียเข้าสู่วิกฤตทางมนุษยธรรมอย่างเต็มรูปแบบ
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา อาบีย์ อาห์เหม็ด นายกรัฐมนตรีของเอธิโอเปีย เปิดฉากประกาศสงครามกับ “กลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยประชาชนทีเกรย์” และส่งกองทัพเข้าไปในภูมิภาคทีเกรย์ เพื่อเป็นการตอบโต้หลังกองกำลังติดอาวุธท้องถิ่นของทีเกรย์เข้าโจมตีกองทัพรัฐบาลกลางที่ประจำอยู่ในทีเกรย์
“กลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยประชาชนทีเกรย์” ออกมาปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้เริ่มการโจมตีก่อน และกล่าวว่ารัฐบาลเอธิโอเปียกุเรื่องขึ้นเพื่อเป็นข้ออ้างในการโจมตีพวกเขาในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์ต่อสู้ระหว่างทั้ง 2 กลุ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน รัฐบาลเอธิโอเปีย เปิดเผยว่า สนามบิน 2 แห่งในภูมิภาคอัมฮารา ซึ่งอยู่ติดกับภูมิภาคทีเกรย์ ถูกโจมตีด้วยจรวด
ด้าน “กลุ่มแนวหน้าปลดปล่อยประชาชนทีเกรย์” ออกมายอมรับว่า พวกเขาเป็นฝ่ายยิงจรวดโจมตีสนามบิน เพื่อตอบโต้ที่รัฐบาลกลางโจมตีทางอากาศในภูมิภาคทีเกรย์ พร้อมขู่ว่า พวกเขาจะเพิ่มการโจมตีขึ้นอีก
สถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นทำให้ประชาชนหลายหมื่นรายต้องลี้ภัยไปยังซูดาน
ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ประกาศว่า สถาการณ์ที่เกิดขึ้นเป็น “วิกฤตด้านมนุษยธรรมแบบเต็มรูปแบบ” (Full-scale Humanitarian Crisis)