อิตาลี พบ 2 ซากศพ เหยื่อภูเขาไฟถล่มปอมเปอี 2,000 ปีก่อน
พบพื้นกระเบื้องโมเสกโรมันโบราณสมัยศตวรรษที่ 3 ใต้เถาวัลย์ไร่องุ่นในอิตาลี
ซากปรักหักพังทรงสี่เหลี่ยมที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับเคาเตอร์นี้ คือส่วนหนึ่งของอดีตร้านอาหารข้างทางในเมืองปอมเปอี
ย้อนกลับไปเมื่อ 2,000 ปีก่อน บริเวณนี้มีผู้คนแวะเวียนมาซื้ออาหาร บ้างนั่งรับประทาน ก่อนที่ทั้งหมดจะถูกฝังกลบใต้เถ้าภูเขาไฟ
เศษซากนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำรวจอารยธรรมโบราณที่ทำตั้งแต่ปี 2019 ก่อนหน้านี้มีการค้นพบร้านอาหารข้างทาง มีการบูรณะบางส่วนเรื่อยมาจนปัจจุบัน
การค้นพบครั้งนี้ทำให้เรารู้มากขึ้นมากว่าเมื่อ 2,000 ปีก่อน คนกินอะไรกัน และปรุงอาหารยังไงกัน
คนโบราณปรุงอาหารกันอย่างไร?
จะเห็นว่าตามซากมีช่องกลมๆ นั่นคือช่องที่เป็นเตาสำหรับปรุงอาหาร มากกว่านั้นทีมวิจัยยังค้นพบหม้อดินเผา หม้อเซรามิก และเหยือกทองเหลืองจำนวนหนึ่งที่ใช้ในการสร้างสรรค์เมนูต่างๆ อีกด้วย
ว่าแต่พวกเขากินอะไรกัน?
ภาพเขียนที่ยังคงหลงเหลือตามซาก รวมไปถึงเศษกระดูกที่พบในช่องเตาบ่งชี้ถึงวัตถุดิบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ไก่ เป็ดป่า แพะ ปลา หรือแม้แต่หอยทาก
ส่วนที่ก้นของภาชนะใส่ไวน์ยังพบเศษถั่วปากอ้าที่นักโบราณคดีเชื่อว่า ในอดีตชาวปอมเปอีใส่ถั่วลงไปในไวน์เพื่อเพิ่มสีสันและรสชาติ
ซึ่งเหล่านี้คือส่วนหนึ่งเท่านั้นของข้อมูลที่นักวิจัยทราบ ยังมีตัวอย่างอีกมากมายที่ถูกส่งไปตรวจยังห้องปฏิบัติการ ซึ่งทีมงานเชื่อว่าจะเผยข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุคโบราณ ตลอดจนที่มาของอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเชื่อกันว่าได้รับอิทธิพลมาจากอาหารแบบชาวโรมัน ดังที่เห็นอยู่นี้
รายงานจาก มัสซิโม โอซานนา ผู้อำนวยการแหล่งโบราณคดีในปอมเปอีระบุว่า รุปแบบการขายอาหารของสตรีทฟู้ดที่ค้นพบนี้ มีกลุ่มเป้าหมายคือบรรดาชาวเมืองที่มีฐานะยากจน โดยเป็นลักษณะอาหารที่ปรุงง่าย ขายไว ไม่ต่างจากฟาสต์ฟู้ดในปัจจุบัน
อีกหนึ่งความน่าสนใจของการค้นพบคือโครงกระดูกมนุษย์ที่ถูกฝังบริเวณร้านขายอาหาร
กระดูกที่พบมี 2 ร่าง ร่างแรกเป็นชายวัยประมาณ 50 ปี ที่ขณะนี้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นเหยื่อที่หนีไม่ทันการระเบิดของภูเขาไฟวิสุเวียส
ส่วนอีกร่างที่พบมีอายุน้อยกว่า โดยเชื่อกันว่าน่าจะเป็นหัวขโมยที่อาศัยช่วงเวลาชุลมุนที่ผู้คนกำลังหลบหนี มาเพื่อขโมยข้าวของมีค่าภายในร้าน
ปอมเปอี คืออดีตเมืองในอาณาจักรโรมัน ปัจจุบันตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี ที่นี่เคยรุ่งเรืองและมีผู้คนอาศัยอยู่ราว 13,000 คน จนกระทั่งในปีคริสต์ศักราชที่ 79 ภูเขาไฟวิสุเวียสที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองเกิดปะทุขึ้น พ่นเอาก้อนหิน ลาวา เถ้าถ่าน และแมกมาออกมาทับถมเมือง จำนวนมากที่หนีไม่ทันถูกแช่แข็งเป็นหินมาจนปัจจุบัน ซึ่งที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรม
ปัจจุบันปอมเปอีเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอิตาลี มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมสถานที่ประวัติศาสตร์นี้มาถึง 2 ล้านคนต่อปี
ส่วนในมุมของโบราณคดี ทุกวันนี้ทั่วพื้นที่ของเมืองปอมเปอีที่มีขนาด 3 ตารางกิโลเมตร ยังคงมีพื้นที่ราว 1 ใน 3 ที่ยังไม่ได้ขุดค้น ซึ่งรวมถึงร้านอาหารข้างทางร้านนี้ด้วยเช่นกัน
นั่นหมายความว่าในอนาคต ใต้พื้นดินของที่นี่ยังคงมีเรื่องราวของอารยธรรมโบราณอีกมากมายที่กำลังรอการเปิดเผย
สำหรับพื้นที่บริเวณร้ายขายอาหารที่เพิ่งค้นพบล่าสุดยังไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เนื่องจากกำลังอยู่ระหว่างการขุดค้นทางโบราณคดี แต่ทางการคาดว่าจะเปิดให้เข้าชมได้ในช่วงกลางปีหน้า