หนุ่มอิตาลีทะเลาะกับภรรยา เดินสงบสติอารมณ์ไกล 450 กม.


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ในช่วงล็อคดาวน์ที่ผ่านมาสำหรับคนมีคู่หลายครอบครัวระบุว่า ถือเป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน อย่างไรก็ตามไม่เสมอไป สำหรับหลายคู่ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะการติดอยู่ในบ้านด้วยกันถือเป็นความอึดอัด และเมื่ออึดอัดมากๆ ก็ต้องหาทางระบายแบบเดียวกับสามีชาวอิตาลีคนนี้

คู่รักอินเดียแต่งงานในชุด PPE หลังเจ้าสาวติดโควิด-19

โฆษกกทม.เปิดไทม์ไลน์ 5 คนติดโควิดในกทม.ขึ้นBTS - MRT สันนิษฐาน 3 สาเหตุ

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อจู่ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองฟาโน เมืองชายฝั่งทางตะวันออกของอิตาลี พบเข้ากับชายคนหนึ่งที่กำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่กลางดึก  ตอนนั้นเป็นเวลาตี 2 ซึ่งทั่วทั้งประเทศกำลังใช้มาตรการเคอร์ฟิวห้ามออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 4 ทุ่มถึงตีห้า ตำรวจจึงเข้าเตรียมที่จะจับชายคนนี้

แต่เมื่อถามเรื่องราวก็ต้องตกใจ เพราะชายปริศนาเดินเท้ามาจากเมืองโคโม ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งตั้งห่างออกไปไกลถึง 450 กิโลเมตร ต้องบอกว่าสองเมืองนี้ตั้งอยู่คนละภูมิภาค เมืองโคโมที่ชายคนนี้เดินจากมาตั้งอยู่ในแคว้นลอมบาร์เดีย ส่วนเมืองฟาโนที่ตำรวจไปเจอตั้งอยู่ในจังหวัดปีซาโรและอูร์บีโน ด้วยระยะทางแล้วเทียบกับการเดินเท้าจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดสุโขทัย และเมื่อสอบถามชายคนนี้ก็เล่าว่าเดินเท้ามาแล้วหนึ่งสัปดาห์ ส่วนเหตุผลนั้น ชายปริศนาวัย 48 ปีที่ไม่ระบุชื่อเล่าว่า ตัวเขาทะเลาะกับภรรยา เลยตัดสินใจออกมาเดินสงบสติอารมณ์ แต่เดินไปเดินมาก็พบว่าตนเดินข้ามเมืองมาแล้ว

ตอนแรกข่าวนี้ปรากฏเป็นเพียงข่าวท้องถิ่นเท่านั้น แต่ไม่นานก็โด่งดังจนเป็นไวรัลไปทั่วประเทศ  บรรดาชาวเน็ตต่างทึ่งในความอึดของชายคนนี้ที่เดินข้ามเมืองมาได้ เนื่องจากในเวลานี้ที่อิตาลีเป็นฤดูหนาว  โดยตัวเขาเล่าว่า ประทังชีวิตด้วยน้ำและอาหารจากคนแปลกหน้าข้างทางที่หยิบยื่นให้ และไม่ได้เจ็บป่วยอะไรมาก เพียงแค่รู้สึกเหนื่อยและหนาวเท่านั้น ซึ่งหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเรื่องราวก็ตัดสินใจปรับเขาข้อหาฝ่าฝืนเคอร์ฟิวเป็นเงิน 400 ยูโร หรือราว 14,000 บาท ก่อนที่ชาวบ้านแถวนั้นจะหาที่พักให้ และติดต่อภรรยาให้มารับตัวกลับบ้าน ซึ่งตัวภรรยาเองก่อนหน้านี้ได้แจ้งความกับตำรวจท้องถิ่นมาแล้ว หลังพบว่าสามีหายไปหลายวัน

อย่างไรก็ตามหลังเรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าว ชาวเน็ตจำนวนหนึ่งออกมาต่อว่าตำรวจ โดยระบุว่า อันที่จริงตำรวจไม่ควรปรับเงินชายคนนี้ และควรจะไปส่งเขากลับบ้านด้วยซ้ำ

เรื่องของชายคนนี้ถือเป็นข่าวที่สร้างสีสันให้แก่อิตาลี แต่ลึกๆ ลงไปกำลังสะท้อนถึงผลกระทบจากโควิด-19 เมื่อมาตรการล็อคดาวน์ทำให้สามีภรรยาจำนวนหลายคู่รู้สึกเครียดและบาดหมางกันมากกว่าเดิม  ปัญหานี้กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก เมื่อในปีนี้หลายประเทศมีอัตราการยื่นคำร้องขอหย่าร้างสูงขึ้น ตัวอย่างจากสหราชอาณาจักร รายงานจากบริษัทกฎหมายสจ๊วตลอร์ ระบุว่า อัตราการยื่นคำร้องหรือสอบถามเกี่ยวกับการหย่าร้างในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม สูงขึ้นถึงร้อยละ 122 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ส่วนในสหรัฐอเมริกา รายงานข่าวระบุ อัตราการหย่าร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 โดยจำนวนไม่น้อยเป็นคู่แต่งงานใหม่ในปีนี้  ปัญหานี้ไม่ได้พบแค่ในยุโรปที่มีมาตรการล็อคดาวน์อย่างเข้มงวด ในจีนที่คุมเข้มปิดเมืองเมื่อต้นปีก็มีปัญหานี้เช่นกัน

โดยแค่ในนครเซียงไฮ้เพียงเมืองเดียว รายงานจากสำนักงานกฎหมาย ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีอัตราการขอหย่าร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 25  เหตุใดการล็อคดาวน์จึงส่งผลให้สามีภรรยาทะเลาะกันมากขึ้น รวมไปถึงนำมาสู่การหย่าร้าง?

ผลสำรวจโดย Relate องค์กรการกุศลที่มุ่งช่วยเหลือด้านความสัมพันธ์ในสหราชอาณาจักรระบุว่า มาตรการล็อคดาวน์ให้ผู้คนอยู่แต่ในบ้านสร้างสภาพแวดล้อมที่ “สร้างและทำลาย”

สำหรับบางคนการใช้เวลาอยู่ร่วมกันช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ แต่สำหรับหลายคนการต้องอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมงสร้างความเครียด และนำไปสู่กระทบกระทั่งกัน จนบานปลายไปสู่ความต้องการหย่าร้าง เพื่อยกเลิกความสัมพันธ์ ถ้าเช่นนั้นควรทำอย่างไรจึงจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้? ลำพังการออกไปเดินสงบสติอารมณ์แบบชายชาวอิตาลีก็ช่วยแก้ได้ระดับหนึ่ง

แต่คำแนะนำจาก เคท มอยเล นักจิตบำบัดจากสหราชอาณาจักรเสริมว่า ให้หาเวลาที่เป็นส่วนตัว แม้จะต้องติดอยู่ในบ้านกับสามีหรือภรรยาก็ตาม รวมถึงทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลายความเครียด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องโฟกัสอยู่กับความสัมพันธ์ตลอดวัน

 

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ