วิกฤตโควิด-19 ในแคลิฟอร์เนียเริ่มดีขึ้น
ดิสนีย์แลนด์ แคลิฟอร์เนีย เลิกจ้างพนักงาน 28,000 คน
นายเกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย บังคับใช้คำสั่งเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานยามวิกาล ตั้งแต่เวลา 22 นาฬิกา จนถึงเวลา 5 นาฬิกาของอีกวัน โดยให้มีผลนาน 1 เดือน นับตั้งแต่วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 21 ธันวาคม และอาจจะประเมินขยายระยะเวลาต่ออีก หากมีความจำเป็น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
สำหรับคำสั่งเคอร์ฟิวนี้จะบังคับใช้กับพื้นที่ราว 41 เขตจาก 58 เขตหรือครอบคลุมประชากรราว 94 เปอร์เซ็นต์ของทั้งรัฐ โดยร้านอาหารสามารถให้บริการได้เฉพาะการซื้อกลับบ้านและจัดส่งแบบเดลิเวอรี ขณะที่ทางการท้องถิ่นของบางเขตในรัฐแคลิฟอร์เนีย เตือนว่า อาจบังคับใช้ข้อจำกัดที่เข้มงวดขึ้น อาทิ ห้ามธุรกิจห้างร้านเปิดทำการและห้ามการเดินทางไม่จำเป็นทั้งหมด เช่นที่เคยบังคับใช้ช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทะลุ 1 ล้านคน เมื่อสัปดาห์ก่อน ถือเป็นรัฐที่ 2 ต่อจากรัฐเท็กซัส ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลทั่วรัฐ เพิ่มขึ้น 61 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 2 สัปดาห์ และประเมินว่า สถานการณ์จะเลวร้ายยิ่งกว่าการแพร่ระบาดระดับสูงสุด เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ชาวอเมริกัน หลีกเลี่ยงการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงวันหยุดขอบคุณพระเจ้าที่กำลังจะมาถึงในสัปดาห์หน้าเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไวรัดสังกล่าว เนื่องจากตามปกติแล้ว วันขอบคุณพระเจ้าถือเป็นช่วงเวลาที่มีผู้คนเดินทางกันแน่นขนัดที่สุด และเมื่อปีที่แล้ว มีชาวอเมริกันประมาณ 26 ล้านคน เดินทางผ่านสนามบินทั่วประเทศในช่วงวันหยุด
ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 187,000 คน เมื่อวันพฤหัสบดี ทำสถิติยอดผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุด ส่งผลทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งประเทศทะลุ 12 ล้านคนแล้ว และพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2,000 คน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม รวมทั้งหมดกว่า 2 แสน 5 หมื่นคน
