วัคซีนป้องกัน โควิด-19 เดินทางถึงสหราชอาณาจักร
8 ธ.ค. ดีเดย์สหราชอาณาจักรฉีดวัคซีนโควิด-19 ชุดแรก
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทยอยนำกล่องบรรจุวัคซีนป้องกันโควิด 19 ของบริษัทไฟเซอร์ ลงจากรถบรรทุก แกะกล่องกระดาษออก ข้างในเป็นกล่องโฟมกักเก็บความเย็น มีการใช้น้ำแข็งแห้งจำนวนมากวางทับไว้อีกทีเพื่อรักษาความเย็นให้ได้ -70 องศาเซลเซียส ก่อนจะลำเลียงนำกล่องวัคซีนไปไว้ตู้กักเก็บความเย็นของโรงพยาบาล และต้องมั่นใจว่า ในตู้เก็บเหล่านี้ อุณหภูมิต้องติดลบ 70 องศาเซลเซียส ถ้าจะให้ได้นานกว่า 5 วัน
ข้อจำกัดของวัคซีนไฟเซอร์ เพราะวัคซีนเหล่านี้ไม่สามารถถูกแบ่งออกและใส่ในกล่องเก็บความเย็นเล็กๆ ทั่วไป เพื่อขนส่งไปตามศูนย์ดูแล หรือศูนย์ผู้สูงอายุต่างๆ ได้ หากการขนส่งใช้เวลานานเกิน 5 วัน
นอกจากนี้ยังไม่สามารถถูกเคลื่อนย้ายได้เกิน 4 ครั้ง ดังนั้นนี่ยังเป็นโจทย์ให้ของสหราชอาณาจักรในการขนส่งวัคซีนเหล่านี้ได้อย่างปลอดภัยและทันเวลา สหราชอาณาจักรเซ็นสัญญาสั่งวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์จำนวน 40 ล้านโดส ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอกับประชากรจำนวน 20 ล้านคน เนื่องจากหนึ่งคนต้องได้รับวัคซีน 2 โดส
ล็อตแรกจำนวน 8 แสนโดสที่เราเห็นไปแล้วส่วนหนึ่งจะฉีดให้เจ้าหน้าที่ตามศูนย์ดูแล เจ้าหน้าที่การแพทย์ และคนสูงวัยที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติหรือ NHS กำลังทำลิสต์รายชื่อคนสูงวัยทั่วประเทศ เพื่อทำการนัดหมายให้มาฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล
หนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ของอังกฤษรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในพระราชวังบักกิ้งแฮมว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง และ เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินเบอระ จะทรงเป็นหนึ่งในกลุ่มคนสูงวัยอายุ 80 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีน เนื่องจากสมเด็จพระราชินีมีพระชนมายุ 94 พรรษา ขณะที่เจ้าชายฟิลิปมีพระชนมายุ 99 พรรษา โดยทั้งคู่ทรงไม่ได้มีสิทธิพิเศษใดๆ และจะรอการเข้ารับวัคซีนเฉกเช่นเดียวกับพสกนิกรผู้สูงวัยรายอื่นๆ
ทั้งสองพระองค์ทรงได้รับเสียงชื่นชมจากสาธารณะอย่างมาก จากการที่ทรงไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ และทรงสนับสนุนการเข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อเป็นการรณรงค์และยืนยันถึงความสำคัญและความปลอดภัยของวัคซีน ท่ามกลางประชาชนที่ยังไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยของวัคซีน หรือบางกลุ่มที่ต่อต้านวัคซีนเพราะแนวคิดทางการเมืองหรือความเชื่อทางศาสนา โดยคาดว่าทั้งสองพระองค์จะเข้ารับการฉีดวัคซีนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การมีวัคซีนไม่ได้หมายความว่าวิกฤตโรคระบาดสิ้นสุดแล้ว ยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนจนกว่าประชาชนจะได้รับวัคซีนในจำนวนที่มากพอ
ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วสหภาพยุโรปได้ออกมาแสดงความเห็นว่า การอนุมัติวัคซีนของสหราชอาณาจักรนั้นรีบเร่งเกินไป ซึ่งยุโรปจะใช้มาตรการตรวจสอบความปลอดภัยของวัคซีนที่เข้มงวดกว่า แต่หน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของอังกฤษยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลด้านความปลอดภัยของวัคซีนบริษัทไฟเซอร์อย่างละเอียด ดังนั้นประชาชนทุกคนสามารถมั่นใจในวัคซีนตัวนี้ได้
ขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของอังกฤษอยู่ที่ 1 ล้าน 7 แสนคน เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 61,000 คน โดยอังกฤษเริ่มมียอดผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 10,000 คน ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา จนทำให้ทางการต้องประกาศใข้มาตรการล็อคดาวน์อย่างเข้มงวดอีกครั้ง