ลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์โครงการนิวเคลียร์อิหร่าน
สหรัฐฯ ชี้ อิหร่านโกหกเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์
ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ของอิหร่าน กล่าวระหว่างการแถลงผ่านโทรทัศน์วันนี้ (28 พ.ย.) ถึงเหตุลอบสังหารนายโมห์เซน ฟาครีซาเดห์ นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์คนสำคัญของอิหร่าน ว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่มืออันแสนชั่วร้ายของรัฐที่หยิ่งผยองเปื้อนเลือด โดยอาศัยรัฐบาลไซออนนิสต์เป็นมือสังหาร เหตุการณ์นี้แสดงถึงความสิ้นหวังและความเกลียดชังอย่างที่สุดของศัตรูของอิหร่าน อย่างไรก็ตาม การสละชีพของนายฟาครีซาเดห์ จะไม่เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของอิหร่าน
นอกจากนี้ ผู้นำอิหร่านยังกล่าวว่า ชาวอิหร่านฉลาดเกินกว่าที่จะติดกับดักของรัฐไซออนนิสต์ และอิหร่านจะตอบโต้เหตุลอบสังหารครั้งนี้เมื่อถึงเวลาที่สมควร จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากอิสราเอล ขณะที่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น
กระทรวงกลาโหมอิหร่านระบุว่า รถยนต์ที่นายโมห์เซน ฟาครีซาเดห์ ซึ่งเป็นหัวหน้าองค์กรวิจัยและนวัตกรรมของกระทรวง นั่งมาด้วย ถูกกลุ่มติดอาวุธโจมตีบริเวณเมืองอับซาร์ด ก่อนจะเกิดการยิงปะทะกันระหว่างผู้ก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่อารักขา โดยนายฟาครีซาเดห์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญในโลกตะวันตกเชื่อว่านายฟาครีซาเดห์มีบทบาทสำคัญในความพยายามของอิหร่านที่จะหาวิธีสะสมหัวรบนิวเคลียร์ โดยมีโครงการเสริมประสิทธิภาพแร่ยูเรเนียมเพื่อพลเรือนเป็นฉากบังหน้า อย่างไรก็ตาม อิหร่านปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้เคยมีความคิดที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
ขณะที่รายงานสำคัญของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศที่เผยแพร่ในปี 2011 ระบุว่า นายฟาครีซาเดห์ เป็นบุคคลสำคัญในโครงการพัฒนาเทคโนโลยีและทักษะที่จำเป็นสำหรับการผลิตระเบิดนิวเคลียร์ และอาจจะยังมีบทบาทอยู่
เหตุลอบสังหารนายฟาครีซาเดห์เกิดขึ้นขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กำลังจะพ้นจากอำนาจ และอาจเป็นอุปสรรคต่อความพยายามของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์การทูตกับอิหร่านหลังจากเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลของทรัมป์มีท่าทีแข็งกร้าวต่ออิหร่าน โดยเมื่อปี 2018 ทรัมป์ได้ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่อิหร่านลงนามร่วมกับชาติมหาอำนาจ 6 ประเทศ ก่อนจะเริ่มกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านอีกครั้ง